27
บุ้งกี๋ออกมาถามถึงห้องเก็บเอกสารจากคุณเลขาไว้แล้ว หล่อนจึงรีบลงไปหวังค้นหาเอกสารเกี่ยวกับการจัดซื้อยาในปีก่อน ๆ เพื่อบันทึกลงโปรแกรมเพื่อให้ง่ายต่อการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้บริหาร
ห้องเก็บเอกสารเป็นห้องเล็ก ๆ ที่อยู่ชั้นเดียวกับแผนกบัญชี บุ้งกี๋แปลกใจที่เห็นจีรณายังไม่กลับ และยืนพูดคุยอยู่กับศัลยา ผู้หญิงคนที่พูดจาถากถางหล่อนเมื่อวันก่อน หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เพราะไม่อยากเสวนาให้มากความ ไม่มีเรื่องก็อย่าหาเรื่อง หล่อนคิดแบบนั้น........
ห้องเก็บเอกสารมีกุญแจตัวใหญ่คล้องอยู่ หล่อนไม่เดือดร้อนเพราะขอลูกกุญแจจากคุณเลขามาแล้ว หญิงสาวไขเข้าไปภายในห้องที่ค่อนข้างอับทึบ ห้องเล็ก ๆ เต็มไปด้วยชั้นวางเอกสารหลายชั้น เว้นที่ระหว่างชั้นพอแค่เดินได้คงจะเก็บแต่เอกสารเก่า ๆ เพราะหลัง ๆ มานี้ส่วนใหญ่จัดเก็บเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์หมดแล้ว หล่อนไล่หาจนตาลายหายใจไม่ค่อยออกเพราะปริมาณออกซิเจนในห้องคงจะน้อยด้วย เนื่องจากไม่มีหน้าต่างเปิดระบายอากาศ....ถึงแม้ห้องนี้จะสะอาดสะอ้านแต่การเรียงเอกสารก็ไม่ได้จัดหมวดหมู่ที่ชัดเจนกว่าจะเจอแฟ้มที่ต้องการก็เล่นเอาเหงื่อตกไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
บทที่ 7
“ไปเถอะวิทย์ บ่ายนี้คงไม่มีอะไรแล้วล่ะ” หมอทัพพ์อนุญาตให้เลขากลับไปก่อนเพราะเขาเข้ามาขอลางานในช่วงบ่ายเพราะมีธุระจำเป็น ชายหนุ่มยกนาฬิกาขึ้นดูเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ ไม่รู้ว่ายัยตัวยุ่งไปอยู่ซะที่ไหนโทรศัพท์ก็ไม่รู้จักเอาไปด้วย ป่านนี้ยังไม่กลับขึ้นมาอีกทั้งที่เลยเวลาอาหารกลางวันแล้วด้วยซ้ำ.......ชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดจึงได้เดินออกไปถามกับเลขาที่กำลังเก็บของและจะออกไปพอดี
“วิทย์ นายเห็นบุ้งกี๋ไหม ไม่รู้ว่าหายไปไหน”
“สงสัยจะอยู่ที่ร้านกาแฟข้างล่างหรือเปล่าครับ คุณบุ้งกี๋ขอกุญแจห้องเก็บเอกสารไปนานแล้ว คงจะร้อนเลยเดินไปหาเครื่องดื่มเย็น ๆ กระมัง เดี๋ยวผมแวะไปดูให้นะครับ ”ไกรวิทย์ ตอบเรียบ ๆ ในขณะที่เจ้านายหนุ่มตอบปฏิเสธความช่วยเหลือ เดินกลับเข้าห้องไปโดยไม่พูดไม่จา เลขาหนุ่มมองตามแผ่นหลังของคนเป็นนายนิ่งนาน ก่อนจะออกไปทำธุระสำคัญตามที่ขออนุญาตเจ้านายเอาไว้แล้วด้วยใบหน้าเรียบเฉย
หมอทัพพ์เข้ามานั่งในห้อง ความหงุดหงิดงุ่นง่านเพิ่มทบทวีคูณ จนไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้จึงลุกออกจากห้องไปอีกครั้ง
“มีอะไรให้รับใช้ไหมครับ” เสียงทุ้มของบาริสต้าหนุ่ม ที่เพิ่งจะกลับเข้าร้านดังขึ้นใกล้ ๆ ใครบางคนที่ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าร้านราวกับกำลังมองหาใคร ซึ่งก็เดาได้ไม่ยาก หลังจากเจอกันที่ห้าง ก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้หวงคู่หมั้นหนักมาก ผู้ชายด้วยกันดูออก
“เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ” ชายหนุ่มวางมาดขรึมยืดตัวตรง
“ถ้าจะมาหาคุณบุ้งกี๋ เธอมาเมื่อตอนเช้า และกลับไปตั้งนานแล้วครับ” คิมบอกตามตรง การแสดงออกของคนตรงหน้าบอกชัดว่าคงจะสงสัยหรือระแวงกับอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้นกับเพื่อนสาว จึงรีบอธิบายทั้งที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินจากไป รู้สึกเสียหน้านิด ๆ เขาคิดว่าจะกลับไปรอที่ห้องแต่กลับพบว่าตัวเองกำลังจะเดินไปที่ห้องเก็บของ......เป็นเอามากขนาดนี้เลยหรือวะ...หมอทัพพ์พึมพำกับตัวเองก่อนจะหันหลังกลับ......
“โอ๊ะ...ขอโทษค่ะ...ขอโทษ”
ชายหนุ่มรับรู้ถึงแรงกระแทกแต่ก็แค่เซเล็กน้อย เขาหันมาเห็นเด็กสาว ท่าทางคงจะเป็นพนักงานของที่นี่นั่งกองอยู่ที่พื้น หล่อนก้มหน้าพนมมือไหว้เขาตัวสั่นเทาราวกับทำความผิดมหันต์
“ไม่เป็นไร ลุกขึ้นมาเถอะ”
“เอ่อ...นะ...หนูเจอผีค่ะ” เด็กสาวละล่ำละลักรีบบอกปากคอสั่น ทั้งที่ผู้บริหารหนุ่มยังไม่ได้ถาม
“หืม....พูดเรื่องเพ้อเจ้ออะไร” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม ไม่พอใจที่จะให้มีเรื่องแบบนี้เล่าลือกันออกไปผิด ๆ เพราะไม่เป็นผลดีกับโรงพยาบาลของเขาแน่ ๆ
“หนูเจอผีจริง ๆ นะคะ.....นะ....ในห้องเก็บของค่ะ” หญิงสาวยืนยัน ในขณะที่คนฟังก้าวยาว ๆ จากไปตั้งแต่ยังพูดไม่จบ
หมอทัพพ์ใจหาย สังหรณ์บางอย่างทำให้เขารีบเดินไปที่ห้องเก็บเอกสารแล้วพบว่ามีกุญแจคล้องไว้เรียบร้อย ก็ถอนหายใจโล่งอก บุ้งกี๋คงไม่ได้อยู่ที่นี่.....แต่ขณะที่กำลังจะหันหลังกลับก็มีเสียงทุบประตูเบา ๆ สองครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณหมอ” นงพงา สาวใหญ่หัวหน้าแผนกบัญชีเดินออกมาดู เพราะเห็นท่านประธานเดินอยู่แถวนี้
“คุณนงช่วยเอากุญแจมาเปิดห้องนี้หน่อย” ชายหนุ่มถามเสียงเครียด
“ค่ะ..ค่ะ...” นงพงารีบเร่งไปหากุญแจมาให้หล่อนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยน้ำเสียงร้อนรนของคนเป็นเจ้านายทำให้คิดว่ามันต้องสำคัญมาก
“นี่ค่ะ...”
หมอทัพพ์รีบไขกุญแจก่อนจะกระชากประตูออกมาด้วยความร้อนใจทำให้ร่างของคนที่นั่งพิงประตูอยู่อย่างอ่อนแรงเต็มทีร่วงผล็อยตามลงมาด้วย
“บุ้งกี๋ !./ ว้าย !” เสียงของหมอทัพพ์กับนงพงาดังขึ้นพร้อมกัน ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้น ต่างก็เข้ามาดูด้วยความตกใจไม่เว้นแม้แต่ศัลยา ที่เพิ่งเดินกลับมาหลังจากออกไปรับของที่รถของจีรณา
