18
“ใครบอกเธอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วสงสัยกับข้อหาที่ห่างไกลกับความเป็นจริงชนิดที่เขาเองยังคาดไม่ถึง ใครกันที่มันช่างบิดเบือนได้ไม่เหลือเค้าความจริง
“ใครบอกไม่สำคัญหรอกค่ะ...ว่าแต่มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหมคะ...ซ้ำเธอยังนอนป่วยอยู่ที่นี่ด้วย พี่หมอถึงได้หายไปครั้งละนาน ๆ ไปดูแลเธอใช่ไหมคะ”
“คำพูดของฉันมันจะไปสำคัญอะไร ก็เธอเชื่อไปแล้วนี่” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ....
หญิงสาวกัดเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาเอ่อไหลออกมาเงียบ ๆ ผิดหวังที่เขาไม่ปฏิเสธแสดงว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง...มันคือเรื่องจริงที่โหดร้าย....หัวใจดวงน้อยเหมือนถูกกรีดซ้ำสอง หล่อนเชื่อหมดใจเพราะเขาทำเหมือนยอมรับแม้ไม่พูดออกมาตรง ๆ ....หมดแล้วบุ้งกี๋ กับสิ่งที่รอคอยมานานหลายปีที่หล่อนตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะเป็นเมียรักของหมอทัพพ์ให้ได้....น้ำตาแห่งความอาดูรรินไหลออกมาไม่ขาดสายกลายเป็นการสะอื้นไห้จนตัวโยน ถึงกระนั้นผู้ชายที่เคยโอบประคองยามที่หล่อนขุ่นข้องหมองใจ.....จนถึงตอนนี้เขาก็ยังมองนิ่งเฉยแบบไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน.....ทุกอย่างชัดแจ้งแล้ว เขาไม่ใช่พี่หมอคนเดิมของหล่อนอีกต่อไป
“ขอบคุณนะคะ...ฮึก...ที่.....ที่พี่หมอดูแลกันมาอย่างดี.....ถึงเวลาที่บุ้งกี๋ต้องยืนบนขาของตัวเองได้แล้ว......บุ้งกี๋จะไปจากพี่หมอเองค่ะ” หญิงสาวพยายามกลั้นก้อนสะอื้นพูดในสิ่งที่หล่อนได้ตัดสินใจแล้วอย่างกล้าหาญ
“ทำไมต้องไป” หมอหนุ่มถามเสียงเรียบ
“ก็พี่หมอจะได้อยู่กับครอบครัวของพี่หมอโดยไม่มีบุ้งกี๋เป็นส่วนเกินไงคะ” หญิงสาวก้มหน้าก้มตาตอบเพราะไม่อาจทนเห็นคนที่รักเฉยเมยได้อีก
“แล้วฉันพูดสักคำหรือยังว่าเธอเป็นส่วนเกิน” แขนทั้งสองข้างวางคร่อมข้างตัวของคนบนเก้าอี้ที่ตกอยู่ในวงล้อมของแขนแกร่ง
“ถึงไม่พูดแต่ความจริงมันฟ้องอยู่แล้วนี่คะ....บุ้งกี๋ไม่อยากเป็นผู้หญิง...ฮึก.....หน้าด้าน เป็นมือที่สามของครอบครัว...ฮึก.....คนอื่น.....” ยังหยุดสะอื้นไม่ได้สักที
“เฮ้อ.....ยัยเด็กโง่ทำไมถึงชอบมโนไปเองนะแล้วก็เชื่อเป็นตุเป็นตะ....ทำไมหึ...คนที่มันบอกเธอน่าเชื่อถือกว่าฉันหรือไง” หมอหนุ่มถอนหายใจยิ่งเขาเฉยเมยก็ดูเหมือนยัยตัวแสบยิ่งคิดเลอะเทอะไปกันใหญ่
“แต่พี่หมอก็ไม่ปฏิเสธนี่คะ”
“เราก็เลยสรุปง่าย ๆ อย่างนั้นสิ แบบนี้ถ้าแต่งงานกันไปฉันมิต้องมานั่งแก้ข่าวรายวันเลยหรือไง”
“พี่หมอ......” บุ้งกี๋หัวใจกระตุก...เขาพูดเรื่องแต่งงานอย่างนั้นหรือ คืออะไร....หล่อนทำตัวไม่ถูกว่าควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ได้แต่จ้องมองเขาตาตื่น.......
“ฉันพูดผิดตรงไหน ก็หมั้นกันแล้วต่อจากนั้นก็ต้องแต่งงานไม่ถูกหรือไงทำอย่างกับได้ยินเรื่องแปลก”
“ก็เมื่อวานพี่หมอยังพูดเหมือนเรื่องหมั้นเป็นแค่ข้ออ้างไม่ให้บุ้งกี๋เสียหาย ไม่อยากผูกมัดกับเด็กอย่างบุ้งกี๋ไงคะ”
“แล้วเธอยอมเหรอ....ใครกันที่วิ่งเข้ามาขโมยจูบฉัน” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
“พี่หมออ่ะ.....” หญิงสาวผลักเขาออกด้วยความแง่งอนและอับอาย เขาเอาเรื่องแบบนี้มาพูดได้ยังไงกัน.....หน้าตาของบุ้งกี๋ราวกับขยายใหญ่เท่ากระด้ง ร้อนซู่ขึ้นส่งผลให้ลืมความเสียใจไปชั่วขณะ....
“ฉันเสียจูบให้เธอไปแล้วนี่ แบบนี้จะไปมีใครได้อีก” คนมากประสบการณ์ได้ทีรุกต่อไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว......เด็กหนอเด็กเสียใจจะเป็นจะตายโดนล้อหน่อยเดียวหน้าแดงเป็นมะเขือเทศเชียว…..หมอทัพพ์เลื่อนแขนขึ้นไปกอดเอวคอดเอาไว้ก่อนจะยื่นหน้าขึ้นไปหอมแก้มแดงปลั่งอย่างเอ็นดู
“งื้ออออ พอ ๆ .........ห้ามพูด” คนที่ทนฟังความจริงไม่ได้ ใช้สองไม้สองมือตะครุบปิดปากคนช่างพูดให้อับอาย....ร้ายกาจจริง ๆ ...”ว้าย !.....” ไม่รู้ว่ายื้อยุดกันท่าไหน ร่างเล็กร่วงหล่นลงมาบนตักของอีกฝ่ายอย่างพอดิบพอดี
“หึหึ.....ใจร้อนจริง ๆ อยากให้กอดก็ไม่บอก” หมอหนุ่มกระซิบถามเสียงนุ่มขณะที่นั่งเกยกันอยู่บนพื้น
