บทที่ 10 จูบมัตแล้วมาบอกขอโทษ...แบบนี้คืออะไรคะ?
Heaven
Matsarin’s Part
คำสั่งล่าสุดของคุณไลลาที่ฉันเพิ่งได้รับมาเมื่อเช้านี้ คือเดินหน้าลุย เร่งมือทำให้พี่กัลป์สนใจฉันให้ได้ ที่จริงฉันน่าจะต้องตีปากตัวเองสักสามสี่ที เพราะดันไปปากดีบอกคุณเมียหลวงว่าว่าที่เมียน้อยอย่างฉันนั้นทำได้ดี ชิ! ทำได้ดีกับผีน่ะสิ ขนาดจูบเขาแล้วบอกว่าชอบเขาอย่างที่ลืมความอายไปแล้ว มันยังไม่มีวี่แววที่เขาจะสนใจฉันเลยสักนิด
แล้วยังไง...?
ตอนนี้ฉันต้องมานั่งเท้าคางเล่นอยู่ที่คลับของพวกผู้ดีมีเงินถุงเงินถัง เพราะยัยถิงถิงเพื่อนบ้าบอกว่าจะเลี้ยงเบียร์เพื่อเป็นการไถ่โทษที่นางลืมว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาคือวันเกิดฉัน แต่นางก็ยังไม่มา...บอกว่าจะไปรับแฟนมาดื่มด้วย แต่ก็หายเข้ากลีบเมฆไปตั้งแต่เลิกงาน ฉันเลยต้องมานั่งห่อเหี่ยวอยู่คนเดียวแบบนี้ และเพราะนั่งอยู่ที่โต๊ะใหญ่คนเดียวฉันก็รู้สึกเขินแบบแปลกๆ ฉันเลยเปลี่ยนที่มานั่งที่บาร์แทน พอเครื่องดื่มมาฉันก็กระดกรวดเดียวครึ่งแก้ว ยังไงคืนนี้ถิงถิงก็จ่ายอยู่แล้ว ฉันจะต้องกลัวอะไรล่ะ
“ขอดรายมาร์ตินีครับ”
และขณะที่ฉันนั่งมองฟองเบียร์ในแก้ว เสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมา หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมาในทันใดเมื่อฉันหันไปเห็นว่าคนที่เข้ามานั่งข้างๆฉันที่บาร์ก็คือ...คนที่วิ่งวนอยู่ในหัวสมองฉันตลอดเวลา
“พี่กัลป์?” ฉันเอ่ยชื่อเขา
“...” และเขาเพียงหันมามองฉัน ไร้คำพูดใดๆ วินาทีนั้นฉันเห็นสายตาที่กระตุกวูบจากเขา ใบหน้าหล่อเหลานั้นทรุดโทรม จากที่เคยเกลี้ยงเกลา ในเวลากลับเต็มไปด้วยหนวดเครา ไม่เจอกันสองวัน...ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ?
“พี่กัลป์มาคนเดียวเหรอคะ?” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขาเงียบ คราวนี้เขาแสดงสายตาเหมือนรำคาญออกมา เบือนหน้าหนีฉันด้วยต่างหาก
“ครับ!” เขากระแทกเสียงตอบ เหมือนไม่พอใจ
“ไม่พอใจเหรอคะที่ได้เจอมัตที่นี่?”
“...” โอเค...เขาเงียบ แสดงว่าคำตอบคือใช่
“งั้นมัตจะย้ายที่นั่งก็แล้วกัน แต่คงย้ายร้านให้ไม่ได้เพราะมัตนัดเพื่อนไว้ที่นี่...”
“...” ฉันทำท่าจะลุกจากบาร์ ขนาดพูดไปแบบนั้นแล้วเขายังเอาแต่เงียบ นี่ฉันมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอวะ?! แค่บอกว่าชอบแล้วจูบเขาเนี่ยนะ?!
หมั่บ!
แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็คว้าข้อมือของฉันเอาไว้
“นั่งต่อเถอะครับ อยู่เป็นเพื่อนผม...จนกว่าเพื่อนคุณจะมา” แล้วเขาก็สร้างความประหลาดใจให้ฉันอีกครั้ง
“คะ?”
“ช่วยทำให้ผม...รู้สักดีขึ้นหน่อยได้ไหม?” คำขอของเขาทำให้ใจฉันมันสั่นไหว สั่นไหวมากเหลือเกิน และตอนนี้...ฉันอยากให้ถิงถิงเบี้ยวนัดฉันอีกสักครั้งจัง...
“พี่กัลป์มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ?” ฉันถามพร้อมนั่งลงที่ข้างๆเขาตามเดิม
“ผมแค่อยากเมา” เขาตอบสั้นๆ ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกจนหมด ก่อนที่จะมีอีกแก้ววางตามมา
“แล้วจะมีวิธีไหนบ้างที่มัตจะช่วยให้พี่กัลป์รู้สึกดีขึ้นได้?” คำถามของฉัน เรียกร้องให้พี่กัลป์หันกลับมามองหน้าฉันอีกครั้ง เขานิ่งไป...มองฉันไม่วางตา ก่อนจะดื่มรวดเรียวหมดอีกแล้ว โอเค...ฉันว่าเขามีเรื่องเครียดและคงอยากเมามากจริงๆ และถ้าฉันมันหน้าเงินขนาดนั้น...นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่ฉันจะปิดงานนี้แล้วเอาหนึ่งล้านบาทไปใช้หนี้ โดยการ...ลากเข้ากลับบ้านแล้วยอมมีอะไรกับเขา จากนั้นพอเช้าขึ้นมาก็เรียกร้องขอความรับผิดชอบ ขอให้เขาไปหย่ากับเมีย...
แต่ฉันทำไม่ลงหรอก!
“ที่คุณเคยบอกว่าชอบผม...ไม่สิ ที่คุณขออนุญาตชอบผมน่ะ ทำไมต้องขอ? คุณชอบเลยก็ได้ไม่ใช่เหรอ?” คำถามของพี่กัลป์ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาต้องมีปัญหากับเมียเขามาแน่ๆ
“ที่ขออนุญาตมันเป็นแค่ข้ออ้างค่ะ จริงๆแล้ว...มัตแค่อยากจะบอกให้พี่กัลป์รู้ว่ามัตน่ะชอบพี่กัลป์”
“ทั้งๆที่ผมแต่งงานมีภรรยาแล้วน่ะเหรอครับ?”
“การแต่งงานมันไม่มีผลอะไรต่อความรู้สึกหรอกนะคะพี่กัลป์ อย่างที่มัตเองก็เคยบอกไปแล้ว...ว่ามัตไม่ได้คิดจะแย่งที่กัลป์มาจากคุณไลลา มัตก็แค่ชอบพี่กัลป์เท่านั้น” ทันทีที่ฉันเอ่ยชื่อคุณไลลาออกไป สายตาของพี่กัลป์ก็ฉายแววเศร้าหมองออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“คุณชอบผมเพราะอะไรกันแน่...ผมขอความจริง”
“คะ?”
“ผมไม่เชื่อว่าคุณชอบเพราะว่าผมเป็นคนดี”
“งั้นคงเป็นเพราะพี่กัลป์หล่อมากล่ะมั๊ง” ฉันยกยิ้ม ทำเหมือนว่ามันคือการพูดเล่น
“มัตสริน...คุณชอบเงินผมหรือเปล่า?”
“ดูถูกกันนะคะ ถึงมัตจะจน...แต่มัตไม่ชอบเงินของคนอื่น และมัตก็ไม่คิดจะเกาะผู้ชายกินด้วย”
“งั้นแสดงว่าคุณก็แค่พูดไปอย่างนั้น คุณไม่ได้ชอบผมจริงๆอย่างที่บอกหรอก ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจผู้ชายที่แต่งงานแล้ว แค่เพราะเขาหน้าตาดีแน่ๆ และคุณเองก็ยังสาว ยังสวย...คุณคงไม่อยากเอาตัวเองลงต่ำเพื่อทำเรื่องสกปรกอย่างการมีชู้”
“เดี๋ยวนะคะ...นี่พี่กัลป์กำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?” ฉันขมวดคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“ช่างเถอะครับ ผมคงจะเมา...ก็เลยพูดไปเรื่อย” แล้วเขาก็ตัดบท หลบสายตาฉัน คว้าเหล้าขึ้นมากระดกจนหมดอีกครั้ง ตอนนี้ฉันนับไม่ทันแล้วว่าเขาดื่มไปแก้วที่เท่าไหร่
“มัตจะบอกให้ก็ได้ค่ะว่ามัตชอบพี่กัลป์เพราะอะไร...”
“...”
“เพราะไม่มีเหตุผลที่จะชอบค่ะ เพราะคิดว่าต้องไม่ชอบแน่ๆ เพราะภาวนาขอให้ไม่ชอบพี่กัลป์ แต่...เวลาที่ได้อยู่กับพี่กัลป์แล้วมัตรู้สึกอบอุ่น รู้สึกดีที่ได้คุยด้วย มัตรู้สึกปลอดภัยเวลาที่ได้อยู่กับพี่กัลป์ จน...อดคิดไม่ได้ว่าคุณไลลาน่าอิจฉาจริงๆที่ได้มีพี่กัลป์เป็นสามี” นี่เป็นความจริง...ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเองจริงๆ
“...” เขาทำเพียงมองหน้าฉันนิ่งๆ ไม่พูดอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมองไม่ออกจริงๆว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“พี่กัลป์เป็นผู้ชายคนแรกที่มัตรู้สึกแบบนี้ด้วย...” ฉันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา
“แล้วถ้าผมไม่ได้ดีอย่างที่คุณคิดล่ะ?”
“ก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“แล้วถ้าผมไม่ได้รวยมากพอที่จะซื้อของแพงๆให้คุณล่ะ?”
“มัตไม่ได้ชอบของแพงๆหรอกนะคะ”
“แล้วถ้าผม...เป็นคนที่มีภรรยาอยู่แล้ว...”
“พี่กัลป์ก็มีภรรยาอยู่แล้วนี่คะ?”
“ไม่!” ในตอนนั้นพี่กัลป์ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาถอยห่างออกไปจากฉัน ท่าทีส่อแววปฏิเสธทุกอย่าง “ผมทำไม่ได้! ผมทำเรื่องเลวๆแบบนั้นไม่ได้!” เขาทิ้งท้ายไว้เท่านั้น ก่อนที่จะเดินออกไป ทิ้งให้ฉันมองตามอย่างไม่เข้าใจ...ไม่เข้าใจอะไรเลย
ฉันไม่สนใจอีกแล้วว่าจะต้องรอถิงถิงมาดื่มด้วย ฉันรีบวิ่งตามพี่กัลป์ออกมาที่หน้าคลับ มองหาเขาก็เพียงเล็กน้อยก็เห็นเขายืนตัวเอนอยู่ที่รถ แล้วฉันก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาในทันที
“พี่กัลป์!”
“มัตสริน...อย่าเข้าใกล้ผม ถอยออกไป...” เขาถอยห่างจากฉันอีกครั้ง
“ทำไมคะ? หรือพี่กัลป์รังเกียจมัต?”
“ไม่ใช่...ไม่ใช่แบบนั้น แต่ผม...กำลังกลัว!”
“กลัวอะไรคะ?! พี่กัลป์เมามากแล้วนะคะ ดื่มไปตั้งหลายแก้ว อย่าขับรถเลยมันอันตราย”
“อย่าเข้ามาครับ! เพราะผมไม่รู้จริงๆว่าเวลานี้...ผมทำอะไรได้บ้าง” วินาทีนั้นฉันรู้สึกได้ว่าพี่กัลป์กำลังพยายามกดตัวเองเอาไว้ เขาดูสับสน เศร้าเสียใจ และโกรธแค้น
“พี่กัลป์อยากทำอะไรก็ทำสิคะ! นี่มันชีวิตของพี่กัลป์! โกรธก็บอกว่าโกรธ...เกลียดก็แค่พูดมันออกมา เสียใจก็ร้องไห้ค่ะ จะโวยวายอะไรก็ได้ มัตจะรับฟังพี่กัลป์เอง...และมัตจะไม่ตัดสินว่าพี่กัลป์จะดีหรือเลว อยู่กับมัต...พี่กัลป์ไม่ต้องสนใจเรื่องความถูกต้องหรอกนะคะ เพราะมัตไม่แคร์...”
“อย่าท้ามัตสริน คุณพูดได้เพราะคุณไม่รู้อะไร...” น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือก
“มัตไม่ได้ท้าค่ะ มัตแค่อยากให้พี่กัลป์เป็นตัวของตัวเองเวลาที่อยู่กับมัต...มัตอยากให้พี่กัลป์...อื้อ!” หางเสียงของฉันหายเข้าไปในลำคอ เมื่อพี่กัลป์คว้าท้ายทอยฉันเข้าไปประกบปากจูบ...อย่างรุนแรง หนักหน่วง เขาบดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างหนัก ใช้ลิ้นเปิดปากฉัน กอบโกยและดุนดันฉันอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะถอนออกไป
“ผม...ขอโทษ” เหมือนว่าพอเขาตั้งสติได้ เขาก็ผละตัวออกจากฉัน
“จูบมัตแล้วมาบอกขอโทษ...แบบนี้คืออะไรคะ?”
“เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำครับ”
“เหรอคะ? แล้วใครเป็นคนตัดสินล่ะว่าอะไรควรไม่ควร? พี่กัลป์เหรอ? หรือมัต? หรือคุณไลลา? หรือบรรทัดฐานของสังคม...? ถ้าพี่กัลป์ตอบว่าคุณไลลา มัตจะยอม แต่ถ้าบอกว่าบรรทัดฐานของสังคม...มัตจะไม่ยอม เพราะสังคมไม่ได้ทำให้พี่กัลป์มีความสุข! ตัวพี่กัลป์เองต่างหาก!”
“ตัวผมนี่แหละครับที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้น...ผมขอโทษอีกครั้งมัตสริน”
“พี่กัลป์ใจร้ายจังเลยนะคะ” ฉันทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะหันหลังเดินออกไปจากเขา นี่มันบ้ามาก...เขาเป็นใครกัน ถึงมาทำให้ฉันสับสนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า! ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป...ฉันมองเห็นอนาคตของตัวเองแล้วล่ะ ว่ามันจะมีแค่ตัวฉันเองที่เสียใจ เพราะฉันเริ่มชอบเขาขึ้นมาแล้วจริงๆ ฉันชอบผู้ชายที่มีเมียแล้ว!
