ตอนที่1-4
“ไม่รู้ล่ะ แกต้องหามาให้แม่แล้วกัน ถ้าไม่อยากเป็นลูกอกตัญญูทำให้แม่เส้นเลือดในสมองแตกตาย”
คำขู่นี้ใช้ได้ผลเหมือนกับทุกครั้ง พุดมาลัยรับปากทั้งน้ำตาคลอ มารดาไม่เคยห่วงเธอเลยว่าจะกลับบ้านหรือไม่กลับบ้านอย่างที่ดาริกาว่า มารดาต้องการให้เธอหาเงินเพื่อไปถลุงในบ่อนเท่านั้น
“โบว์จะโอนไปให้นะจ๊ะ” มารดาได้ยินดังนั้นก็วางสายไปโดยไม่ถามอะไรอีก หัวใจของพุดมาลัยห่อเหี่ยวบอกไม่ถูกได้แต่ย้ำกับตัวเองว่าเย็นนี้กลับไปเธอจะต้องคุยกับมารดาให้เลิกเล่นการพนันให้ได้เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้
พุดมาลัยโอนเงินให้มารดาก่อนจะเข้าทำงาน ร่างบอบบางกำลังจะเดินกลับไปประจำเครื่องแคชเชียร์ที่แผนกสุราก็ถูกดาริกาดึงมือไปดูประกาศที่ออกมาติดบอร์ดวันนี้ ในประกาศบอกว่า ห้ามไม่ให้พนักงานคนใดกลับเข้ามาภายในศูนย์การค้าหลังจากเลิกงานไปแล้ว นอกจากมีเหตุอันสมควรซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าแผนกของตนเสียก่อน
ประกาศนั้นทำให้พนักงานที่ยืนอ่านอยู่มองหน้ากันอย่างสงสัย ว่าทำไม มีอะไรเกิดขึ้น เหตุใดถึงออกประกาศฉบับนี้มาเพราะปกติก็ไม่มีใครกลับเข้ามาอยู่แล้ว มีเพียงแต่พุดมาลัยและดาริกาเท่านั้นที่รู้
“ไม่รู้มีอะไรเกิดขึ้นนะเธอ ฝ่ายบุคคลถึงได้ออกประกาศนี้มา” เสียงพนักงานสาวๆซุบซิบกัน
พุดมาลัยได้ยิน รู้สึกขนคอเย็นเฉียบ หนาวไปทั่วสันหลังกลัวว่ามีคนในบริษัทฯรู้เรื่องเธอ แต่นั่นยังไม่เท่ากับเสียงของทศพลที่ดังขึ้นข้างหลัง
“เย็นนี้อยู่เช็คสต็อกด้วยนะโบว์ พี่บอกกับหัวหน้าโบว์แล้ว เพราะสินค้าไม่ตรงกับรายงานหลายตัว โดยเฉพาะพวกเหล้านอกที่หายไป ไม่รู้หายได้ยังไงหรือมีใครยักยอกหรือเปล่า” ทศพลใช้น้ำเสียงข่มขู่ทำให้พุดมาลัยฟังแล้วตัวเกร็งขึ้นด้วยความโมโหก่อนจะตอกกลับอีกฝ่าย
“ไม่ใช่หน้าที่ของโบว์ เป็นหน้าที่ของพี่ทศไม่ใช่เหรอคะที่ต้องตรวจนับสต็อค”
“ใช่ค่ะ พี่อย่ามาใช้โบว์มั่วๆนะ” ดาริกาเสริม
“ไม่ใช่เรื่องของเธอนะดาริกาอย่ามายุ่ง เธออยู่แผนกไหน อย่ามาวุ่นวายที่นี่” ทศพลว่าเสียงเข้ม ตั้งใจแกล้งพุดมาลัยเพราะยังเจ็บใจเรื่องเมื่อคืนไม่หาย แต่อีกฝ่ายก็เถียงกลับเร็วอย่างไม่กลัวเกรง
“ดาไม่ยุ่งไม่ได้หรอก เพราะดาผิดที่ไม่น่าชวนโบว์ไปงานวันเกิดพี่ทศ ดาไว้ใจพี่ทศนะ แต่คิดไม่ถึงว่าพี่ทศจะเลวมากคิดทำร้ายโบว์ ดาไม่น่ามองพี่ผิดเลย”
“ดา พอเถอะ” พุดมาลัยห้ามเพราะไม่อยากคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอีก เธอรู้สึกขยะแขยงทศพลที่สุด
“ไม่เห็นต้องกลัวเลย เราพูดความจริง เหตุการณ์เมื่อคืนไปเปิดดูกล้องวงจรปิดก็รู้แล้ว”
ทศพลหน้าซีดเผือด อยากจะสวนดาริกากลับแต่กลัวตกงานเพราะหากเปิดกล้องดูจริงๆจะรู้ว่าพุดมาลัยขัดขืนในขณะที่เขาพยายามใช้กำลังปลุกปล้ำ ตอนนั้นเขาหน้ามืดเลยลืมเรื่องกล้องวงจรปิดไป ทศพลเลยไม่โต้เถียง ได้แต่มองด้วยดวงตาวาววับโกรธจัด เจ็บตัวและยังเจ็บใจที่ทำอะไรดาริกาไม่ได้ถนัดนัก
“ช่วยไม่ได้นะดาริกา ถ้าเธอไม่อยากเที่ยวจนลืมเป็นห่วงเพื่อนก็คงไม่เกิดเรื่อง”
“ทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดอีก” ดาริกาตวาดอย่างเหลืออดปรี่เข้าไปจะถามให้รู้เรื่องแต่พุดมาลัยดึงตัวไว้
“คนมองกันหมดแล้วพอเถอะดา” พุดมาลัยปรามเพื่อน “พี่ทศเราต่างคนต่างอยู่กันดีกว่านะคะ พี่ทำอะไรไว้ก็น่าจะรู้แก่ใจ อย่ามายุ่งกับโบว์กับดาอีกดีกว่า”
ทศพลทำเสียงหยันในลำคอ “ไม่อยากยุ่งนักหรอก แต่อย่าลืมงานที่บอกแล้วกัน ว่าเธอต้องไปเช็คสต็อกเย็นนี้เพราะเธอเป็นคนคิดเงินในแผนกสุรา ของหายไปเธอก็ต้องรับผิดชอบ”
พุดมาลัยมองหน้ากับดาริกา ก่อนจะบอกว่าเธอต้องไปถามเรื่องนี้จากชาลิสาให้ได้
“ใช่พี่บอกทศพลเองว่าจะส่งเธอไปช่วยเขานับสต็อก คนเขาไม่พออีกอย่างแผนกสุราก็อยู่ในความรับผิดชอบอยู่แล้วของหายไปเธอก็ต้องรับผิดชอบ แต่พี่เชื่อว่าคงมีการตรวจนับผิด เธอไปตรวจนับกับฝ่ายคลังสินค้าด้วยจะได้ช่วยกันตรวจสอบทั้งสองฝ่าย”
พุดมาลัยจำต้องไปเช็คสต็อกเย็นนี้ด้วยเหตุผลของหัวหน้า เรื่องสินค้าไม่ตรงกับสต็อกมีให้เห็นทุกเดือน แต่พอไปตรวจนับก็จะเจอ เพราะบางครั้งนับผิด หรือบางครั้งตัวเลขในรายงานก็อาจจะคีย์ผิดไป พุดมาลัยหวังให้เป็นอย่างใดอย่างหนึ่งในสองอย่างนี้ อย่าให้สินค้าต้องหายไปจริงๆเพราะเธอคงไม่มีเงินมารับผิดชอบและอาจถูกมองว่าเป็นคนยักยอกเสียเอง
พุดมาลัยบอกดาริกาว่าไม่ต้องเป็นห่วงถึงเรื่องเย็นนี้ ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตน พุดมาลัยคิดเงินอย่างกระฉับกระเฉงหลังจากปัดทุกเรื่องออกจากสมอง วันนี้มีลูกค้ามาช็อปปิ้งในศูนย์การค้าหนาตา จนพนักงานขายประจำร้านดูแลไม่ไหว บางครั้งแคชเชียร์อย่างเธอก็ต้องช่วยขายด้วย
เธอเพิ่งแนะนำลูกค้าชาวต่างชาติคนหนึ่งให้ซื้อไวน์แดงไปสองขวด ลูกค้าคนนั้นชมว่าเธอดูแล ให้คำแนะนำได้ดีก่อนเดินออกไป ทำให้พุดมาลัยยิ้มแก้มปริ ก่อนจะยืนตัวแข็งค้างเมื่อเห็นร่างสูงของใครเดินเข้ามา
“คุณเมเนอสัน”
“ใช่ ผมเองคุณพูดฟังภาษาอังกฤษได้ดีนี่ ลูกค้าคนนั้นชื่นชมคุณมาก แต่ผมอยากเตือนคุณเรื่องเมื่อวานผมไม่อยากเอาเรื่องคุณเพราะคุณเองก็ไม่ใช่คนผิดทั้งหมด”
พุดมาลัยตะลึงงันกับสิ่งที่เขาบอก แสดงว่าเขาเห็นเธอกับทศพล แต่อะไรบางอย่างในแววตาคู่นั้นที่บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้มาด้วยเรื่องนี้ พุดมาลัยมองไปยังเพื่อนร่วมงานที่เป็นพนักงานขายประจำร้าน ก็พบว่าถูกกักไว้ที่บริเวณหนึ่งโดยมีชายในชุดสูทยืนหน้าราบเรียบอยู่ใกล้ๆ
“คุณต้องการอะไรกันแน่คะ”
เฟอนันเดสกระตุกยิ้ม “ผู้ชายคนนั้นจะทำร้ายคุณผมเห็นจากกล้องวงจรปิด คุณต้องการให้ผมทำอะไรไหม ผมจะไล่เขาออกก็ได้หรือจะส่งตำรวจ”
“แลกกับอะไรคะที่คุณจะช่วยฉัน”
“เรียกผมว่าเฟอนันเดสดีกว่า”
“อย่าดีกว่าค่ะคุณเมเนอสัน ฉันไม่กล้าเรียกคุณที่เป็นถึงท่านประธานแบบนั้น คุณมาพบฉันต้องการอะไรกันแน่”พุดมาลัยยังถามย้ำ มั่นใจมากทีเดียวว่าเขาไม่ได้คิดจะช่วยเธอฟรีๆ
เฟอนันเดสยกยิ้มมุมปาก เขาไม่ได้เรียกตัวเธอให้ขึ้นไปพบแต่เขาก็รั้งรอที่จะคุยกับเธอไม่ไหว “ผมต้องการให้คุณมาเป็นคู่นอน แลกกับอะไรก็ได้ที่คุณต้องการ”
นั่นไงความจริงที่เขาต้องการมาพบเธอ
พุดมาลัยยืนกำมือแน่น ดวงตาไหวระริกด้วยความผิดหวังที่ถูกดูถูกแต่มันก่อกระแสปั่นป่วนให้คนมองอย่างมาก เฟอนันเดสยอมฉีกกฎของตัวเองเพื่อมาต่อรองกับเธอ
“ฉันต้องการให้คุณไปให้พ้นซะ ถึงคุณจะเป็นถึงท่านประธานแต่ใช่ว่าฉันต้องกลัวคุณจนต้องยอมทุกอย่าง ฉันไม่เคยคิดนอนกับใครเพื่อแลกเงินเพราะนั่นเท่ากับการขายตัว ถ้าคุณต้องการมากก็ควรไปซื้อในสถานที่ที่เขามีไว้บริการ เข้าใจไหมคะ”
“เธอแน่ใจหรือที่ปฏิเสธฉัน ฉันอยากรู้ว่าเงินของฉันไม่มีความหมายสำหรับเธอ”
“เงินที่ได้มาจากการขายตัวฉันไม่เคยอยากได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ทำงานอย่างทุกวันนี้หรอกค่ะ”
“ดี แล้วฉันจะคอยดู”
“ค่ะ” พุดมาลัยบอกแล้วคิดว่าเฟอนันเดสจะยอมจากไปง่ายๆแต่เขายังยืนรีรออีกครู่แล้วพูดขึ้นเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ช่วยแนะนำไวน์ให้ฉันสักขวดสิ ไม่อย่างนั้นฉันกลับออกไปคนจะต้องสงสัย”
พุดมาลัยมองอย่างแค้นเคืองระคนหมั่นไส้ที่เขากลัวจะถูกพนักงานมองไม่ดี แต่ก็นั่นแหละเขาเป็นถึงเจ้าของศูนย์การค้า ภาพลักษณ์ย่อมสำคัญส่วนฉากหลังจะเป็นยังไงก็ได้เพราะไม่มีใครรู้ พุดมาลัยลอบเบ้ปากก่อนจะเดินไปหยิบไวน์ที่อยู่ใกล้มือที่สุดมาวางให้เขา
“ขวดนี้ถูกใจไหมคะ”
เฟอนันเดสมองไวน์แดงที่พุดมาลัยหยิบให้แล้วพยักหน้า “เธอเลือกมาขวดไหนฉันก็ซื้อขวดนั้นแหละ คิดเงินเลยแล้วกัน” เขาบอกด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มเหมือนเดิมยิ่งทำให้พุดมาลัยมั่นใจว่าเขาคงทำแบบนี้กับผู้หญิงมาเยอะจนเป็นเรื่องปกติ
