เมียลับจอมอิทธิพลา

121.0K · จบแล้ว
บุษบาบัณ/นศามณี
47
บท
12.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

'เฟอนันเดส เมเนอสัน' ซีอีโอผู้คร่ำหวอดในวงการค้าปลีกมาตั้งแต่เรียนจบ สานต่อธุรกิจของครอบครัวมูลค่านับหมื่นล้าน ด้วยอายุเพียงสามสิบต้นๆ ก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง .และถ้าอยากได้ 'พุดมาลัย' เป็นเมียลับก็คงไม่ยาก 'ถ้าเธอมีแฟน เขาก็มีแผน ที่ให้แฟนเธอจากไป' "นิ่งเป็นจับ ขยับเป็นจูบ" "ขับขี่ปลอดภัย เครื่องดีไม่มีรวน" ทั้งสองประโยคนั้นบอกใบ้ถึงอะไร ถ้าอยากรู้คำตอบชวนไปอ่านอุ่นเครื่องในเว็บไซต์นี้

นิยายรักโรแมนติกประธานเลขาสัญญาทางรักพระเอกเก่งจีบเมียเก่าแต่งงานก่อนรักบอสซึนเดเระเศรษฐีเลือดร้อนรักหวานๆโรแมนติก

ตอนที่1-1 ฝันไปว่าได้ขี่เฟอ…

กรุงเทพมหานคร

ถ้าหากมีคนบอกว่าเทพบุตรมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ พุดมาลัย อนันต์โชคคงต้องเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่จริง นั่นเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝันมีแต่ในนิยายประโลมโลกมากกว่าจะมีคนที่หล่อเหลาสมบูรณ์แบบปานเทพบุตรอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ เพราะอะไรนั่นเหรอ ก็มันช่างเป็นเรื่องยากที่บุรุษคนหนึ่งจะรวมส่วนดีทุกอย่างไว้ในตัวเองได้หมด ทั้งหล่อ รวย ฉลาด เป็นเจ้าของอาณาจักรศูนย์การค้าที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกมากมาย นับกำไรต่อนาทีแล้วมากกว่าพนักงานแคชเชียร์ที่อย่างเธอทำงานสิบเดือนสียอีก

เพราะคนที่พุดมาลัยกำลังนึกถึงคือ เฟอนันเดส เมเนอสัน ชายหนุ่มที่มีดวงตาสีเดียวกับสีบรั่นดี หนุ่มโสดที่ติดอันดับหนุ่มหล่อ รวยที่สุดของโลก นอกจากพุดมาลัยจะเปลี่ยนคำพูดแล้วเธอก็กำลังยืนหอบหายใจแรง ร่างกายสั่นระริก ด้วยความตระหนกเมื่อสบดวงตาคู่คมเหมือนสีบรั่นดีตรงหน้า

พุดมาลัยร้อนไปทั้งตัว ทั้งจากความคิดของตัวเอง และจากสายตาคู่คมกริบไม่ต่างจากใบมีดโกนที่กำลังมองเธอราวกับเธอกำลังยืนเปลือยกายต่อหน้าเขา พุดมาลัยประหลาดใจ เมื่อเทพบุตรตรงหน้า กำลังขยับริมฝีปากเป็นรอยยิ้มช้าๆ ร่างสูงขยับมาจนชิด เฟอนันเดสไม่ได้ละสายตาไปจากเธอเลยสักนิด จนพุดมาลัยใจสั่น

“ผมรักคุณนะครับพุดมาลัย”

“ไม่เชื่อ นี่ต้องเป็นความฝัน”

“คุณไม่ได้ฝัน ผมจะฟันคุณจริงๆ”

“ว้าย! คนบ้า”

กรี้ดดด

พุดมาลัยตาโตอย่างคาดไม่ถึง ไม่ทันกะพริบตาด้วยซ้ำว่าฟังผิดก็ถูกมือหนารั้งเอวคอดเข้าไปใกล้ ร่างทั้งร่างบดเบียดกับกายแกร่งเพราะมือหนาที่กดสะโพก เฟอนันเดสตรึงร่างเธอไว้ด้วยฝ่ามือร้อนผ่าว ทำให้พุดมาลัยตัวเกร็งเหมือนถูกสาปก่อนจะหลอมเหลวกลายเป็นช็อกโกแลตร้อนเมื่อเฟอนันเดสโน้มใบหน้าหล่อคมลงมา

“จะ จะทำอะไรคะ”

ไม่ทันถามต่อ พุดมาลัยก็รู้สึกตัวลอยหวือ เท้าไม่เตะพื้นเมื่อถูกช้อนอุ้มขึ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ร่างกายขัดขืนด้วยความตกใจที่จู่ๆก็ถูกจู่โจมไม่คาดฝัน พุดมาลัยยอมรับว่าจากการพบกันครั้งแรกเธอก็ประทับใจเขา แต่มันต้องไม่จบลงแบบนี้ที่บนเตียง

“ไม่นะคะ” ถึงจะไม่เคยผ่านมือชายมาก่อน แต่พุดมาลัยก็ไม่ใสซื่อเกินไปที่จะไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดต่อจากนี้ เขาหล่อรวยเป็นเจ้าของศูนย์การค้าที่เธอทำงานอยู่ เขาคงไม่มองคนอย่างเธอ ทว่าความจริงตอนนี้คือเขากำลังพาเธอไปที่เตียง มือเรียวรัวกำปั้นทุบอกคนที่กำลังอุ้มเธอแต่เขาก็ไม่ยี่หระกับแรงน้อยนิด เฟอนันเดสใช้ความช่ำชองบวกกับความแข็งแกร่งของร่างกายทรงพลังจูบเธอเบาๆ กักทุกการกระทำและคำพูด

“ผมให้เลือกคุณอยากเป็นของผมหรืออยากให้ผมเป็นของคุณ”

“มะ...ไม่จริง”

พุดมาลัยกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอ เมื่อแผ่นหลังเธอกำลังทาบทับลงกับที่นอน ร่างสูงใหญ่ของเฟอนันเดสยืนมองเธอที่ปลายเตียง

“ผมจะรักและปกป้องโบว์ตลอดไป” เขาบอกด้วยเสียงทุ้มนุ่มทำให้พุดมาลัยสมองขาวโพลน ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำนี้ แต่ไม่ทันได้คิดอะไรต่อร่างกายก็ต้องร้อนผ่าวสลับเย็นยะเยียบ เมื่อถูกมือหนาปลดเปลื้องชุดทำงานที่สวมอยู่ออกอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าขาวนวลเนียนไปทั้งตัว

เฟอนันเดสยิ้มเย็น ก่อนเขาจะจัดการเสื้อผ้าของตัวเองบ้าง จนไม่เหลือเสื้อผ้าติดกายสักชิ้นเดียวเหมือนกับเธอ พุดมาลัยอ้าปากค้างทันทีที่สายตาปะทะกับความกำยำ สมบูรณ์แบบที่ปรากฎ เนื้อตัวของเขาเป็นสีแทนที่ดูแข็งแรงทรงพลัง ช่วงไหล่กว้าง บ่าบึกบึน ยิ่งไล่สายตาลงมาก็ยิ่งทำให้หายใจไม่ออก เมื่อเห็นตัวตนแข็งขึงที่เขากอบกุมมันอยู่ในมือ

 

“โบว์ โบว์แกเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมหน้าแกซีดเหมือนจะเป็นลมเลย” เสียงเพื่อนร่วมงานปลุกให้พุดมาลัย หรือ โบว์ ตื่นจากภวังค์ หันมามองหน้าเพื่อนเลิ่กลั่ก

พุดมาลัยก้มมองจึงพบว่ามือของดาริกายังจับที่ต้นแขน ตัวเองยังอยู่ในชุดฟอร์มทำงานของศูนย์การค้าเดอะพรีเมียร์เมื่อเงยมองรอบๆก็พบว่าตรงข้ามมีเพื่อนร่วมงานทั้งหญิงชายยืนตั้งแถวเป็นหน้ากระดานอยู่ฝั่งตรงข้าม

ใช่แล้ววันนี้คณะของท่านประธานบริษัทฯ บินตรงจากสหรัฐอเมริกาเพื่อมาตรวจเยี่ยมสาขาที่เมืองไทย

“นี่ฉันฝันไปเหรอดา ตกใจหมด นึกว่าเรื่องจริง” พุดมาลัยครางหน้าแดงทำให้คนถูถามทำหน้างง เลิกคิ้วน้อยๆ กลั้นหัวเราะ กระซิบบอกพุดมาลัยที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ฉันนึกว่าแกไม่สบาย กำลังจะบอกให้ไปห้องพยาบาลตกลงนี่แกฝันกลางวันอยู่เหรอโบว์ แกนี่ถ้าจะเพี้ยนนะ ยืนฝันกลางวันแสกๆก็ได้ แล้วฝันดีหรือฝันร้ายล่ะ”

เพราะตอนนี้คณะของท่านประธานกำลังจอดรถอยู่ที่หน้าศูนย์การค้า โดยมีพนักงานรักษาความปลอดภัยใช้วิทยุสื่อสารบอกให้คนภายในได้รู้เพื่อจะได้เตรียมตัวต้อนรับอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง คนถูกถามไม่ตอบกลับ เพราะยังงงๆอยู่ จนเพื่อนสาวต้องกระซิบถามซ้ำอีกครั้ง

“ทำไมไม่ตอบ แกฝันว่าอะไร ใช่ฝันว่าได้ขี่เฟอหรือเปล่า” ดาริกาหัวเราะแววตาคิดไปไกล

“ขี่เฟออะไร เฟอรารี่เหรอ ชาตินี้คงไม่มีบุญ” พุดมาลัยบอกอย่างห้วนๆ “เอ๊ะ แต่เขาน่าจะเรียกว่าขับมากกว่าขี่นะแก”

“ฉันก็ไม่ได้หมายถึงรถเฟอรารี่ ฉันหมายถึงคุณเฟอนันเดสต่างหากล่ะ” ดาริกาเฉลยแล้วอมยิ้มกรุ้มกริ่มตามนิสัยคนทะลึ่งทะเล้นแต่ไม่มีพิษไม่มีภัย “ว่ายังไงใช่หรือเปล่า” ดาริกายังคาดคั้นต่ออย่างอยากรู้

“กะ แกรู้ได้ไงว่าฉันฝันถึงคุณเฟอนันเดส”

“อ้าว นี่แกฝันแบบนั้นจริงหรือ ฉันแค่แซวแกเล่นเท่านั้น ไม่คิดว่าแกจะได้ขี่เฟอ...ในฝันจริงๆ”

“มันก็แค่ฝันฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย”

“จริงเหรอ แต่ฉันว่าแกคิดนะ ดูหน้าตาแกสิ หน้าแดงหูแดงเชียว แต่ช่างเถอะ ฉันว่าใครที่ได้เห็นคุณเฟอนันเดสแล้วจะไม่เก็บไปฝันก็แปลก คนอะไรหล่อราวกับเทพบุตรจุติลงมา”

“เว่อร์” พุดมาลัยว่าเบาๆ อย่างไม่จริงจัง ทั้งที่ในใจยังเต้นกระหน่ำกับความฝันเร่าร้อนที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้น เธอฝันกลางวันแสกๆว่ากำลังได้ร่วมรักกับเขา โธ่ฝันไปได้เป็นตุเป็นตะ พุดมาลัยก่นด่าตัวเองในใจที่กลายเป็นสาวไวไฟไปได้ และบอกตัวเองเด็ดขาดว่าห้ามเก็บเฟอนันเดสมาฝันแบบนี้อีก แต่จะว่าไปเธอก็คิดอย่างเดียวกับดาริกา เฟอนันเดสคือเทพบุตรดีๆนี่เอง ใครไม่ฝันถึงก็บ้าแล้วแต่ก็ไม่ควรนำมาสร้างภาพนโนอุตริอย่างที่เธอทำไป มันไม่ถูกต้อง

ทว่าความคิดต่างๆก็ต้องหยุดกึกเมื่อสายตาของชาลิสาหัวหน้าแผนกที่ส่งสายตาขึงดุมาจากอีกฟากเลยทำให้ทั้งพุดมาลัยและดาริกายืนก้มหน้าสงบเสงี่ยม คณะของเฟอนันเดสกำลังผ่านหน้าประตูศูนย์การค้าเข้ามา โดยมีมิสเตอร์อิริคซึ่งมีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการสาขาประเทศไทยออกไปต้อนรับ

ใบหน้าหล่อเหลาของเฟอนันเดสเหยียดยิ้มออกเพียงเล็กน้อย ดวงตาสีบรั่นดีไม่บ่งบอกอารมณ์ทำให้ใครก็แล้วแต่ไม่สามารถอ่านใจเขาออก แม้จะเพ่งมองจากดวงตาก็ตาม เฟอนันเดสเดินทักทายพอเป็นพิธีกับเหล่าพนักงานที่ถูกต้อนให้มายืนต้อนรับตั้งแต่เช้า โดยทุกคนฉีกยิ้มและยกมือไหว้ตามที่หัวหน้างานกำกับไว้เป็นอย่างดี

“มาแล้วโบว์”

“ฉันเห็นแล้ว” พุดมาลัยกระซิบกลับ ใจเต้นตึกตัก โกรธเพื่อนที่ยังชวนคุย และยังแอบกระตุกมือเธอจนเป็นเหตุให้ผ้าเช็ดหน้าที่กำอยู่ในมือหล่นลงกับพื้น จังหวะเดียวกับร่างสูงองอาจเหล่อเหลาอย่างคนเอมริกันดินมาถึงพอดี พุดมาลัยจะก้มลงเก็บเลยต้องชะงัก เงยหน้าตกใจซีดเผือดขึ้นมอง เมื่อรองเท้าหนังมันปลาบหยุดอยู่ตรงผ้าเช็ดหน้าของเธอ

“ขอโทษค่ะ” พุดมาลัยบอกเสียงโหย แก้มนวลใสร้อนผ่าว เมื่อประสานสายตากับดวงตาสีบรั่นดีที่เธอเห็นในความฝันอันเร่าร้อนของตัวเองแต่ตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้า

พุดมาลัยกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอกลัวจะถูกเขาตำหนิ แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะพูดด้วย เฟอนันเดสเหลือบมองเพียงนิดราวกับเธอเป็นอากาศธาตุก่อนจะเดินผ่านไป

“ขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณไม่พอใจ” อิริครีบเข้าไปขอโทษ เขาเป็นกรรมการผู้จัดการที่ถูกเฟอนันเดสส่งมาให้กำกับดูแลงานที่นี่

“เธอเป็นใคร” เฟอนันเดสหยุดเดิน หันมาถามเสียงขรึม อิริครีบตอบอย่างลนลาน

“พนักงานในแผนกบัญชีการเงินครับ ผมจะไปเรียกหัวหน้างานเธอมาตำหนิให้ครับถ้าคุณเฟอนันเดสไม่พอใจ คุณกิตติดูแลสายการเงินอยู่ผมจะรีบเรียกคุณกิตติมาทันที” อิริคว่าแล้วกำลังจะหมุนตัวไปเล่นงานกิตติแต่ต้องอ้าปากค้าง ก่อนจะผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

“ไม่ต้อง เรื่องแค่นั้นอย่าทำให้ฉันเสียเวลาเลย ฉันมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ” เฟอนันเดสบอกเสียงเฉียบขาด ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชา เขามาเพื่อจับผิดคนโกง แค่เรื่องผู้หญิงคนนั้นทำผ้าเช็ดหน้าหล่นไม่อยู่ในความสนใจเขา

ฝ่ายอิริคจึงรีบรับคำ เข้าใจว่าอีกฝ่ายอยากตรวจชมภายในศูนย์การค้ามากกว่าเรื่องพนักงานระดับล่างทำของหล่น “ครับ ถ้าอย่างนั้นเชิญทางนี้ครับคุณเฟอนันเดส แผนกต่อไปที่ผมจะพาคุณไปชมคือแผนกเสื้อผ้าสตรีที่ทำกำไรให้กับศูนย์การค้าของเราเป็นอันดับหนึ่ง” อิริคเชื้อเชิญพร้อมกับผายมือบอก

เฟอนันเดสเดินตาม ส่วนด้านหลังมีบอดี้การ์ดกับคณะผู้บริหารระดับสูงทยอยเดินตามกันไป เมื่อคนสุดท้ายในคณะเดินพ้นไป ชาลิสาก็เก็บความร้อนใจไว้ไม่อยู่เพราะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดี ปรี่เข้ามาหาพุดมาลัยด้วยท่าทางไม่พอใจทันที

“เธอทำอะไรของเธอฮึพุดมาลัย ทำของหล่นต่อหน้าท่านได้ยังไง ถ้าฉันถูกด่าขึ้นมาล่ะก็เธอโดนดีแน่” ชาลิสาโวยวาย รีบเดินมาต่อว่าพนักงานในสังกัดเป็นอย่างแรก เธอเห็นสายตาอิริคที่กวาดมองแล้วก็ขนลุก ตอนนี้อิริคไม่พูดอะไรก็จริงแต่หลังจากเสร็จงานไม่รู้เธอจะโดนอะไรหรือเปล่า ทั้งหมดเป็นเพราะพุดมาลัยคนเดียว ถ้าไล่เรียงแล้วคนที่จะโดนตำหนิคนแรกก็คือผู้จัดการแผนกซึ่งก็คือกิตติ ฝ่ายนั้นจะต้องไม่พอใจแน่ที่เธอไม่กำกับดูแลลูกน้องให้ดีจนทำเรื่องเสียหน้าต่อหน้าท่านประธาน

ชาลิสาเป็นหัวหน้าฝ่ายแคชเชียร์ที่ขึ้นตรงกับแผนกบัญชีและการเงินที่มีกิตติเป็นผู้จัดการดูแลอีกทีหนึ่ง

“โบว์ขอโทษค่ะพี่สา โบว์ตกใจเลยทำผ้าเช็ดหน้าหล่นจากมือ”

น้ำเสียงกับท่าทางนอบน้อมของพุดมาลัยเลยทำให้ชาลิสาคลายความหงุดหงิดลงได้บ้าง ใบหน้าบิดเบ้เมื่อครู่คลายลงก่อนจะส่ายหน้าโบกมือไล่อย่างรำคาญเพราะพุดมาลัยไม่ได้โต้เถียง จึงไล่ให้รีบไปทำงานเมื่อพนักงานคนอื่นๆก็เริ่มทยอยแยกย้ายกันไปแล้ว