ตอนที่ 1 : ฝากฝังดวงใจ 2
“คุยกันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวดาขอตัวไปเตรียมอาหารใส่จานก่อนค่ะ” ดารินญาบอกกับผู้ใหญ่ทั้งสอง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัว
“นึกว่าภูจะมาด้วยเสียอีก”
“ฉันก็ตั้งใจแบบนั้นแหละ แต่...ภูติดธุระเลยมาด้วยไม่ได้น่ะ ส่วนอัมก็เพิ่งกลับจากบริษัท เห็นว่ามีประชุมเรื่องเปิดตัวเครื่องเพชรชุดใหม่ ดูเหนื่อยๆ ฉันเลยไม่ได้ชวน” คนเป็นพ่อย่อมไม่พูดถึงลูกในไส้ในทางแย่ๆ ชาติชายไม่ได้อยากโกหก แต่บางทีการพูดความจริงมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร
“อืม ไม่เป็นไรหรอก แค่นายมาฉันก็ดีใจแล้ว” เด่นยิ้มให้เพื่อนรัก ชาติชายพยักหน้าและเอื้อมมือไปแตะบ่า ก่อนจะหันมองไปทางห้องครัว เพราะมีเรื่องบางอย่างที่อยากพูดกับเด่นโดยไม่มีดารินญาอยู่ด้วย
“เด่น ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะคุย” ชาติชายเปิดฉาก
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“เรื่องหนูดาน่ะ นายเคยปฏิเสธการช่วยเหลือจากฉัน แต่บอกว่าให้เก็บความปรารถนาดีไว้ให้หนูดาแทนใช่ไหม นายคงยังไม่ลืมหรอกนะ”
“ใช่ ฉันไม่ลืมหรอก วันนี้ฉันเองก็มีเรื่องจะคุยกับนายเหมือนกัน ฉันรู้ตัวดีว่าเวลากำลังจะหมดลงไปทุกวัน ฉันอยากจัดการเรื่องลูกให้เรียบร้อยก่อนตาย”
“พูดอะไรแบบนั้นเล่า”
“มันคือความจริงนี่ นายคิดว่าฉันจะไม่รู้ตัวเองเลยหรือไงว่าร่างกายมันแย่แค่ไหนแล้ว” เด่นหัวเราะเบาๆ ประกอบคำพูดในท้ายประโยค เขาเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าอีกไม่นาน มัจจุราชก็จะมาเอาลมหายใจเฮือกสุดท้ายไป
“นายนี่มัน...”
“เอาน่าชาติ มีอะไรก็ว่ามาได้แล้ว” เด่นโบกมือตัดบท
“ฉัน...ฉันอยากจะขอหนูดาไปเป็นลูกสะใภ้น่ะ ภูยังโสด ไม่ได้คบหากับใคร ทำตัวลอยชายไปวันๆ ฉันอยากให้ภูแต่งงานมีลูกมีเมียไปซะ เผื่อจะเติบโตขึ้นสมอายุบ้าง หนูดาเป็นเด็กน่ารักอ่อนหวาน ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องหลงรักทั้งนั้น”
“แน่ใจเหรอว่าภูจะตอบตกลง?”
“แน่นอน ใครจะปฏิเสธคนอย่างหนูดาได้ลง”
“ถ้านายมั่นใจแบบนั้น ฉันคงตายตาหลับ เพราะเรื่องที่ฉันจะพูดวันนี้ก็คือเรื่องเดียวกับที่นายพูดนั่นแหละชาติ ฉันอยากฝากฝังลูกไว้กับนาย พอได้ยินแบบนี้ฉันก็โล่งใจแล้ว ดาจะได้มีคนดูแลแทนฉัน” ดวงตาของคนเป็นพ่อวูบไหว แม้ไม่รู้ว่าลูกชายของเพื่อนสนิทจะรักและดูแลดารินญาได้ดีเพียงใด แต่เขาเชื่อว่าความดีจะทำให้ลูกได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ ตอบแทนแน่นอน
ขาติชายยิ้มให้เพื่อนรัก มั่นใจว่าเรื่องที่คุยกันคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับดารินญา ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นสดใสร่าเริง เมื่อหญิงสาวยกสำรับอาหารออกมาวางบนโต๊ะ มื้อนี้ทุกคนคุยกันอย่างออกรส เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสนุกสนาน คนป่วยกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน ซึ่งนั่นทำให้ดารินญานึกขอบคุณชาติชายเหลือเกินที่มาร่วมโต๊ะกันในเย็นวันนี้ ไม่มีสิ่งใดทำให้หัวใจเธอพองโตได้เท่ากับการเห็นบิดากินอิ่มนอนหลับ
เธออยากเห็นพ่อยิ้มให้มากที่สุด อยากจดจำคืนวันแสนสุขที่มีร่วมกัน ก่อนที่วาระสุดท้ายของพ่อจะมาถึง เธอสัญญาว่าจะทุกอย่างตามความต้องการของพ่อ อยากให้ท่านจากไปพร้อมกับความสบายใจและหมดห่วง
แม้ว่าเธอจะต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้าก็ตาม...
ราวกับถูกราดรดด้วยน้ำเย็นเฉียบ...
ภูริลุกพรวดขึ้นจากโซฟาทันทีที่ได้ยินบิดาเอ่ยจบประโยค แต่งงานอย่างนั้นหรือ!? คนโสดที่กำลังใช้ชีวิตประชดรักเก่าอย่างสนุกสนาน มองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องกลายเป็นผู้ชายมีเจ้าของเลยสักนิด เขาหลับนอนกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า มีสุรานารีข้างกายทุกวัน แล้วทำไมเขาจะต้องหาเรื่องใส่ตัวด้วยการมีเมียเดียวด้วยเล่า
“จะให้ผมแต่งงานกับใครนะครับ? ลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อเหรอ...โธ่! คุณพ่อครับ นี่มันยุคไหนแล้ว ไม่มีใครเขาใช้วิธีคลุมถุงชนกันแล้วนะครับ” ชายหนุ่มทำเสียงยียวน
“พ่อแค่ช่วยแกเลือกผู้หญิงดีๆ จะได้เลิกทำตัวสำมะเลเทเมา แล้วกลับมาเป็นผู้เป็นคนขึ้นกว่านี้บ้าง”
“คุณพ่อหวังดีกับภูนะลูก หนูดาเธอน่ารัก นิสัยดี เพียบพร้อมทุกอย่าง แม่ว่าถ้าภูลองเปิดใจคบหากับน้อง ภูจะต้องชอบน้องแน่” อัมพิกาสนับสนุนความคิดของชาติชายผู้เป็นสามี ด้วยไม่อยากทนเห็นลูกชายคนเดียวทำตัวไร้หลักอีกแล้ว
“นี่คุณแม่ก็เอากับคุณพ่อด้วยเหรอครับ”
“อะไรที่มันดีสำหรับภู แม่ก็เห็นด้วยทุกอย่าง”
“ถ้าชอบผู้หญิงคนนั้นนัก คุณพ่อก็รับเธอมาเป็นเมียอีกคนสิ ผมว่าคุณแม่คงไม่ถือ เพราะคุณแม่เองก็ดูจะชอบลูกสาวของเพื่อนคุณพ่ออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน” เขาแสยะยิ้ม คำพูดคำจาร้ายกาจจนคนเป็นพ่อทนไม่ไหว
“หุบปากไปเลยนะ! อย่ามาลามปามแบบนี้!” ชาติชายโกรธจนตัวสั่น ชี้หน้าลูกชายแล้วเอ่ยต่อด้วยสุ้มเสียงดุดัน “ถ้าแกไม่แต่งงานกับหนูดา ฉันจะยึดรถ ยืดคอนโด ยืดทุกอย่างคืนมาทั้งหมด! ส่วนเงินเดือนที่แกถลุงเล่นอยู่ทุกเดือน นั่นก็จะไม่มีอีกเหมือนกัน อยากรู้นักว่าคนเก่งหยิ่งยโสอย่างแกจะทำยังไงต่อไป!”
“นี่คุณพ่อขู่ผมเหรอครับ!” ภูริอึ้ง
“ฉันไม่ได้ขู่ แต่ฉันทำจริง!” ชาติชายยืนยัน
“เชื่อคุณพ่อเถอะนะภู ลูกใช้ชีวิตจนคุ้มค่าแล้ว แม่ว่าพอเถอะนะ แต่งงานมีครอบครัว เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีได้แล้วนะลูก เราสองคนอยากให้ลูกมีความรับผิดชอบมากกว่านี้”
“ใช่ ถึงเวลาที่แกจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วนะภู แกอกหักรักคุดมา ฉันเข้าใจ แต่มาประชดชีวิตแบบนี้ แกคิดว่าคนในอดีตของแกเขาจะรู้สึกอะไรด้วยเหรอฮะ! ผู้หญิงคนนั้นแต่งงานมีความสุขไปแล้ว ส่วนแกก็เอาเวลามาทำร้ายตัวเอง ก้าวตามใครไม่ทันสักที”
“ผมไม่แต่ง!” ชายหนุ่มยืนกรานเสียงแข็ง
“ได้...ไม่แต่งก็ได้ แต่แกต้องไปทำงานที่บริษัทเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง ไม่ใช่ในตำแหน่งลูกชายฉันนะ แต่แกต้องสมัครเข้าไปตามระเบียบ เริ่มต้นจากพนักงานธรรมดา จนกว่าฉันจะเห็นว่าแกเก่งพอที่จะเลื่อนขึ้นมาในฐานะทายาทคนเดียวของฉันได้ แต่ถ้าแกยอมแต่งงานมีครอบครัว เลิกทำตัวให้ฉันขายหน้า ฉันจะให้แกเข้าไปทำงานในฐานะรองประธานบริษัท คุณรำไพจะเป็นคนสอนแกเอง” ชาติชายยื่นคำขาด ยอมอ่อนข้อให้ลูกชายหัวดื้อคนนี้มาเยอะแล้ว ตามใจจนเสียคน ถึงเวลาที่ต้องใช้ไม้แข็งเสียที ดูเหมือนคำพูดของคนเป็นพ่อจะทำให้ภูริอึ้งไปครั้งแล้วครั้งเล่า เขากำมือแน่น ก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยความโกรธขึ้งสุดจะเอ่ย อัมพิกามองตามหลังลูกชายไป ถอนหายใจเฮือกก่อนหันมาถามสามี
“ทำไมไม่บอกลูกไปละคะว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่เราเลือกหนูดา เพราะพ่อของเธอกำลังจะตาย”
“บอกไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกคุณ ภูไม่สนใจหรือคิดจะเห็นใจหนูดาเพราะเรื่องนี้หรอก เราสองคนเลี้ยงลูกมาแบบผิดๆ กว่าจะตัดใจดัดนิสัยได้ก็เกือบจะกลายเป็นไม้แก่แล้ว หวังว่าการแต่งงานจะทำให้ภูทำตัวดีขึ้น หนูดาน่ารักขนาดนั้น ผมเชื่อว่าภูจะต้องใจอ่อนได้สักวัน” ชาติชายเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ อัมพิกาเห็นแบบนั้นก็ขยับไปนั่งข้างๆ หวังจะปลอบใจ แต่เสียงโทรศัพท์มือของสามีที่ร้องดั่นขึ้นมาบนโต๊ะรับแขก ทำให้เธอต้องนิ่งเงียบ มองดูเขาหยิบมันขึ้นมาดู
“นี่มันเบอร์โทร.ของหนูดานี่?” เขาย่นคิ้ว
“รีบรับสายสิคะ เผื่อมีธุระอะไรสำคัญ” ภรรยากระตุ้น ชาติชายจึงพยักหน้าเร็วๆ แล้วกดรับสายทันที
“คุณลุงคะ...” เสียงที่เอ่ยขึ้นมาสั่นเครือจนใจคอไม่ดี ดารินญาสะอื้น เงียบไปอึดใจหนึ่งเหมือนพยายามตั้งสติ แล้วรีบเอ่ยต่อ “พ่อ...พ่อเสียแล้วค่ะคุณลุง ดาไม่รู้จักใคร...ดา...”
“ใจเย็นนะหนูดา เดี๋ยวลุงกับป้าจะรีบไปหาหนูเอง ทำใจดีๆ ไว้นะลูกนะ” ชาติชายปลอบเสียงสลด อัมพิกายกมือขึ้นปิดปาก รู้ได้ทันทีว่าคงเกิดเรื่องร้ายขึ้นเป็นแน่ เมื่อสามีกดวางสายแล้วหันมาสบตา ดวงตาที่แดงก่ำของเขาก็บอกเรื่องราวทั้งหมดทันที
“เสียใจด้วยนะคะคุณ ฉันรู้ค่ะว่าคุณกับคุณเด่นเป็นเพื่อนที่รักและสนิทสนมกันมาก” อัมพิกาบีบมือสามีแน่น “ไปค่ะ ไปหาหนูดากัน เดี๋ยวฉันจะขับรถให้คุณเองนะคะ”
“ขอบคุณนะคุณอัม” ชาติชายยิ้มเศร้า ก้มหน้าลงซ่อนความเสียใจ ตั้งสติอยู่ไม่กี่นาที ก่อนจะออกจากบ้านไปพร้อมกับคู่ชีวิตที่คอยเคียงข้างกันทุกสถานการณ์
เมื่อขับรถไปถึงบ้านของเด่น รถโรงพยาบาลก็แล่นเข้าจอดเกือบจะพร้อมเพรียงกัน ดารินญาร้องไห้กอดร่างที่แน่นิ่งของบิดาไว้แน่น จนชาติชายกับอัมพิกาต้องเข้าไปปลอบประโลมเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำตามหน้าที่ หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจอยู่ในอ้อมแขนของอัมพิกา มีชาติชายคอยลูบไหล่ลูบหลังเบาๆ ไม่ห่างไปไหน นั่นทำให้การสูญเสียของเธอไม่ได้โดดเดี่ยวมากนัก
ไม่อยากเชื่อเลยว่าการพบกันเมื่อวานนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ได้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเพื่อนรัก ชาติชายมองร่างที่นอนหลับตาพริ้มแล้วเม้มปากแน่น สะกดกลั้นอารมณ์อ่อนไหวไว้ให้ลึกสุดหัวใจ เขาจะจัดการพิธีศพของเด่นอย่างสมเกียรติ และสัญญาว่าจะดูแลดารินญาเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง
“หมดห่วงได้แล้วนะเด่น ฉันจะดูแลหนูดาแทนนายเอง”
