บทที่ 4 ศัตรูคนใหม่ 1
บทที่ 4
ศัตรูคนใหม่
“ผมอิ่มแล้ว” นัฐวีร์รวบช้อน ก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบแล้วผุดลุกขึ้น
“ไม่มีมารยาทเลย แม่ยังทานไม่อิ่มเลยนะ จะมาลุกไปก่อนได้ไง” คุณดาวรายขมวดคิ้วมุ่น น้ำเสียงส่อถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
“แต่ผมอิ่มแล้ว” เด็กหนุ่มย้ำเสียงเรียบด้วยท่าทางไม่สนใจต่อท่าทางโมโหของผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่น้อย ดวงตาคมหรี่ลงมองวรัศยาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหมุนร่างเดินออกไปจากห้องอาหาร
“ฉันก็อิ่มแล้ว” คุณดาวรายหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดที่ริมฝีปากพลางปรายตามองมาทางวรัศยาแล้วเมินหน้าหนีก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปอีกคน
“นี่แหละ งานของเธอ” ธีรภัทรพูดยิ้มๆ ดวงตาแพรวพราวเหลือบมองมาทางเธออย่างเอาใจช่วย
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างหนักใจ เธอรู้แล้วว่าทำไมเงินเดือนของเธอถึงสูงนัก แม่สามีก็ร้าย สามีก็หื่น แถมน้องสามียังทำท่าไม่ชอบใจเธอตั้งแต่แรกเห็นเสียอีก....เงิน3หมื่น ดูจะน้อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ สำหรับงานชิ้นนี้
“เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ คุณอยู่ได้ใช่หรือเปล่า” เขาหันมาถามด้วยท่าทางห่วงใย พลางตักชิ้นกุ้งเข้าปาก
“ฉันอยู่ได้ค่ะ คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
“คุณไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวตอนกลางคืนผมจะมานอนเป็นเพื่อน” พูดจบ ชายหนุ่มก็เงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดังด้วยความพอใจเมื่อเห็นพวงแก้มของวรัศยาเป็นสีชมพูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อย่ามาทะลึ่งนะ” เธอพูดเสียงเขียวแล้วส่งค้อนไปให้ชายหนุ่ม
“ครับๆ” ชายหนุ่มรับคำพลางยกแก้วน้ำขึ้นกระดกลงคอรวดเดียวหมดแก้ว
“ผมไปก่อนนะ” เขาพูดก่อนจะรีบลุกขึ้นก้าวออกไปอีกคนจนเหลือเพียงวรัศยาคนเดียวเท่านั้น เธอมองเก้าอี้หลายๆตัวที่ตอนนี้ว่างเปล่าแล้วก็ต้องถอนหายใจ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าความรวยไม่ใช่ความสุขเสมอไป บ้านหลังนี้หรูหรา มีพร้อมด้วยทรัพย์สินเงินทอง แต่ทว่า...ความรักใคร่อบอุ่น แทบจะไม่มี...
“เก็บได้เลยจ้ะ” หญิงสาวบอกกับคนรับใช้ที่ยืนรออยู่ให้มาเก็บกับข้าวบนโต๊ะ ก่อนที่เธอจะก้าวออกไปเดินสำรวจบ้านอย่างเงียบๆ
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคนรวยอย่างแท้จริง ที่ทำเอาคนที่มาจากชนบทจนๆอย่างเธอรู้สึกว่าขาจะเริ่มสั่นทุกครั้งที่ปลายเท้าสัมผัสกับพื้นพรมราคาแพง
กลิ่นหอมอ่อนๆที่โชยมาทั่วบ้านทำให้เธอต้องสูดอากาศอย่างปรอดโปร่ง ปากจิ้มลิ้มยิ้มออกมาอย่างสดใสเมื่อได้เดินออกมาถึงข้างนอก สวนหย่อมหน้าบ้านถูกตกแต่งไว้อย่างมีระเบียบและสวยงาม ทำให้เธออดที่จะนึกชื่นชมไม่ได้
จมูกโด่งรั้นเล็กๆจรดลงบนกลีบดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนๆที่กำลังแย้มกลีบบานแรกแย้มอย่างสวยใส แต่แล้วเธอก็ต้องย่นจมูกเมื่อกลิ่นฉุนๆของอะไรบางอย่างโชยมาแตะเข้าที่จมูกอย่างจัง
“ฮะ ฮัดเช้ยยยยย” วรัศยาจามออกมาเสียงดังสนั่น จมูกเริ่มแดง ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบไปเห็น'สาเหตุ'ของกลิ่นนั่นเข้าพอดี
ร่างสูงในชุดเสื้อกล้ามสีแดงและกางเกงทรงทหารตัวใหญ่ยืนหันข้างให้เธออยู่ นิ้วเรียวแข็งแรงคีบบุหรี่ขึ้นสูบอย่างสบายอารมณ์โดยไม่ได้มีทีท่าเดือดเนื้อร้อนใจที่เห็นเธอเหม็นกลิ่นบุหรี่เลยแม้แต่น้อย
มือใหญ่ข้างที่เหลือยกขึ้นมายีผมตัวเองจนมันยุ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างเซ็งๆ พลางส่งสายตาเย็นเยียบมาทางวรัศยาอย่างไม่พอใจ
“มายืนบื้ออะไรอยู่ตรงนี้”
' ตายแล้ว ใครก็ได้ ช่วยบอกทีเถอะว่าอีตานี่เป็นเด็กอายุ 16 ' หญิงสาวคิดอย่างฉุนๆ ดวงตากลมโตเริ่มขุ่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันก็มาเดินเล่นน่ะสิ” หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับไป ในขณะที่เขาทิ้งบุหรี่ลงบนพื้นก่อนจะใช้เท้าที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้รองเท้าผ้าใบราคาแพงเหยียบบุหรี่จนดับ
“ทำเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของบ้านเลยนะ” เขาหมุนกายมาประจันหน้ากับเธอ เธอจึงได้รู้ว่า...เขาสูงกว่าที่คิด เธอยังสูงเพียงแค่อกของเขาเท่านั้น ช่วยบอกเธออีกทีเถอะว่า...หมอนี่เป็นเด็กอายุ 16 จริงๆน่ะ
“แต่ฉันเป็นพี่สะใภ้ของนายนะ ฉันจึงมีสิทธิ์!!” วรัศยาตอกกลับไปด้วยใบหน้าสะใจ
“สะใภ้ที่ไม่มีใครต้องการน่ะเหรอ” นัฐวีร์สวนกลับ ดวงตาคมหลุบลงมองพื้นก่อนจะเดินเฉียดไหล่หญิงสาวกลับเข้าไปในบ้าน
“คนอื่นจะไม่ชอบฉันก็ช่างเขาเถอะ ขอแค่คุณธีร์ต้องการฉันก็พอแล้ว” พูดพลางร่างเล็กๆของวรัศยาก็เดินเร็วๆตามเด็กหนุ่มเข้าไปภายในบ้านด้วยอย่างลืมตัว
“เหรอ” เด็กหนุ่มหันขวับมามองหน้าเธอทันที ก่อนจะเมินไปอีกทางแล้วเดินหนีเข้าห้องนอนตัวเองเสียดื้อๆ เล่นเอาหญิงสาวต้องขมวดคิ้วอย่างหัวเสียเมื่อรู้สึกเหมือนโดนเด็ก ' ด่า ' ทางสายตา
22.30น.
หลังจากเข้าไปอาบน้ำจนสบายตัวเรียบร้อยอีกครั้งแล้ว ร่างบางในชุดนอนเนื้อหนาก็เดินมาทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มอย่างสบายใจแขนเรียวกางออกเต็มที่นอน ขาทั้งสองก็แผ่เต็มที่ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเริ่มปิดสนิท เข้าสู่ห้วงความฝันอย่างง่ายดาย
ฮึ้ยยย หญิงสาวครางในลำคออย่างอึดอัดเมื่อเริ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมาทับที่ตัว เปลือกตาเริ่มขยับขยุกขยิกก่อนจะลืมตาขึ้น
ความมืดทำให้เธอมองอะไรไม่ค่อยชัดเจน เห็นเพียงเงาตะคุ่มๆของผู้ชายตัวโตคนหนึ่งนอนคร่อมร่างเธออยู่
“กรี๊ดดด..” ส่งเสียงออกมาได้เพียงนิดเดียว ปากของเธอก็ถูก มือหนากดปิดไว้แน่น
“จะร้องทำไม” เสียงนี้เธอจำได้ดีว่าเสียงใคร...มันทำให้เธอคลายความตกใจลงและสติก็เริ่มกลับมาจนกล้าที่จะ...
โครม !!
กล้าที่จะถีบเขาจนสุดแรงเท่าที่มี
“โอ๊ยยย” ธีรภัทร์ร้องลั่นเมื่อถูกเท้าน้อยๆถีบเข้าที่ท้องเข้าเต็มแรง ร่างสูงกลิ้งออกจากตัวหญิงสาวก่อนจะไปนอนหงายอยู่ข้างๆ
“ไอ้ทะลึ่ง ลามก จะลักหลับฉันเหรอ” วรัศยาผุดลุกขึ้นนั่งบนเตียง มือเรียวคว้าหมอนมาฟาดใส่ชายหนุ่มแรงๆหลายที
“ใครจะไปลักหลับเธอลงกัน ฮ๊ะ นอนเหมือนไม่ใช่ผู้หญิง กางเต็มเตียง 180 องศา น่าเกลียดจริงๆ” ชายหนุ่มค่อนขอดพลางยกมือขึ้นป้องหน้าเมื่อวรัศยาฟาดหมอนเข้าที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง
“ถ้านายไม่คิดลามกจะมาลักหลับฉัน แล้วๆๆๆๆ....” สีแดงๆถูกฉีดเข้าที่พวงแก้ม ลิ้นเกิดอาการพันกันจนพูดไม่ออก จะให้เธอพูดออกไปได้ไงล่ะว่าแล้วเขาจะมานอนคร่อมเธอแบบนั้นทำไมน่ะ
“แล้วอะไร” ธีรภัทร์จับหมอนเอาไว้แน่น ทำให้เธอไม่สามารถยกหมอนขึ้นมาฟาดเขาได้อีก
“แล้ว...” หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อสบกับดวงตาคมที่แพรวพราวราวกับรู้ทันคู่นั้น
“แล้วผมจะมานอนคร่อมคุณทำไมใช่มั๊ย...ก็คุณเล่นนอนคนเดียวเสียเต็มเตียงแล้วจะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมก็ต้องนอนบนตัวคุณน่ะสิ” เขาพูดดักคอหน้าเฉยเล่นเอาใบหน้าเธอร้อนผ่าวยิ่งกว่าเดิม
“อ๊ากกกก ตายซะเถอะไอ้ทะลึ่งงงงง” หญิงสาวร้องลั่นก่อนจะโผนขึ้นนั่งคร่อมตัวชายหนุ่มแล้วกระชากคอเสื้อเขาเขย่าไปมาอย่างลืมตัว
