บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ศัตรูคนใหม่ 2

“ร้อนแรงจัง คุณจะเป็นฝ่ายรุกเหรอครับ” คำพูดกรุ้มกริ่มของเขาเล่นเอาหญิงสาวชะงักมือที่กำลังเขย่าเขาอยู่ทันที เริ่มรู้สึกตัวว่าตอนนี้เธอนั่งบนตัวเขาด้วยท่าหวาดเสียวขนาดไหน

ก๊อกๆๆๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้วรัศยารีบลุกออกไปเปิดประตูด้วยตัวเองทันที อาจเป็นเพราะเธอรู้สึกขัดเขินผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียงคนนั้นด้วยกระมัง

แอ๊ดดดด

ทันทีที่ประตูเปิดออก หน้าเย็นชาของนัฐวีร์ก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาเธอทันที

“มีอะไร” หญิงสาวถามเสียงห้วน ลอบมองเด็กหนุ่มในชุดนอนแขนยาวขายาวลายทางด้วยสายตาที่อดจะชื่นชมไม่ได้ 'แต่งตัวแบบนี้ หมอนี่ก็ดูดีไปอีกแบบหนึ่ง'

“ช่วยเงียบๆเสียงหน่อย คนห้องข้างๆอย่างผมหลับไม่ลง” นัฐวีร์พูดเสียงเข้ม สายตาคมกริบมองเลยหญิงสาวไปจับจ้องที่พี่ชายเพียงคนเดียวที่นอนอยู่บนเตียงในห้องก่อนจะวกสายตากลับมามองที่หญิงสาวเหมือนเดิม

“จะทำอะไรกันก็เบาๆหน่อย...ซาดิสต์เป็นบ้า” นัฐวีร์พูดต่ออีกประโยคหนึ่ง เป็นคำพูดที่ทำให้หญิงสาวแทบอยากจะร้องกรี๊ดให้ลั่น แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอย่างที่คิด เด็กหนุ่มก็ดันประตูปิดลงเสียก่อนทำให้เธอต้องอ้าปากค้างอย่างอึดอัดใจ ทำอะไรไม่ถูก

“เห็นฤทธิ์น้องชายตัวแสบของผมหรือยังครับคุณเมีย” เขาถามพลางเปิดรอยยิ้มกว้าง

“อย่ามาเรียกฉันแบบนี้นะ” วรัศยาว่าเสียงเขียวก่อนจะเดินไปดึงผ้าห่มนวมผืนใหญ่ลงมาปูพื้นข้างล่าง

“คุณจะทำอะไร” เขาถามพลางขมวดคิ้วมุ่น มองตามร่างเล็กๆที่กำลังจัดแจงปูผ้าด้วยท่าทางสงสัย

“ฉันจะนอนข้างล่าง” เธอตอบเสียงเรียบพลางคว้าหมอนมาวางบนผ้านวม

“คุณต้องมานอนกับผมสิ” เขาเริ่มงอแงคล้ายๆเด็กที่ไม่ได้ดังใจ ทำให้เธอต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณสัญญาว่าจะให้อิสระฉัน เพราะฉะนั้นคุณห้ามบังคับฉันในเรื่องนี้โดยเด็ดขาด” ได้ยินเสียงเด็ดขาดของหญิงสาวแล้ว ธีรภัทรก็หน้าสลดลงทันที

“ตามใจ” เขาพูดเสียงเรียบก่อนจะโยนผ้าห่มผืนเล็กอีกผืนหนึ่งให้หญิงสาว แล้วเอื้อมมือไปปิดโคมไฟหัวเตียงทันที

วรัศยาถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อล้มตัวลงนอนแล้วดึงผ้าขึ้นมาคลุมจนถึงอก ท่ามกลางความเงียบและความมืด ทำให้เธออดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนห้องเดียวกับผู้ชายที่ไม่ได้มีความผูกพันกันทางสายเลือด แล้วเธอก็ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไม...เธอถึงรู้สึกดีกับผู้ชายเจ้าชู้และเป็นตัวอันตรายสำหรับสาวพรหมจารีย์อย่างเขาด้วย...ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

แสงแดดอ่อนๆลอดเข้ามาทางหน้าต่างส่องกระทบใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มเข้าพอดี ธีรภัทรหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง ร่างสูงผุดลุกขึ้นนั่งพลางยกมือขึ้นเหนือศีรษะแล้วบิดตัวเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบ

ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง

“ธีร์ตื่นหรือยังลูก” เสียงของคุณดาวรายดังขึ้นทำให้ธีรภัทรตาสว่างเต็มที่ทันที

“ตื่นๆยัยขี้เซา ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ” ชายหนุ่มกระโจนลงจากเตียงมาเขย่าตัวหญิงสาวที่นอนขดตัวกลมอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบางราวกับเป็นดักแด้

“อืมมม แม่คะ ขอหนูนอนต่ออีกนิดนึง” หญิงสาวพูดงึมงำแล้วปัดมือชายหนุ่มออกไปจากตัว

“ผมไม่ใช่แม่คุณโว๊ยยยยย” เขากระซิบลอดไรฟันด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถตะโกนโวยวายออกมาได้เต็มที่เพราะเกรงว่ามารดาที่อยู่ข้างนอกจะได้ยิน

“งั้นแม่เปิดประตูเข้าไปเลยนะ”

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะส่งเสียงทัดทานออกไป คุณดาวรายก็เปิดประตูเข้ามาเสียก่อน และมันก็ไม่มีวิธีที่ดีที่สุดแล้วนอกจาก.....

“ว้าย ทำอะไรกันยะ บัดสีบัดเถลิง” คุณดาวรายส่งเสียงวี๊ดว้ายออกมาด้วยท่าทางตกใจเมื่อเห็นลูกชายตัวเองนอนทับอยู่บนตัวผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอยู่บนพื้นห้องที่มีผ้านวมที่ปูพื้นไว้ยับย่นราวกับว่าผ่านสมรภูมิเดือดมา

“โธ่ แม่อ่ะ ตื่นเช้ามา ผมว่าจะกุ๊กกิ๊กกับเมียต่อจากเมื่อคืนเสียหน่อย เฮ้อ” ชายหนุ่มตีหน้าเศร้าก่อนจะค่อยๆลุกออกจากตัวของวรัศยาโดยไม่ทันสังเกตว่ามีดวงตาเขียวๆของใครคู่หนึ่งลืมขึ้นมามองเขาอย่างโกรธจัด

“เช้าแล้วยังจะมาทำเรื่องแบบนี้อีกเหรอ แกควรรีบไปอาบน้ำกินข้าวแล้วไปบริษัทได้แล้ว” คุณดาวรายว่าเสียงเข้มพลางเมินหน้าไปทางอื่นเพราะทนมองไม่ได้

“โธ่ ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้แหละครับแม่” ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา

“วุ้ย ! แม่ไม่พูดกับแกแล้ว แค่จะมาปลุกให้ลงไปกินข้าวน่ะ แล้วก็ลงไปเร็วๆนะ” คุณดาวรายว่าก่อนจะรีบผลุนผลันเดินออกจากห้องไปทันที

“เฮ้อ...โล่งอก” ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความสบายใจมากขึ้น เพราะเขาเป็นกังวลว่ามารดาจะรู้ความจริงว่าเขากับวรัศยาไม่ได้เป็นอะไรกัน แม่ของเขาจะคิดยังไง ถ้าเห็นว่าเขาและเธอไม่ได้นอนด้วยกันแบบนี้ ยังดีที่ชายหนุ่มยังพอเอาตัวรอดได้ เรื่องเลยยังไม่แตกอย่างที่คิด

“โล่งอกมาก....มั๊ยคะ” น้ำเสียงเหี้ยมๆที่ดังขึ้นทำให้เขาหันไปมอง

“ตายซะเถอะ ไอ้ลามกกกกกก” วรัศยาโผนร่างเข้าใส่ชายหนุ่มทันทีอย่างลืมตัว พร้อมกับกางเล็บเข้าข่วนใบหน้าเขาเต็มแรง

“โอ๊ยยย เดี๋ยวๆๆ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” ชายหนุ่มร้องลั่น พยายามยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้าตัวเอง

“ไอ้คนฉวยโอกาส” หมัดน้อยๆระดมทุบอกเขา ในขณะที่เขามีแต่ท่าทางปัดป้องแต่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะต่อสู้ให้เธอได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

“โอ๊ยยย ผมขอโทษคร้าบบบบ”

“นี่แน่ะ ไอ้กะล่อน!!”

เสียงของคนทั้งคู่ยังคงโวยวายดังลั่นอยู่ในห้องนอนส่วนตัวโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนยืนพิงบานประตูอยู่เบื้องนอก

ดวงตาสีดำสนิทหรี่ลงอย่างครุ่นคิด แขนแข็งแรงถูกยกขึ้นมากอดอกไว้หลวมๆ ริมฝีปากถูกยกขึ้นมาที่มุมปากข้างหนึ่งพลางพูดขึ้นมาเบาๆ

“...คู่นี้ทำเหมือนไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆอย่างนั้นแหละ”นัฐวีร์ส่ายหัวอย่างช้าๆพร้อมกับสาวเท้าเดินเอื่อยๆลงบันไดไปยังชั้นล่างเพื่อตรงไปยังห้องอาหาร โดยที่ในสมองยังอดคิดเรื่องพี่ชายและพี่สะใภ้ไม่ได้

“มาเร็วดีนี่...พี่ชายแกกับแม่นั่นยังไม่ลงมาเลย ยัยวรัศยานี่ก็เป็นคนยังไงกันแน่นะ เช้าขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมปล่อยผัวให้ลงมากินข้าวไปทำงานอีก” คุณดาวรายพูดจิกกัดลูกสะใภ้ที่ได้มาโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนที่ดวงตาเฉี่ยวที่ถูกตกแต่งไว้อย่างดีจะเหลือบมามองทางนัฐวีร์ที่นั่งอยู่เงียบๆ

“วันนี้แกไปสมัครเรียนม.4ด้วย”

ดวงตาดำโตสบเข้ากับดวงตาของผู้เป็นมารดาก่อนที่มุมปากจะถูกยกขึ้นตามแบบฉบับของนัฐวีร์

“ผมไม่ไป”

“แต่แกต้องไปนะ”

“แต่ผมไม่อยากเรียน” เด็กหนุ่มว่าเสียงกร้าวก่อนจะลุกขึ้นยืน

“นั่นแกจะไปไหน” คุณดาวรายร้องถาม

“กลับห้องผมไง ถ้าแม่จะคุยเรื่องนี้ ผมก็กินข้าวไม่ลงแล้ว” พูดจบเด็กหนุ่มก็หันหลังเดินกลับขึ้นไปบนชั้นสองทันที โดยไม่ได้หันมาให้ความสนใจคุณดาวรายที่ยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองด้วยท่าทางหนักใจเลยแม้แต่น้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel