ตอนที่ 5 บทลงโทษแสนหวาน
“แพรวง่วงขอตัวไปนอนก่อนนะคะ เรื่องบทลงโทษอะไรนั่นไว้เป็นพรุ่งนี้นะคะ สำหรับคืนนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ราล์ฟ” รถจอดสนิทแพรวพิชชาก็รีบพูด เปิดประตูลงได้ก็วิ่งเข้าไปด้านในด้วยความว่องไว ไม่หันหลังกลับไปมองเลยว่าราฟาเอลได้ตามมาหรือไม่
“หนียังไงก็ไม่พ้นมือพี่หรอกน้องแพรว เตรียมตัวทำใจรอไว้ได้เลย” ราฟาเอลลงจากรถก็ยืนกอดอกมองคนที่วิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความเร็วจี๋ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ไม่คิดที่จะวิ่งตามไปไล่จับคนแสนดื้อ เพราะถึงยังไงคืนนี้เขาก็ต้องทำโทษเด็กที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งอยู่แล้ว
แพรวพิชชาเข้าไปอาบน้ำประมาณหนึ่งชั่วโมงก็เดิมฮัมเพลงออกมา ไม่มีความง่วงงุนใดๆ เลย ในมือถือผ้าขนหนูสีขาวผืนเล็กซับผมเปียกชื้นมาที่หน้ากระจกภายในห้องแต่งตัวที่แยกส่วนกับห้องนอน เพื่อที่จะบำรุงผิวหน้าและผิวกายก่อนนอนเป็นประจำทุกคืน ทานั่นทานี่อยู่ประมาณยี่สิบนาทีก็เลื่อนประตูห้องแต่งตัวออกมาเพื่อที่จะเข้านอน แต่ก็ต้องตาค้างเมื่อคนที่ไม่อยากจะเจอในเวลานี้นอนดูไอแพดอยู่บนเตียงของเธอ
“พี่ราล์ฟเข้ามาได้ไงคะแพรวล็อกห้องไว้แล้วนะคะ” แพรวพิชชาเดินมายืนจังก้าอยู่ข้างเตียง หลงลืมไปว่าตนเองใส่เพียงชุดนอนผ้าซาตินเนื้อนิ่มสีชมพูหวานที่แสนบางเบาและสั้นจู๋อยู่
“น้องแพรวคิดว่าล็อคห้องแล้วพี่จะเข้ามาไม่ได้งั้นเหรอ หึ เด็กน้อยจริงๆ นะเราเนี่ย ในบ้านนี้พี่เข้าออกได้ทุกห้องลืมไปแล้วรึไงเด็กดื้อ” ราฟาเอลพูดโดยที่ไม่ได้ละสายตาออกจากสิ่งที่จับจ้อง แพรวพิชชาเองก็เริ่มหงุดหงิดเมื่อโดนรวนอย่างนี้ แล้วแย่งไอแพดที่อยู่ในมือหนามาถือเอาไว้เสียเอง
“ลืมไปค่ะว่าบ้านนี้พี่ราล์ฟใหญ่ที่สุด ถ้างั้นแพรวที่เป็นคนอาศัยขอเชิญพี่ราล์ฟออกไปนะคะ เพราะแพรวจะนอน มีอะไรไว้คุยกันตอนเช้าเถอะค่ะ ตอนนี้แพรวง่วงอยากนอนหลับพักผ่อนแล้ว” แพรวพิชชาพูดประชดเสียงแข็ง
ราฟาเอลมองร่างบอบบางของน้องสาวนอกไส้ อย่างไม่ถือสาหาความในคำพูดแบบเด็กๆ ของคนหน้างอ ที่ยืนเม้มปากแน่น สายตาคมสำรวจคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงโดยที่ไม่ให้เจ้าตัวจับได้ พินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
“พี่จะคุยตอนนี้และเดี๋ยวนี้ด้วย ไม่ต้องมาโยกโย้ให้เสียเวลาน้องแพรว เราก็รู้ว่าพี่เป็นคนยังไง” คนเอาแต่ใจพูดอย่างดื้อดึง มองซาลาเปาอวบที่เคยสัมผัสเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน ที่เขารู้ดีว่าตอนนี้ข้างในไร้ปราการห่อหุ้ม
“พี่ราล์ฟอย่ามาเอาแต่ใจตอนจะเที่ยงคืนแบบนี้ได้ไหมคะ แพรวขอร้อง” แพรวพิชชาโอดครวญ ความหอมของดอกไม้ที่อยู่ในห้องก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเธอผ่อนคลายลง
“อย่ามางอแงน้องแพรว พี่รู้ว่าเรายังไม่ง่วง” มือใหญ่ฉุดข้อมือบาง ให้เซถลาล้มลงทับหน้าขาแกร่งที่เหยียดยาวอยู่บนเตียง
“ปล่อยแพรวเดี๋ยวนี้นะพี่ราล์ฟ อื้อ!” แพรวพิชชาดิ้นขลุกขลัก อยู่ในอ้อมแขนที่กอดรัดตัวเธอเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“อยู่นิ่งๆ” ราฟาเอลดุ ขยับร่างบางให้เกยขึ้นมานอนทับบนตัว แล้วใช้ขายาวๆ ก่ายทับเอาไว้ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหนได้
“ถ้าจะคุยก็นั่งดีๆ สิคะ จะมาคุยท่านี้ทำไมแพรวไม่ชอบ พี่ราล์ฟปล่อย อื้อ อื้อ” คนที่โวยวายเสียงดังถูกปากร้อนจัดประกบริมฝีปากลงมาปิดเสียงร้องโวยวาย ความอ่อนหวานที่ได้รับทำให้คนพยศอ่อนระทวย เปลี่ยนจากทุบเป็นเกาะไหล่แกร่งเอาไว้มั่น
“จะเลิกโวยวายใส่พี่ได้หรือยัง หืม” ราฟาเอลกระซิบชิดกลีบปากแดงจัด แลบลิ้นสากหนาออกมาไล้เลียที่กลีบปากนุ่มอย่างยั่วเย้า
“พี่ราล์ฟจูบแพรวอีกแล้วนะคะ มือไวปากไวเกินไปแล้วนะ” แพรวพิชชาพูดเสียงหอบ แนบแก้มไว้บนอกกว้างอย่างอ่อนแรง เพราะถูกสูบลมหายใจไปนานหลายนาที
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่มีสิทธิ์ที่จะจูบน้องแพรว ไม่ต้องมาทำหน้าง้ำใส่พี่เลย” มือหนาลูบผมนุ่มอย่างเบามือ “ใครหน้าไหนก็ไม่สิทธิ์ที่จะได้ทำในสิ่งที่พี่ทำอยู่ตอนนี้” ราฟาเอลพูดอย่างเอาแต่ใจ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้นว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้คนที่นอนทับอยู่บนตัวใจสั่นไหวขนาดไหน
“ใครหน้าไหนที่พี่ราล์ฟว่า รวมถึงแฟนในอนาคตของแพรวด้วยงั้นเหรอคะ อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ ไม่ยุติธรรมเลย” เสียงงึมงำบริเวณอกกว้างดังชัดเข้าไปในโสตประสาทของคนหูดีอย่างจัง ราฟาเอลกัดฟันกรอดๆ อย่างโมโหที่ได้ยินน้องน้อยพูดออกมาเช่นนั้น
“น้องแพรวไม่มีสิทธิ์ที่จะมีใครหน้าไหนทั้งนั้น จำเอาไว้ให้ดีเด็กดื้อของพี่” ราฟาเอลพูดเสียงเย็น อ้อมแขนแข็งแรงกระชับเอวคอดกิ่วแน่น แพรวพิชชาหน้าแหย เพราะกลัวว่ากระดูดจะหักเอาซะก่อนเล่นกอดแน่นขนาดนี้
“พี่ราล์ฟพูดถึงสิทธิ์อะไรนั่นมาหลายรอบแล้วนะคะ แพรวไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอก แล้วอีกอย่างช่วยปล่อยแพรวก่อน แพรวเจ็บนะคนบ้ารัดซะแน่นเลย” แพรวพิชชาทุบไหล่หนาหวังจะให้เขาปล่อย แต่ไม่เป็นผลเพราะราฟาเอลไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น
“งั้นพี่จะอธิบายถึงสิทธิ์ที่น้องแพรวบอกว่าไม่รู้เรื่องให้กระจ่างเอง” ราฟาเอลพลิกตัวแพรวพิชชาให้ลงนอนแทนที่ โดยที่ตัวเองเป็นฝ่ายคร่อมทับร่างบางเอาไว้ นิ้วแกร่งไล้ไปตามโครงหน้าสวย แวะทักทายหยอกเอินที่ปากเรียวบาง กดคลึงนิ้วโป้งที่กลีบปากล่างอย่างหลงใหล
“พะ...พี่ราล์ฟจะทำอะไรคะ” แพรวพิชชาถามเสียงสั่นอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ ตอนนี้ใจดวงน้อยๆ เต้นรัวเร็วราวกับกลองศึก ทั้งตื่นเต้น ทั้งเขิน และสงสัยผสมปนเปกันไปหมด แม้ว่าจะเป็นพี่น้องกันมานานหลายปีแต่เธอและราฟาเอลไม่เคยแนบชิดกันขนาดนี้มาก่อน
ราฟาเอลไม่ตอบ จับจ้องอยู่ที่ใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างใช้ความคิด เขาไม่รู้ว่าคิดกับแพรวพิชชาเกินกว่าคำว่าพี่น้องตั้งแต่ตอนไหน พอรู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว แม้ว่าทั้งเขากับน้องสาวนอกไส้คนนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม ตั้งแต่ส่งไปอังกฤษ แต่ในทุกๆ ปีเขาจะต้องบินไปเยี่ยมและอยู่ด้วยนานนับเดือน ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของสาวน้อยที่โตเป็นสาวสวยขึ้นในทุกๆ ปี ความรู้สึกของเขามันก็เริ่มที่จะเปลี่ยนตาม และมันก็เป็นอย่างนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
“พี่รักน้องแพรว” เสียงทุ้มน่าฟังพูดออกมาอย่างมั่นใจ ไม่มีอาการขวยเขินใดๆ ให้เห็น แววตาฉายแววจริงจังและจริงใจเขาคิดว่ามันถึงเวลาที่จะต้องพูดออกมาแล้ว ถ้ามัวแต่รีรออยู่มันต้องไม่ส่งผลดีต่อเขาแน่ เพราะแค่วันนี้ยังมีคนมาก้อร้อก้อติกกับคนของเขาเลย
“คะ” แพรวพิชชาขยับใบหน้าที่ซบอยู่กับหมอน ช้อนสายตากลมโตขึ้นมองราฟาเอล ดวงตากลมโตมองสบนัยน์ตาคมอย่างค้นหาว่าที่เขาพูดมันหมายความว่าอะไร รักอย่างที่เขาพูดมันคือรักฉันท์พี่ชายรักน้องสาวหรืออย่างไร
“พี่รักน้องแพรวนะคนดี” ราฟาเอลย้ำคำพูดของตัวเองให้ชัดๆ อีกที “รักอย่างที่ไม่ใช่ฐานะพี่ชาย แต่รักอย่างที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงคนหนึ่งสุดหัวใจ น้องแพรวคิดว่ายังไง พอจะรับรักพี่ได้ไหมครับ เรารักกันแบบคนรักได้ไหม” สายตาแน่วแน่มองใบหน้าแดงซ่านที่อยู่ห่างเพียงคืบเดียว ด้วยสายตาอ่อนโยน ริมฝีปากบางเฉียบกดจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างรักใคร่
