บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ความผิดที่ต้องได้รับโทษ (2)

“ฉันจะออกไปข้างนอก นายสองคนอยู่บ้านนี่แหละไม่ต้องตาม ไปพักกันได้แล้ว ไม่ต้องอยู่รอ กลับเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น” ราฟาเอลบอกแบรทกับโรมที่ยืนเตร่อยู่หน้าบ้านเสียงเครียด

“คุณราล์ฟจะไปไหนครับ พอจะบอกเราสองคนได้ไหมครับ” โรมถามอย่างต้องการจะรู้ว่าเจ้านายจะไปไหน เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมาเขาจะได้ตามไปได้ทันเวลาและถูกสถานที่

“ให้พวกผมไปด้วยสิครับ ผมไม่อยากให้คุณราล์ฟไปไหนตามลำพัง เราสองคนเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณราล์ฟจริงๆนะครับ” แบรทเขยิบมายืนข้างหน้าโรมขอตามไปด้วย

“นั่นสิครับ” โรมเองก็ไม่ยอมแพ้

“ไม่ต้องพูดมากแค่ทำตามคำสั่งของฉันก็พอ มีอะไรฉันจะโทรหาเอง ฉันไม่ใช่เด็กเล็กนะ ฉันดูแลตัวเองได้ พวกแกนี่เป็นเอามากนะ บอกให้ไปพักก็ไปพักเถอะ อย่าให้หงุดหงิดไปมากกว่านี้” ราฟาเอลพูดเสียงห้วนก่อนจะเดินเร็วไปทางโรงจอดรถ ที่มีแต่รถหรูราคาแพงจอดเรียงรายให้ได้เลือกใช้ และในค่ำคืนนี้แลมโบกินีสีดำเงาคันหรูก็ถูกราฟาเอลเลือกออกมาใช้งาน

“คุณราล์ฟไม่ให้ตาม เราก็ไปนอนกันดีกว่าโรมฉันเริ่มง่วงแล้ว เดินทางมาเหนื่อย เพลียด้วย” แบรทกอดคอเพื่อนรักไปตามทางเดินกลับที่พักที่อยู่ทางด้านหลังคฤหาสน์

“อือ แต่ฉันไม่นอนกับแกนะไอ้บ้าแบรท พูดอะไรสยิวฉิบหาย ไอบ้าเอ๊ย!” โรมลูบแขนตัวเองไปมาประกอบคำพูดชวนคิดลึกของเพื่อนซี้พร้อมกับดึงแขนที่พาดอยู่ที่คอออกห่าง

“คิดบ้าอะไรวะไอเวร ฉันไม่ได้พิศวาสแกเลยไอ้บ้า” แบรทผลักหัวเพื่อน โรมก็ตบคืนเล่นกันไปเล่นกันมาจนถึงห้องพัก

Club

แพรวพิชชานั่งฟังเพลงอยู่ในคลับหรูของโรงแรมชื่อดังกลางกรุงกับเพื่อนรักอย่างช้องนาง ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ที่แพรวพิชชาถูกอุปการะ เพราะพี่ชายของช้องนางเป็นเพื่อนรักกับราฟาเอล ทำให้เคยเจอหน้ากันบ่อยๆ จนกระทั่งมาเป็นเพื่อนรักกันจนถึงทุกวันนี้ สองสาวที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานหลายปีมีเรื่องคุยกันเยอะแยะมากมาย และหนึ่งในนั้นก็มีหัวข้อของราฟาเอลรวมอยู่ด้วย

“จากที่ฉันฟังแกเล่ามานะ ฉันว่าพี่ราล์ฟชอบแกชัวร์ ไม่ใช่แค่ชอบสิฉันว่ารักเลยต่างหาก พี่ตอเรสมันก็ไม่เคยหลุดปากบอกอะไรฉันเลย พี่บ้าอะไรก็ไม่รู้เก็บเงียบเชียว จะบอกว่าไม่รู้เลยฉันไม่เชื่อเด็ดขาด” ช้องนางค่อนขอดพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันอย่างเคืองๆ

“มันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้แก อย่าไปว่าพี่ตอเรสเลยน่า คุยเรื่องฉันมาเยอะแล้วว่าแต่แกเถอะมีหนุ่มๆ เข้ามาติดบ่วงความสวยรึยัง” แพรวพิชชายื่นหน้าเข้าไปใกล้ช้องนางอย่างล้อๆ เพื่อนของเธอสวย ออกจะเปรี้ยวซะด้วยซ้ำแต่ยังไม่ยอมเปิดใจให้หนุ่มคนไหนเลย ทั้งๆ ที่มีเข้ามาต่อคิวให้พิจารณาเยอะแยะ

“ฉันไม่รีบบอกเลย ผู้ชายไม่ได้มีความหมายสำหรับฉันหรอกย่ะ ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อเลยยัยแพรว คุยเรื่องแกให้จบก่อน ของฉันไม่มีอะไรน่าสนใจทั้งนั้น เพราะฉันอยากอยู่เป็นโสดให้ผู้ชายเสียดายเล่น” ช้องนางบีบจมูกโด่งเชิดรั้นของแพรวพิชชาอย่างหมั่นเขี้ยว พลางพูดติดตลกให้เพื่อนได้ขำ

“ให้จริงเถอะจ้ะ” แพรวพิชชาหัวเราะคิกอย่างถูกใจ

“ขอโทษนะครับคุณผู้หญิง ขอขัดจังหวะการสนทนาสักครู่คงไม่ว่ากันนะครับ”

สองสาวหันไปพร้อมกันทันทีที่มีเสียงของผู้มาใหม่ทักขึ้น

“มีอะไรคะคุณ” ช้องนางเลิ่กคิ้วถาม

“ผมอยากทำความรู้จักกับคุณผู้หญิงท่านนี้น่ะครับ ไม่ทราบว่าจะรังเกียจผมรึเปล่าครับ ถ้าผมจะขอนั่งคุยกับคุณทั้งสองคนด้วย” ชายหนุ่มร่างสูงหล่อสมาร์ทตามแบบฉบับคนมีอันจะกินชี้นิ้วมือมาที่แพรวพิชชา ส่งสายตาเจ้าชู้ให้อย่างไม่คิดที่จะปิดบัง

“เราอยากคุยกันสองคนมากกว่าค่ะ ไม่อยากให้มีคนนอกนั่งด้วยเราไม่ชิน ขอโทษนะคะที่พูดตรงๆ” แพรวพิชชาพูดอย่างสุภาพ ไม่ชอบสายตาที่คุกคามของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่อยากจะใช้คำพูดที่ไม่ดีเพราะเกรงว่าจะมีเรื่องมีราวกันแล้วพวกเธอจะเสียเปรียบ

“อย่าพูดทำร้ายจิตใจผมแบบนี้สิครับคุณผู้หญิง” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเดี่ยวที่ว่างอยู่อย่างถือวิสาสะ ไม่สนใจสายตาไม่พอใจของสาวสวยทั้งสองคน

“ฉันว่าคุณนี่พูดจาไม่รู้เรื่องนะ คนเขาบอกว่าไม่อยากให้มีคนนอกนั่งด้วยก็ยังจะดันทุรันนั่งอีก หน้านี่ฉาบด้วยปูนซีเมนต์รึยังไงกันถึงได้หนาขนาดนี้” ช้องนางโต้ตอบอย่างไม่เกรงกลัว

“หน้าตาก็สวยแต่ไม่น่าปากดีเลยนะ ผมอยากคุยกับเพื่อนคุณไม่ใช่คุณ ทำไมต้องมาเดือดร้อนด้วยวะ ประสาทฉิบหาย”น้ำเสียงแข็งกระด้างเปล่งออกมาจากปากของผู้ชายที่เข้ามานั่งโดยที่ไม่ได้รับคำอนุญาต ทำให้แพรวพิชชาถึงกับควันออกหูอย่างกรุ่นโกรธพอๆ กับช้องนาง

“นี่คุณปากหมาแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนเลยสิท่า ไม่ต้องมาอยากรู้จักฉันหรอก เพราะฉันไม่ได้อยากรู้จักกับคุณแม้แต่นิดเดียว เก็บคำพูดหมาๆของคุณแล้วรีบออกไปจากตรงนี้ซะถ้าไม่อยากเดือดร้อน” แพรวพิชชาเชิดหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี

“นี่เธอด่าว่าฉันเป็นหมาเหรอวะ” เสียงโกรธถามอย่างหาเรื่องเต็มที่ แก้วเหล้าที่อยู่ในมือกระแทกลงบนโต๊ะเสียงดังโครม จนคนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหันมามองอย่างให้ความสนใจ

“หูแกหนวกเหรอวะถึงไม่ได้ยินว่าถูกด่าว่าปากหมา” เสียงเย็นเอ่ยมาจากทางด้านหลัง ทำให้ชายคนดังกล่าวรีบหันกลับไปมอง

“แกเสือกอะไรด้วยวะไอ้หน้าฝรั่ง” คำว่าเสือกถูกเน้นเป็นพิเศษ ราฟาเอลยืนกอดอกแสยะยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน ค่อยๆ ก้าวเท้าตรงมายังโต๊ะที่น้องสาวคนสวยนั่งอยู่

แพรวพิชชามองรังสีความน่ากลัว ที่เปล่งประกายอยู่รอบตัวของพี่ชาย แล้วสบตากับช้องนางอย่างรู้กัน งานนี้คนอยากลองของคงต้องเจ็บตัวหนักแน่ เพราะราฟาเอลไม่มีทางปล่อยไว้เฉยๆ โดยที่เขาไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง

“พี่ราล์ฟรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่” แพรวพิชชาถามช้องนางที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างสงสัย

“สงสัยว่าพี่ตอเรสคงบอกว่าเราอยู่ที่นี่ แกอย่าพึ่งสงสัยเรื่องนั้นเลย มาดูกันดีกว่าว่าไอ้คนปากหมานั่นจะตายไหมดีกว่า” ช้องนางพูดอย่างนึกสนุก

“ฉันไม่ให้พี่ราล์ฟฆ่าใครหรอกแกเลิกฝันไปได้เลย” แพรวพิชชาลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงเข้าไปสวมกอดเอวแกร่งของพี่ชาย

“คิดจะทำอะไรน้องแพรว” ราฟาเอลหรี่ตามองน้องสาวอย่างไม่ชอบใจ ถ้าเป็นเหตุการณ์ปกติเขาจะไม่ว่าอะไรสักคำ แต่นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมาเห็นใจไอ้คนจัญไรอย่างนี้

“เรากลับบ้านกันดีกว่านะคะ แพรวง่วงมากแล้ว อย่าเสียเวลามาเสวนากับคนปากไม่ดีอย่างนายคนนี้เลยนะคะพี่ราล์ฟขา เชื่อแพรวสักครั้งนะ” แพรวพิชชาพูดเสียงหวาน ทำท่าหาวประกอบเพื่อให้ดูสมจริง ช้องนางที่มองดูอยู่กลั้นยิ้มเอาไว้อย่างชอบใจ

“ไม่ต้องคิดที่จะเห็นอกเห็นใจใครหน้าไหนทั้งนั้น” ราฟาเอลพุดเสียงลอดไรฟัน

“แต่...” แพรวพิชชาจะพูดต่อแต่ถูกสายตาดุๆมองเลยเลือกที่เงียบ ไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย

“โธ่เอ๊ย! ที่เล่นตัวก็เพราะว่ามีผัวแล้วนี่หว่า เหอะ! เคยได้ยินไหมผัวเผลอแล้วเจอกัน ถ้าอยากลองของใหม่ๆ ก็อย่าลืมนึกถึงฉันนะคนสวย รับรองเลยว่าจะติดใจจนลืมไม่ลง” ชายปากหมาพูดยียวน ทำท่าจะลุกเดินแต่ก็ถูกหมัดหนักๆ เสยเข้าที่ใบหน้าโดยที่ไม่ได้ทันตั้งตัว

“อย่ามาปากหมากับคนของฉันไอ้สวะโสโครก” ราฟาเอลแกะแขนเรียวออกจากเอว เดินเข้าไปคว้าคอเสื้อเชิ้ตของคนที่เขาต่อยเข้าเต็มปาก ใช้นิ้วโป้งบดขยี้ลงไปที่มุมปากช้ำอย่างแรงไร้ความปราณี

“โอ๊ย!”

“ไม่มีใครเข้ามาช่วยแกหรอก ถ้าฉันฆ่าแกให้ตายตรงนี้ก็ไม่มีใครคิดจะห้าม ผัวเผลอแล้วเจอกันไว้ไปให้เมียแกใช้กับชู้เถอะ”

กำปั้นหนักๆ ซัดซ้ำลงที่เดิมจนคนปากดีสลบคาโซฟา ราฟาเอลมองร่างที่สลบเหมือดอย่างสมเพช ก่อนจะหันมามองสองสาวที่พร้อมใจส่งยิ้มให้เขาอย่างประจบประแจง

“นางกลับบ้านก่อนนะคะพี่ราล์ฟ ฉันไปนะแพรวง่วงแล้วอ่ะ” ช้องนางหยิบกระเป๋ามาคล้องที่ไหล่แล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว แพรวพิชชาจะร้องเรียกก็ไม่กล้า อยากจะแกล้งตายนัก เพราะดูจากสายตาพี่ชายแล้วคืนนี้เธอคงโดนสวดยับแน่นนอน

“ตามมาน้องแพรว” แพรวพิชชาเดินตามราฟาเอลอย่างว่าง่าย ไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะกลับบ้านมาก่อนกำหนดตั้งสองอาทิตย์ แถมยังมาเจอเธอกำลังมีปากเสียงกับผู้ชายด้วย

“อุ๊ย!” คนที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาร้องตกใจ เพราะชนกับหลังกว้างที่หยุดเดินกระทันหัน

ราฟาเอลหันมาคว้ามือบางไปจับให้เดินไปพร้อมกัน โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวจนกระทั่งถึงรถ

“เห็นแล้วใช่ไหมว่าการออกมานอกบ้านตอนกลางค่ำกลางคืนมันเป็นภัย โดยเฉพาะสถานที่ที่มีแต่คนเมาอย่างนี้” ราฟาเอลพูดราบเรียบ แววตากรุ่นโกรธอย่างเห็นได้ชัด

“ค่ะ แพรวรู้แล้วว่าอันตราย” แพรวพิชชาก้มหน้าไม่รู้จะพูดอะไรออกไปให้มันดีกว่านี้ ถ้ารู้ก่อนหน้าว่าเขาจะกลับมาก่อนกำหนดแบบนี้ไม่มีทางที่จะออกมาแน่ๆ

“ถ้าไอ้บ้านั่นมันทำอะไรเรากับช้องนางจะทำยังไง ดีแค่ไหนที่พี่กลับมาก่อนกำหนดแล้วตามมาทัน ไม่อยากจะคิดว่าถ้ามาช้ากว่านี้แล้วเราได้รับอันตราย พี่จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงเคยคิดถึงข้อนี้รึเปล่าน้องแพรว!” ราฟาเอลตะคอกเสียงดังลั่นรถในประโยคสุดท้าย พยายามจนถึงที่สุดแล้วที่จะใจเย็นแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะความโมโห ความเป็นห่วง มันตีกันจนยุ่งเหยิงไปหมด

“แพรวไม่คิดว่าจะเจอคนแบบนี้นี่ค่ะ ถ้ารู้ว่ามาต้องเจอแบบนี้คงไม่มาหรอกค่ะ พี่ราล์ฟอย่าโกรธแพรวเลยนะคะ ความผิดนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกอนุโลมให้แพรวนะคะ แพรวสำนึกผิดแล้วเลิกดุเถอะนะคะพี่ราล์ฟขา” แพรวพิชชาซบใบหน้าที่ท่อนแขนแข็งแรงอย่างอ้อนๆ

“เราต้องถูกลงโทษน้องแพรว พี่จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบไปง่ายๆ หรอกนะ” ราฟาเอลพูดเสียงแข็ง

“พี่ราล์ฟจะลงโทษยังไงคะ ช่วยบอกให้รู้ตัวก่อนได้ไหม” แพรวพิชชามองหน้าบึ้งตึงอย่างหวั่นเกรง

“เดี๋ยวก็รู้เองแหละ ตอนนี้ช่วยนั่งเงียบๆ จนกว่าเราจะถึงบ้านกัน ไม่อย่างนั้นพี่อาจจะอดใจรอให้ถึงบ้านไม่ไหวแน่ หากยังได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วนี้อยู่” ราฟาเอลพูดโดยไม่มองหน้าจิ้มลิ้มที่ทำปากยื่นน้อยๆ แต่ก็ยังไม่ยอมเอาหน้าที่ซบแขนแกร่งออก ได้แต่คิดไปตลอดทางว่าการลงโทษของราฟาเอลจะเป็นเช่นไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel