บทที่ 7 เซ่อ
“ทำไมไม่ปล่อยให้ชั้นตายไปเลยล่ะถึงได้พูดออกมา พูดแล้วดอกพิกุลจะล่วงออกปากหรือไงวะ!”
น้ำเสียงอันแสนเกรี้ยวกราดและโกรธพูดขึ้นใส่ใบหน้าของฉันทันที หลังจากที่พี่ยิวเหลียวหน้ามาสบตากับฉัน
“ไปกับชั้นได้หรือยัง?”
ว่าแล้วผมก็กระชากร่างของยาหยีให้ลุกขึ้นมาโดยไม่รีรออะไรเลย ผมลากเธอออกจากบ้านอันทรุดโทรมเก่าแก่จนจะกลายเป็นวัตถุโบราณอยู่แล้วไม่รู้ว่าอยู่เข้าไปได้ยังไง
“ปล่อยหยีก่อนขอหยีดูพี่ยิวก่อนนะคะ”
“ไม่ขึ้นรถ!”
น้ำเสียงอันเฉียบขาดของผู้ชายที่นั่งอยู่ประจำคนขับพูดขึ้นมันทำให้ฉันนั่งนิ่งราวกับถูกปูนฉาบเอาไว้ ฉันแค่ขอไปดูพี่ชายเองนะ
“ลดความเร็วลงหน่อยได้ไหม...หยีกลัว”
ฉันรวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขาขับรถเร็วมากทั้งปาดซ้ายปาดขวาจนน่ากลัวตอนนี้มือของฉันก็ยังจับเบาะไว้แน่น
“รู้อะไรไหมใช้หนี้สำหรับชั้นมันคืออะไร?”
ผมถามขึ้นทั้งๆ ที่ยังไม่ลดความเร็ว
“ใช้หนี้แทนพี่ให้หยีไปเป็นแม่บ้านหรอคะ?”
“เธอนี่ซื่อจนเซ่อจริงๆ วะ แบบนี้ไอ้ที่พี่ชายเธอบอกมันก็คงจะจริง ซิงแน่นอนสินะ”
การขับรถที่ปาดซ้ายแซงขวามันส่งผลให้ฉันรีบนำมือทั้งสองข้างเปลี่ยนจากจับเบาะมาเป็นจับสายเบลท์ตรงหน้าอกแทนแทบไม่ทันตั้งตัว ตั้งแต่ก้าวเท้าขึ้นรถมา
ดวงตาทั้งสองข้างจำเป็นที่ร่างกายต้องสั่งปิดลงเพราะความกลัวที่เริ่มเข้ามาเกาะกุมภายในจิตใจส่วนคนข้างกายที่ชื่อว่าซันเขาไม่เปิดปากพูดเพียงสักคำเดียวตั้งแต่ที่พูดไปเมื่อกี้ เขากับเร่งความเร็วของรถไปอีก
ส่วนฉันจำเป็นที่จะต้องยอมรับชะตากรรมของตัวเองที่ไม่ได้ก่อสักนิดเดียว ทุกอย่างที่มันกลายเป็นแบบนี้ก็เพียงเพราะพี่ยิวคนเดียวเลย พี่ยิวอายุมากกว่าฉันสองปี เราทั้งสองเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมาจากแม่คนเดียวกัน
พี่ยิวเลือกที่จะไม่เรียนหนังสือเพราะไม่อยากหาเงินส่งตัวเองเรียนแบบฉัน มันทั้งเหนื่อยเวลาว่างแทบจะไม่มีมั้งจึงเลือกเที่ยวหนักเข้าก็ติดการพนันจนบทสรุปก็เอาน้องสาวมาใช้หนี้
Rrr…..
ผมขับรถมาได้สักพักหนึ่งแล้วและก็เป็นสักพักหนึ่งที่ไม่ได้ยินเสียงน้องไอ้ยิวพูดเลยก็คุณเธอมัวแต่หลับหูหลับตาอยู่แบบนั้นไม่รู้ว่าจะกลัวอะไรกันนักหนา หัวอ่อนชะมัดวะแต่ทว่าไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเธอดังขึ้นผมจึงหักรถเข้าข้างทางทันที
เอี๊ยด!
ศีรษะของฉันเกือบชนแล้วนะ ผู้ชายคนนี้นึกอยากจะเร่งความเร็วก็เร่งอยากจอดก็จอดอยากถามจังว่าใบขับขี่มีหรือเปล่าหรือเพียงแค่รวยเลยซื้อมา
“จะ จะทำอะไรคะ?”
“…”
ยัยนั่นรีบขยับตัวเองไปติดกับประตูรถเหมือนกับว่าจะสามารถแทรกร่างกายเข้าไปในนั่นได้อย่างนั้นแหละอีกอย่างตัวของเธอยังมีอาการสั่นเทาราวกับว่าเจออะไรที่ทำให้กลัวมากขนาดนั้น ผมไม่น่ากลัวหรอก
“อะ ออกไปนะคะ!”
“…”
ฉันดิ้นไปมาเมื่อฝ่ามือของซันจับที่ต้นขาอ่อนของตัวเอง เขาขยับเข้ามาประชิดตัวทีละนิดๆ ส่วนฝ่ามือก็ยังลูบขึ้นมาเรื่อยๆ อีก คราวนี้มือไม้ของฉันเริ่มออกมาใช้งานโดยที่ใช้ดันหัวไหล่ทั้งสองข้างของเขาไม่ให้เข้าใกล้ประชิดไปมากกว่า
“อื้อ...บอกให้ออกไป นะ นายไม่ได้ยินหรอ?”
ฟึบ!
“ก็แค่นี้ทำไมจินตนาการว่าเราทำอะไร?” ผมใช้มือล้วงโทรศัพท์ของยาหยีขึ้นมาก่อนที่จะถอยไปยังประจำที่ “ไม่ต้องห่วง ไม่ชอบเอาในรถ”
อึก!
ฉันกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงไปในลำคอด้วยความโล่งอก ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาจะเข้ามาล้วงเอาโทรศัพท์ของฉันอีกอย่างทำไมไม่ขอดีๆ
โทรศัพท์ถูกโชว์ขึ้นพร้อมทั้งสายเรียกเข้าที่แสดงอยู่ตรงหน้า ฉันรู้ว่าเป็นเบอร์ของเรเนสเพื่อนรักแต่ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากของรับเพราะสายตาสีรัตติกาลของซันกำลังจ้องมองมาด้วยความเรียบเฉย
“เรเนส?”
