ตอนที่ 1-3
ขวัญดาวมองหน้าเจ้านายหนุ่มสุดฮอตที่คุณเอมอรเปรยให้ฟังเมื่อวันก่อนว่า ก่อนที่ขวัญดาวจะมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ งานของเธอนอกจากหน้าที่เลขานุการที่งานกองเท่าภูเขาแล้ว ยังต้องคอยเคลียร์คิว ช่วยสับราง และจัดลำดับคู่ขาของคุณเตชัส ไม่ให้รถไฟมาชนกันอยู่เสมอ
โชคดีที่เดี๋ยวนี้คุณเตชัสไม่ได้เป็นแบบเมื่อก่อนแล้ว คงเป็นเพราะข่าวที่คนในออฟฟิศซุบซิบกันว่ามารดาของเขาต้องการให้เขาแต่งงานกับ ‘คุณปาราริน’ น้องสาวบุญธรรม ซึ่ง ‘คุณธัญวดี’ รับมาเลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่ยังเล็กและรักมากไม่ต่างจากบุตรชายทั้งสอง
ร่างเพรียวระหงขยับหนี ใจหนึ่งก็เกรงว่าคุณเตชัสจะเสียน้ำใจที่อุตส่าห์ให้ผู้ช่วยเลขานุการฝึกหัดอย่างเธอได้เข้ามาเยี่ยมชมของเก่าที่บิดาของเขาสะสมไว้ แต่อีกใจเธอก็นึกว่าเสือมันอดใจกินเนื้อไม่ได้หรอก
“คือ... ท่านประธานคะ เพื่อนฉันที่มาหาเขามาจากต่างจังหวัด ฉันเกรงว่าถ้าเพื่อนติดต่อฉันไม่ได้จะงอนหนีกลับไปน่ะค่ะ”
เตชัสอยากเขกหัวตัวเอง เขาทำไก่ตื่นหมดแล้ว “แล้วโทรศัพท์ไม่มีติดต่อกันหรือไง” ปกติขวัญดาวที่จบมาด้วยคะแนนเกียรตินิยม พูดจาฉะฉาน จะหาทางออกได้ดีกว่านี้ นี่เธอคงกลัวเขาลากขึ้นเตียงถึงขนาดหาข้ออ้างไม่เอาไหน
ขวัญดาวเม้มปากแน่น นึกก่นด่าตัวเองว่าสมองเป็นอะไรไป หาข้ออ้างไม่เอาไหนเลย “คือโทรศัพท์ฉันแบตฯ หมดค่ะ”
ขวัญดาวตัดบทแล้วโล่งอก แต่ไม่คิดว่าท่านประธานจะล้วงหยิบโทรศัพท์เครื่องบางออกมาจากกระเป๋าสูทตัวเนี้ยบแล้วเลื่อนกดหน้าจอ ซึ่งเธอมองไม่เห็นว่าหน้าจอนั้นถูกบันทึกชื่อไว้ว่า
‘ว่าที่ภรรยาท่านประธาน’
ขวัญดาวได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายสีเทาใบเก๋ก็เริ่มรู้สึกหน้าชาที่โกหกไม่เนียน เตชัสยิ้มเย็นแล้วมองใบหน้าขาวที่ซีดลง
“สงสัยแบตฯ ยังเหลือค้างอยู่ แต่ไม่เป็นไร โทรศัพท์รุ่นที่คุณใช้ น่าจะใช้สายชาร์จของผมได้”
ชายหนุ่มรู้ว่าไม่มีใครรอขวัญดาวอยู่ที่หอหรอก เขาเช็กมาหมดแล้ว เย็นนี้ที่จริงแล้วขวัญดาวจะไปงานแต่งงานของคนที่แผนกไอที แต่พอมีคำสั่งให้ตามเขาออกมาประชุมนอกสถานที่ สาวเจ้าจึงฝากซองไปกับเพื่อนในออฟฟิศแทน แล้วเธอจะนัดกับเพื่อนที่ต่างจังหวัดได้อย่างไร
“ขอบคุณค่ะ แต่ว่าฉันเกรงใจค่ะ อากาศข้างนอกเหมือนฝนจะตก ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว ขอลากลับก่อนนะคะคุณเตชัส” สาวน้อยยกมือพนมไหว้เขาลวกๆ แล้วหมุนตัวกลับแบบไม่ให้เจ้านายหนุ่มได้ตั้งตัว
เตชัสอึ้ง เขาไม่เคยถูกผู้หญิงแสดงท่าทีหวาดกลัวใส่ขนาดนี้ ปกติมีแต่คนเกาะแขนเขาไม่ยอมปล่อย นี่เขาอ่อยแล้วอ่อยอีก อ่อยทั้งในที่ทำงานและทุกโอกาสที่ได้อยู่ใกล้
วันนี้เขาฉีกกฎของการเป็นเสือที่ห้ามล่อเหยื่อเข้าถิ่น อย่าพาเหยื่อมากินในถ้ำ เพราะเหยื่อน่าหม่ำจนอดไม่ไหว แต่ยังไม่ทันจะได้ขย้ำ เหยื่อก็กำลังจะกระโจนจากไป
เตชัสหรี่ตามองร่างเพรียวบางหน้าหวาน แต่งกายสุภาพแต่น่ารักสมวัย พลันยกยิ้มมุมปาก “จะรีบไปไหนจ๊ะขิง ตอนนี้ฝนตกอยู่ ขืนออกไปเดี๋ยวก็ไม่สบาย ไม่รู้หรือไงว่าช่วงทดลองงานไม่ควรลา”
แค่ขวัญดาวขยับเพียงนิดขายาวๆ ของเขาก็มาถึงตัวด้วยความรวดเร็ว แขนกำยำตวัดร่างบางเข้ามาปะทะอกแล้วช้อนอุ้มขวัญดาวลอยเหนือพื้น
“ท่านประธานจะทำอะไรคะ ปล่อยฉันลงนะคะ” ดวงหน้าสวยผ่าวร้อนไปหมด ที่สังหรณ์ใจไว้ดูเหมือนจะใกล้ความจริงแล้ว ถึงเธอจะหน้าตาซื่อๆ แต่สมองไม่ใช่กระบือ จะได้ไม่รู้ว่าเตชัสคงไม่ได้ชวนเธอมาดูเตียงเท่านั้น เกรงว่าจะพาเธอขึ้นเตียงไปด้วยกันแล้วกลับลงมาในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม
“ฉันไม่ดูแล้ว ฉันจะกลับ”
“อย่าดิ้นนะขิง เดี๋ยวตกบันได”
ถัดมาเพียงเสี้ยวนาที เสียงกรีดร้องก็ดังลั่นพร้อมกับร่างที่ค่อนไปทางท้วมลอยหวือกลิ้งผ่านบันไดไปสิบสองขั้น ก่อนที่เสียงเด็กรับใช้ในบ้านจะดังขึ้น
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย ป้าอุ่นแกตกบันได”
เสียงนั้นดังมาจากบริเวณบันไดชั้นสองของคฤหาสน์ หัวหน้าแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของตระกูล ‘วราฤทธิ์’ เห็นว่าคุณเตชัสมีแขกมาด้วย จึงจะเอาน้ำส้มและชาพีชมาเสิร์ฟให้ แต่เพราะระหว่างทางเดินขึ้นชั้นสองแกได้รับข่าวร้ายจึงทำให้ตกใจจนก้าวพลาด
