Chapter III พรรคจอมป่วน
ตี๋มันพูดไม่ผิดจริง ๆ ครับ การที่ได้เปามาเป็นสมาชิกคนหนึ่งในพรรคเรียกความสนใจจากนักเรียนทั้งโรงเรียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะพวกผู้หญิง
วันนี้พวกผมต้องออกไปแนะนำตัวหน้าเสาธง แต่ด้วยความที่ไอ้ตี๋มันเพิ่งไปดึงฟันมาเมื่อวาน จากที่มันพูดไม่ค่อยชัดอยู่แล้วมันเลยยิ่งพูดไม่ชัดหนักเข้าไปอีก
ความจริงคนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่แทนว่าที่ประธานนักเรียนอย่างมัน ก็คือว่าที่รองประธานอย่างผมนี่แหละ แต่นี่มันเป็นครั้งแรกที่ผมต้องออกมาพูดต่อหน้าคนเป็นพัน และต้องพูดอะไรที่มันเป็นทางการอย่างเช่นนโยบายของพรรคที่ผมยังจำไม่ได้ และที่สำคัญคือแถวของพี่ชั้นมอหกก็อยู่ตรงหน้าพรรคของผม และหยินก็ดันยืนอยู่ในแถวในลำดับที่สาม ผมยอมรับว่าผมประหม่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองมาที่ผมเลยก็ตาม
ดังนั้นเมื่อถึงคิวพรรคของผมต้องแถลงนโยบายพรรค ผมเลยผลักไอ้เปาออกไป ด้วยท่าทางนิ่ง ๆ คูล ๆ ของมัน มันก็ไม่ได้ตกใจเลยสักนิด มันหยิบกระดาษที่เราเพิ่งตั้งนโยบายพรรคขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อเช้านี้ขึ้นมา แล้วอ่านเหมือนท่องอาขยาน แค่นั้นนักเรียนผู้หญิงก็กรี๊ดราวกับมันมาเปิดคอนเสิร์ต
การเปิดตัวของแต่ละพรรคผ่านพ้นไปด้วยดี ขั้นตอนต่อไปก็คือการหาเสียง และจะมีการเลือกตั้งในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า ส่วนเรื่องดูแลเพจของพรรคก็ให้ไอ้เปามันรับหน้าที่ไป มันบอกว่าตอนพักกลางวันจะมาถ่ายคลิปแนะนำตัวของสมาชิกแต่ละคนไปลงเพจ มันยังบอกอีกว่าให้คิดสโลแกนประจำตัวมาไว้ด้วย
“ว่าแต่… สโลแกนคืออะไรวะ” ผมไม่ได้ยินคำคำนี้มานานจนไม่แน่ใจว่ามันประมาณไหน
“ก็คำคมหรือข้อความสั้น ๆ ที่บ่งบอกลักษณะเฉพาะตัวของพวกเราไง” ไอ้เมิงอธิบาย แล้วมันก็ยกตัวอย่าง
“ถ้าใจเราร้อนแรงกระทะทองแดงก็แค่เครื่องครัว”
“การฝืนกอดมันน่ากลัว เพราะว่ามันอุ่นแค่ตัว แต่โคตรหนาวใจ” อันนี้มันทำท่าประกอบด้วย
ไอ้ตี๋ฟังแล้วก็หัวเราะจนเจ็บเหงือก แล้วมันก็เสนอ “หรือว่าจะเป็น… แสนดีชนะขาด แสนบาทชนะใจ”
ผมว่ามันฟังดูทะแม่ง ๆ “มันใช่เหรอวะ?” ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าเราลงสมัครเอาสาระหรือเอาฮากันแน่ แต่ก็เล่นกับพวกมันด้วย “ความรักก็เหมือนข้อสอบ ไม่ควรเลือกข้อที่ชอบ แต่ควรเลือกข้อที่ใช่ อันนี้ได้เปล่าวะ”
“ได้ ๆ ๆ ๆ”
เปามองมาที่พวกผมแล้วมันก็ส่ายหน้า “พวกพี่แม่ง…” มันด่าพวกผมด้วยสายตา แล้วก็ลุกเดินจากไป
“เชี่ย!”
ผมอุทานเสียงดังลั่นในตอนบ่าย หลังเข้าไปดูในเพจที่เปาเพิ่งเอาคลิปที่พวกเราแนะนำตัวไปลง
“นายท่านเป็นอะไรครับ?” ไอ้เมิงรีบวิ่งเข้ามาดักหน้าดักหลังเหมือนระวังภัยให้ผม “มีใครลอบทำร้ายนายท่านอย่างนั้นเหรอ?” ให้เหี้ยนี่ก็โอเวอร์แอ็กติ้งตลอด
“หยิน”
“ฮะ? พี่หยินเนี่ยนะ พี่หยินทำอะไรนายท่าน?” ไอ้เมิงมีสีหน้าตกใจขั้นสุด แต่เชื่อเถอะว่าผมตกใจมากกว่ามันอีก
“หยินมากดไลก์ หยินมากดไลก์ใต้คลิปกูว่ะมึง” ผมดีใจเหี้ย ๆ เลยครับ กระโดดกอดคอไอ้เมิงทันที เพราะกลัวว่าตัวเองจะลอยไปไกล “ในที่สุดเขาก็สนใจกู”
แค่เขามากดไลก์ ผมก็ดีใจประหนึ่งว่าเขารับรักผมแล้ว “แผนมึงนี่แม่งสุดยอด” ผมยกความดีความชอบให้ไอ้เมิงเลยครับงานนี้
“ดีใจด้วยนะนายท่าน แต่ผมว่า…” ไอ้เมิงยิ้มแห้ง ๆ ให้ผม ก่อนที่มันจะเลื่อนไปให้ดูคลิปอื่น ๆ ซึ่งหยินเข้ามากดไลก์ทุกคลิปเลย “ผมว่า น่าจะเป็นเพราะไอ้เปามันเปิดเพจแล้วก็ลงคลิปก่อนพรรคอื่น ๆ น่ะ แล้วไม่รู้มันทำยังไงคนถึงมากดไลก์เพจทั้งโรงเรียนเลย”
ก็รู้อยู่หรอกนะว่าไอ้เปามันเก่งกาจ แต่เพื่อนจะให้กำลังใจกันหน่อยไม่ได้หรือไงวะ เสียอารมณ์ฉิบ ผมผลักหัวไอ้เมิงเพื่อระบายอารมณ์ โทษฐานที่มันไม่รักษาหัวใจอันบอบบางของผม แล้วมันยังซ้ำเติมมาอีกว่า
“นายท่านอย่าลืมนะว่าวันนี้วันศุกร์”
“เออ… กูรู้”
ที่บอกว่ารู้เพราะผมจำได้ไม่ลืมว่าวันนี้หยินจะไปงานวันเกิดไอ้พี่เฌอ แล้วไอ้เมิงก็พูดกรอกหูผมทุกวันว่ามันมีลางสังหรณ์ว่า หยินต้องตั้งใจไปสารภาพรักกับไอ้หมอนั่นแน่ ๆ ผมว่าเซนส์ไอ้เมิงมันแม่นอยู่นะ มันให้หวยแม่ค้าในตลาดรวยไปตั้งหลายคน
เมื่อความกลัวของผมก่อตัวขึ้น ดังนั้นภารกิจของผมในวันนี้ก็คือ “กูต้องทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางหยินไม่ให้ไปงาน”
เย็นนี้ไอ้ตี๋มันปวดฟันมันเลยขอแยกตัวกลับไปก่อน มันพูดทีเล่นทีจริงว่าจะเอาระเบิดไปปาคลินิกหมอฟัน จึงเหลือแค่ผมกับไอ้เมิงเพื่อนยากที่ต้องปฏิบัติภารกิจ แต่พอถึงเวลาไอ้เมิงกลับบอกว่าต้องไปทำหน้าที่ลูกที่ดีก่อน
“ผมขอไปส่งน้ำแข็งแป๊บหนึ่ง”
มันนั่งคร่อมอยู่บนรถสามล้อพ่วงข้างที่มีกระสอบน้ำแข็งสามกระสอบ
“เดี๋ยวไม่ทัน” ผมเริ่มโวยเพราะไม่เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ ตอนนี้พวกผมควรไปดักอยู่หน้าหมู่บ้านของหยินแล้ว
“แป๊บเดียว ร้านอยู่หน้าหมู่บ้านเอง”
“งั้นกูไปด้วย”
