บท
ตั้งค่า

สถานการณ์จำเป็น

@โรงพยาบาล

ฉันเดินวนไปวนมา นั่งร้อนรนกระวนกระวายอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินมาร่วมชั่วโมง หลังจากที่นำริวส่งโรงพยาบาล ความรู้สึกขณะนี้ มันไม่สามารถบรรยายออกมาได้ มันอยากจะร้องไห้ออกมาแต่มันก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกมันจุกอยู่ในหัวใจ หัวสมองของฉันมันไม่สามารถประมวลผลอะไรได้อีกแล้ว ฉันได้แต่ภาวนาขอให้น้องนั้นปลอด ภัยเหมือนทุกครั้ง

ตึกตัก! ตึกตัก! เสียงฝีเท้าของใครบางคนวิ่งมาหยุดต่อหน้าฉัน ทำให้ฉันที่นั่งก้มหน้าอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองบุคคลที่มาใหม่

“จะ...เจ๊ออย” น้ำตาของฉันไหลอาบแก้มลงมาทันทีเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่คือเจ๊ออย

“ริวเป็นยังไงบ้างเรยา?”

“หมอกำลังรักษาอยู่” ฉันตอบกลับทั้งน้ำตา ตอนนี้มันเหมือนตัวคนเดียวไม่มีใคร ถ้าเกิดว่าไม่มีเจ๊ออย ฉันก็ไม่รู้จะไประบายกับใครอีกแล้ว

“แกไม่ต้องร้องไห้ ยังไงริวก็ต้องปลอยภัยเหมือนที่ผ่านมา” เจ๊ดึงฉันไปกอดไว้แน่น มันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักกว่าเดิม ครั้งนี้มันสาหัสเกินไปจริง ๆ ริวไม่เคยอาการกำเริบหนักขนาดนี้

“แต่ครั้งนี้หนูกลัว หนูกลัวว่าริว...”

“แกกับน้องเป็นคนดี ยังไงพระก็ต้องคุ้มครอง”

“......” ฉันนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่แบบนั้น ถ้าริวเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีน้อง

แกร่ก! เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมแพทย์ที่ทำการรักษาริวเดินออกจากห้องมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก มันยิ่งทำให้ฉันกระวนกระวายมากขึ้นกว่าเดิม

“น้องชายฉันเป็นยังไงบ้างคะหมอ?” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

“ตอนนี้อาการของน้องคุณยังไม่พ้นขีดอันตรายครับ แล้วทางโรงพยาบาลของเราก็มีเครื่องมือไม่เพียงพอในการรักษา ทางเราจำเป็นต้องส่งตัวผู้ป่วยไปผ่าตัดโรงพยาบาลที่ใหญ่และมีเครื่องมือครบครันมากกว่า”

“ผะ...ผ่าตัดเลยหรอคะ?” ฉันร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ ถ้าจะให้น้องผ่าตัดตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจริง ๆ

“ผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจโดยเร็วที่สุดภายในเจ็ดวันครับ”

“......” เมื่อได้ยินดังนั้นมันก็มืดมนไปหมด เงินเก็บที่มีอยู่ไม่กี่หมื่นก็คงไม่เพียงพอ

“ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการผ่าตัดภายในระยะเวลาที่กำหนด อาจจะส่งผลร้ายแรงทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ครับ!”

“แล้วค่าผ่าตัดประมาณเท่าไหร่คะหมอ?”

“หมอประเมินไว้คร่าวๆ น่าจะสามแสนถึงห้าแสนบาทครับ”

“หะ...ห้าแสน!” ฉันร้องอุทานด้วยความตกใจเพราะค่าผ่าตัดมันแพงกว่าที่ฉันคิดไว้มาก เงินมากมายขนาดนั้น ฉันจะไปหามาจากไหนกัน

“ถ้าญาติตกลงหรือยินยอม หมอจะได้ทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้เลยครับ”

“ตกลงค่ะ ฉันยินยอมให้น้องผ่าตัด” ฉันตอบตกลงออกมาแบบไม่ทันคิด ในตอนนี้มันไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ฉันมีทางเลือกเดียวคือต้องส่งริวให้เข้าผ่าตัดเร็วที่สุด

“เดี๋ยวหมอจะทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลให้เลยนะครับ”

“คะ...ค่ะหมอ”

“เงินมากมายขนาดนั้น แกจะไปหามากจากไหน?” เจ๊ออยกันมา กระซิบถามฉันด้วยสีหน้าที่หนักใจหลังจากที่หมอเดินออกไป

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาเงินขนาดนั้นมาจากไหน หนูรู้แค่ว่าริวต้องรอด” ฉันตอบไปตามความจริง เงินมากมายขนาดนั้น ชาตินี้ทั้งชาติฉันยังไม่รู้เลยว่าจะมีปัญญาไปหามาจากไหน

“เจ๊พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร เดี๋ยวเจ๊จะเอาให้แกยืมก่อนแล้วกัน”

“จะดีเหรอเจ๊ แค่ทุกวันนี้หนูก็เกรงใจเจ๊จะตายอยู่แล้ว” น้ำตาของฉันมันเอ่อคลอ เมื่อเจ๊ออยพูดประโยคนั้นออกมา เจ๊เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ฉันนับถือ ถ้าเกิดว่าไม่มีเจ๊ออยที่ยืนเคียงข้างฉันในตอนนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งพาอาศัยใคร

“แกจะมาเกรงใจอะไรในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือชีวิตของริว!”

“......” ฉันสะอื้นออกมาเมื่อได้ยินในสิ่งที่เจ๊พูดทั้งหมด เป็นอย่างที่เจ๊พูด ตอนนี้ชีวิตของริวสำคัญมากที่สุด

หลังจากที่ย้ายริวออกมาที่ห้องพักฟื้น ฉันกับเจ๊ออยก็ไม่รอช้า รีบเข้ามาเยี่ยมน้องในทันที ภาพที่ฉันเห็นคือตามตัวของน้องมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด น้องคงจะเจ็บมาก ฉันก็ปวดใจมากเหมือนกัน

“ริวเป็นยังไงบ้าง เจ็บมากไหม?”

“ผมไม่เป็นไรแล้วครับ พรุ่งนี้ก็คงจะได้ออกจากโรงพยาบาล” ริวตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้องมักจะไม่แสดงอาการอะไรออกมา แต่ตอนนี้ฉันรู้ว่าน้องคงเจ็บ

“......”

“ทำไมพี่เรยาทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ?”

“หมอบอกว่าริวต้องผ่าตัด” ฉันตัดสินใจบอกความจริงกับน้อง มันอาจจะกระทันหันไปหน่อย แต่ถึงยังไงน้องก็ต้องรู้อยู่ดี

“ผะ...ผ่าตัด” ริวมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป เป็นอย่างที่ฉันคิดว่าน้องคงตกใจไม่น้อย

“ใช่! ริวต้องผ่าตัด”

“แต่เราไม่มีเงิน...”

“ริวไม่ต้องคิดมากนะ เจ๊ออยจะให้พี่ยืมเงินค่าผ่าตัด” ฉันพูดแทรกขึ้นในขณะที่ริวยังพูดไม่ทันจบ พร้อมหันไปสะกิดเจ๊ออยเพื่อให้ไหลตามน้ำไปกับฉัน ถ้าริวเกิดรู้ว่าเราไม่มีเงินรักษาน้องคงคิดมากและไม่ยอมผ่าตัดแน่นอน

“ชะ...ใช่! ริวไม่ต้องคิดมาก” เจ๊ออยไหลตามน้ำไปกับฉันอย่างรู้ทัน

“ขอบคุณเจ๊ออยมากนะครับ ถ้าริวหายเมื่อไหร่ ริวจะทำงานช่วยพี่เรยาหา เงินมาใช้หนี้เจ๊ออยเองครับ”

“เออ ๆ ไม่ต้องคิดมาก พักผ่อนทำใจให้สบาย ยังไงริวก็ต้องหาย” เจ๊ออยยิ้มรับพร้อมตกลงเออออไปกับริว ต่างจากฉันที่ตอนนี้หันไปทางไหนก็ไม่เจอกับทางสว่างทุกอย่างมันมืดมนไปหมด

“......”

ผ่านไปไม่นานริวก็ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่และเครื่องมือครบกว่า ส่วนเจ๊ออยนั้นขอตัวกลับบ้านไปก่อนเพราะแกมีธุระต้องไปทำแต่เช้า ส่วนฉันก็ติดสอยห้อยตามริวมาด้วย ฉันเลือกห้องนอนรวมให้น้อง เพราะถ้าย้ายไปห้องพิเศษราคามันก็จะแพงขึ้นไปอีก

“โรงพยาบาลทั้งใหญ่ทั้งหรูขนาดนี้ ราคาคงแพงน่าดูเลยใช่ไหมพี่เรยา”

ริวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องพักฟื้น

“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกริว” ฉันฝืนยิ้มให้น้อง พร้อมพูดเพื่อให้ริวไม่ต้องคิดมาก เพราะถ้าน้องคิดมาก มันอาจจะส่งผลกระทบให้อาการของน้องกำเริบขึ้นมาอีก

เช้าวันต่อมา...

ฉันขอตัวกลับจากโรงพยาบาล เพื่อกลับบ้านมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า วันนี้อาจจะต้องงดทำงานไปก่อน เพราะว่าช่วงค่ำ ริวต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้ว ฉันก้มมองเงินในบัญชีที่มีอยู่ไม่กี่หมื่นกับเงินที่เจ๊ออยเอาให้ฉันยืม พอรวมกันมันก็ได้แค่แสน

กว่าๆ ซึ่งมันก็ยังไม่พออยู่ดี แล้วฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะหาเงินส่วนที่ขาดมาจากไหน

“ถ้าเดือดร้อนหรือมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ถ้าเดือดร้อนหรือมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ถ้าเดือดร้อนหรือมีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

แต่แล้วใบหน้าของท่านเจ้าสัวบุญชัยก็ลอยขึ้นมาในความคิดของฉัน ถ้าฉันแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจากท่าน มันจะดูไม่ดีหรือเปล่า ฉันพยายามคิดวนหาทางออกแล้ว แต่มันไม่มีทางออกไหนแล้วจริง ๆ ท่านเจ้าสัวจึงเป็นทางเลือกสุดท้าย ไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไงแต่มันก็ยังดีกว่าฉันนั่งนิ่งอยู่เฉย ไม่ทำอะไรเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel