ทางเลือก
ตอนนี้ฉันฝ่าสายฝนมาหยุดยืนที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่มหึมาของท่านเจ้าสัว เพราะฉันตัดสินใจแล้วว่าจะลองมาขอความช่วยเหลือจากท่านดู ดวงตากลมโตของฉันกวาดสายตามองไปรอบบริเวณด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นบ้านใครที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน
“มาหาใครคะ?”
“......”
“คุณคะ คุณคะ มาหาใครคะ?”
“มาหาเจ้าสัวบุญชัยค่ะ” ฉันสะดุ้งรีบตอบกลับ ไม่รู้ว่าสติของตัวเองมันหลุดไปตั้งแต่ตอนไหน ฉันถึงไม่ได้ยินเสียงของคนรอบข้าง
“ตอนนี้เจ้าสัวบุญชัยไม่อยู่ค่ะ” เธอคนนั้นตอบกลับมา
“......”
“จะเข้าไปรอด้านในไหมคะ?”
“ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบตกลง เพราะบ้านฉันกับบ้านเจ้าสัวค่อนข้างอยู่ไกลกันพอสมควร ถ้าจะให้เสียเวลาไปกลับก็คงจะหลายชั่วโมง แล้วตอนนี้ฝนก็กำลังตกหนัก ฉันเลยตัดสินใจว่าจะขอรอท่านอยู่ที่นี่
“งั้นเชิญตามมาทางนี้เลยค่ะ”
“......” ฉันพยักหน้าตอบรับอย่างว่าง่าย พร้อมเดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน สายตาของฉันสอดส่องมองสิ่งของไปรอบ ๆ ไม่หยุด บ้านฉันทั้งหลังยังเล็กกว่ากรงหมาของบ้านเจ้าสัวซะอีก ทำไมบ้านของท่านถึงได้มโหฬารขนาดนี้นะ นับว่าเป็นบุญที่ฉันได้เข้ามาเหยียบ
ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องรับแขก ก่อนที่จะค่อย ๆ หย่อนสะโพกนั่งบนโซฟาด้วยความระมัดระวัง เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอเรอทำอะไรเสียหาย แล้วยกมือกอดตัวเองเพื่อบรรเทาความหนาวเหน็บ หลังจากที่เดินตากฝนมา สภาพของฉันตอนนี้มันเปียกปอนจนดูแทบไม่ได้
“รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ?” แม่บ้านถามฉันด้วยความเป็นมิตร
“ขอเป็นน้ำเปล่าแก้วนึงค่ะ”
“งั้นรอสักครู่นะคะ”
“......” ฉันคลี่ยิ้มบาง ๆ ให้แม่บ้านคนนั้น ก่อนที่เธอจะเดินหายออกไป
ฉันก้มมองนาฬิกาข้อมือ พร้อมกับคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ตอนนี้ชีวิตของน้องขึ้นอยู่กับฉันแค่คนเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ยังไงริวก็ต้องหาย
เอี๊ยดดดด เสียงล้อยางที่เสียดสีกับพื้นถนนดังขึ้นสนั่นจนฉันสะดุ้งตื่นจากภวังค์ในระหว่างที่กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ฉันรีบหันหลังกลับไปมองตามเสียงนั่นเจ้าสัวบุญชัยกลับมาแล้วงั้นเหรอ
แต่ไม่ใช่! เพราะคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่เจ้าสัว แต่เป็นผู้ชายหน้าตาดีที่ไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาแทน ดวงตาเฉี่ยวคมของเขาหันมามองฉันแค่เพียงเสี้ยววินาที
“ใครมา?” เขาเอ่ยถามป้าแม่บ้านที่อยู่แถวนั้น เมื่อเหลือบมองเห็นฉันที่นั่งอยู่ห้องรับแขก
“แขกของท่านเจ้าสัวค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” ฉันพนมมือไหว้คนที่มาใหม่อย่างนอบน้อม เพราะดูท่าทางเขาน่าจะอายุมากกว่าฉันหลายปี
“มีธุระอะไรกับพ่อฉัน?”
“เอ่อ...คะ...คือว่าฉัน” ฉันอึกอักมองซ้ายมองขวาอย่างตื่น ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง เขาคนนี้คือลูกเจ้าสัวบุญชัยงั้นเหรอ
“พวกป้าออกไปก่อน” เขาหันไปบอกแม่บ้านที่อยู่บริเวณนั้น เมื่อเห็นท่าทางอึกอักของฉัน
“ค่ะคุณใหญ่” ป้าแม่บ้านรับคำสั่งก่อนที่จะพากันเดินออกไป
“ว่าไง! เธอมีธุระอะไรกับพ่อฉัน!?”
“ฉันมีธุระอยากจะรบกวนท่านเจ้าสัวน่ะค่ะ”
“เรื่องเงิน?” เขาเอ่ยถามอย่างรู้ทัน
“......” ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ เป็นอย่างที่เขาพูด เพราะฉันมาที่นี่ก็เพราะเงิน
“ถ้างั้นตามฉันมา”
สองขาของฉันเดินตามเขาแบบอัตโนมัติอย่างว่าง่าย ในสมองของฉันมันสั่งการแค่ว่า เขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายสำหรับฉันและริวในตอนนี้ พอมาถึงจุดนี้ มันไม่รู้สึกว่ากลัวอะไรแล้ว
แกร่ก! ประตูห้องบานใหญ่ถูกเปิดออก ก่อนที่คุณใหญ่จะเดินนำเข้าไปในห้อง ฉันกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องนี้ ก็พบว่ามันคือห้องทำงานขนาดใหญ่
“เธอจะเอาเท่าไหร่?” เขาเอ่ยถามขึ้นเป็นประโยคแรกทันทีที่เดินเข้ามา พลางหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งที่ถูกวางอยู่ที่กลางห้องพร้อมกับโต๊ะทำงานขนาดใหญ่
“หะ...ห้าแสนค่ะ”
“เงินมากมายขนาดนั้น ฉันคงให้เธอยืมไม่ได้หรอก”
“แต่ฉันเดือดร้อนจริง ๆ นะคะ ฉันจำเป็นต้องใช้เงิน” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเมื่อความหวังสุดท้ายที่มีกลับถูกปฏิเสธแบบไม่ใยดี ฉันรู้ดีว่าเงินห้าแสนมันเยอะมากขนาดไหน แต่ถ้าฉันไม่มีเงินก้อนนี้ น้องชายฉันคงไม่รอด
“นั่นมันเป็นปัญหาของเธอไม่ใช่ของฉัน!”
“......” ฉันก้มหน้าหยุดนิ่งชะงักไป ก่อนที่น้ำตามันจะค่อย ๆ ไหลลงมาอาบทั้งสองแก้มเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนเย็นชาจากเขา ถ้าฉันไม่เดือดร้อนจริง ๆ ฉันคงไม่กล้าแบกหน้ามาขอความช่วยเหลือถึงที่นี่
“แต่ถ้าเธออยากได้เงินก้อนนี้ ฉันก็มีข้อเสนอให้เธอ!”
“......” ฉันรีบเงยหน้าแล้วรีบยกมือปาดน้ำตา เพื่อรอฟังข้อเสนอหลังจากที่หมดหวังไปก่อนหน้านั้น ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าข้อเสนอที่คุณใหญ่ต้องการมันคืออะไร
“ขายตัวให้ฉัน แล้วเงินก้อนนี้จะเป็นของเธอ!”
พรึ่บ! สิ้นสุดคำพูดของเขา เงินปึกหนาจำนวนหลายปึก ก็ถูกโยนลงมาต่อหน้าฉันอย่างไม่ใยดี เขาทำเหมือนกลับว่ามันเป็นแค่เศษกระดาษหรือเศษเงินของเขาส่วนฉันได้แต่ยืนอึ้ง มันพูดอะไรไม่ออก ขะ...ขายตัวงั้นเหรอ ฉันคงไม่คิดจะทำแบบนั้นเพราะตั้งแต่เกิดมาฉันยังไม่เคยเรื่องอย่างว่าเลยสักครั้ง แล้วฉันก็ไม่เคยคิดที่จะขายตัวด้วย
“ไม่มีทาง ฉันจะไม่ยอมขายตัวให้คุณ”
“กว่าพ่อฉันจะกลับจากดูงานก็อาทิตย์หน้า เธอคงรอได้ใช่ไหม?”
“......” ฉันสะอึกอยู่ในลำคอเมื่อเขานั้นพูดจบ อะ...อาทิตย์หน้างั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ทันแน่ ๆ ถ้าไม่มีเจ้าสัวฉันก็ไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร แต่ถ้าจะให้ฉันขายตัวแบบที่เขาพูด ฉันคงทำไม่ได้จริง ๆ
“ร้อนเงินนักไม่ใช่หรือไง!?” ริมฝีปากของคุณใหญ่ เหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยันสายตาที่เขาใช้มองฉันในตอนนี้ ฉันรู้สึกว่าไม่ชอบมันเอาซะเลย
“......” ฉันรีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นปกปิดที่หน้าอก เมื่อคุณใหญ่ค่อย ๆ ใช้สายตาสำรวจมองเรือนร่างของฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า
“จะเอาหรือไม่เอา ฉันจะให้เวลาเธอคิดแค่สามวัน!”
“......”
ฉันก้มหน้ากำมือแน่น พร้อมริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแบบอัตโนมัติความตึงเครียดเริ่มผุดขึ้นเข้ามาในความคิดของฉัน ในขณะที่คุณใหญ่กำลังหันหลังเดินออกไปจากตรงนี้
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ” ฉันถือวิสาสะคว้าข้อมือคุณใหญ่เอาไว้ ซึ่งเขาก็หันมามองหน้าฉันแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“......”
“ตกลงค่ะ ฉันจะขายตัวให้คะ...คุณ”
