ตอนที่ 3 ชีวิตรันทด
ตอนที่ 3
ชีวิตรันทด
“ทำไมคุณทำแบบนั้นล่ะคะ”
ใบไหมขืนตัวในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพาเธอไปที่รถ เธอไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ห้ามแล้วแท้ๆแต่เขาก็ยังทำ เธออธิบายไปแล้วว่าถ้าทำแบบนั้นเธอจะต้องถูกไล่ออก แต่ทำไมเขาถึงไม่เห็นใจกันบ้าง
หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอยังไม่อยากตกงานตอนนี้ ถึงแม้ว่างานจะหาได้ทั่วไป แต่จะมีงานไหนที่ได้ทิปหลายร้อยต่อวันแบบนี้ คงไม่มีอีกแล้ว
ไม่ใช่ว่าเธอเลือกงาน แต่ภาระที่หนักอึ้งทำให้เธอจำใจต้องทำงานนี้ ถึงแม้ว่างานจะสุ่มเสี่ยงและโดนลวนลามอยู่บ่อยครั้ง แต่ใบไหมก็พยายามอดทนมาโดยตลอด หวังว่าเธอจะอดทนจนเก็บเงินได้สักก้อนและออกไปจากชีวิตแบบนี้
“คุณได้ยินใช่ไหมว่ามันด่าผม ผมยืนฟังเฉยๆไม่ได้หรอกนะ”
คนแบบนั้นต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง จะได้รู้จักให้เกียรติคนอื่น ไม่ใช่ไปที่ไหนก็เที่ยวสร้างความเดือดร้อน ทำตัวเหมือนไม่มีคนอบรมสั่งสอน
“ฉันกำลังจะตกงาน เพราะว่าทำให้แขกทะเลาะกัน”
หญิงสาวหน้าเศร้า ภาระค่าใช้จ่ายรอเธออยู่ตอนสิ้นเดือน แต่ตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นคนตกงาน แล้วชีวิตของเธอจะเป็นยังไงต่อไป กว่าจะหางานใหม่กว่าจะรอเงินเดือนออกอีกรอบก็คงต้องใช้เวลาพักใหญ่
ใบไหมได้แต่ถอนหายใจ เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้เธอเครียดและทุกข์ใจเป็นอย่างมาก
“ผมว่าคุณอย่าเพิ่งคิดมากเลย เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า”
ชายหนุ่มอาสาจะเดินทางไปส่งหญิงสาว ตอนแรกเธอตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เห็นว่าชายหนุ่มดูไม่มีพิษมีภัยจึงตัดสินใจตามเขาขึ้นรถ
“บ้านคุณอยู่ที่ไหน”
“ฉันเช่าห้องอยู่ในซอยข้างหน้านี่แหละค่ะ”
หญิงสาวชี้ไปยังซอยเล็กๆซึ่งตั้งอยู่หลังป้ายรถเมล์ ชายหนุ่มจอดรถริมฟุตบาท เขาสังเกตเห็นว่ามีรถหลายคันจอดเรียงรายกันอยู่
“มีทางเข้าทางอื่นไหมผมจะได้อ้อม”
ใบไหมส่ายหน้า นอกจากทางเข้าทางนี้ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว นี่เป็นชุมชนแออัดเล็กๆ รถใหญ่ไม่สามารถเข้าได้ มีแค่มอเตอร์ไซค์เท่านั้นที่พอจะซอกแซกเข้าไปได้ รถใหญ่หมดสิทธิ์ต้องจอดไว้หน้าถนน
ชายหนุ่มมองเข้าไปด้านในเห็นว่ามันดูเปลี่ยวมากจึงตัดสินใจเดินลงไปส่งหญิงสาว
“คุณเดินเข้ามาในซอยนี้ทุกวันเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณถามทำไมหรือคะ”
“ผมว่ามันเปลี่ยวมาก ไฟก็ไม่มี คุณไม่กลัวหรือไง”
อย่างไรเธอก็เป็นผู้หญิงควรจะระมัดระวังตัวเองเอาไว้บ้าง ไม่ควรประมาทแบบนี้ หากเกิดอะไรขึ้นคงไม่มีใครช่วยได้เพราะแถวนี้เปลี่ยวมาก ยิ่งดึกๆแบบนี้ผู้คนก็ต่างเข้านอนกันหมดแล้ว คงไม่มีใครมานั่งเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องเรื่องความปลอดภัยให้
“กลัวค่ะ แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
ชีวิตเธอต้องดิ้นรน เธอมีภาระมากมายที่แบกรับเอาไว้ ถ้าหากเธอหยุดนิ่งไม่ใช่แค่ตัวเธอเท่านั้นที่จะต้องเดือดร้อน แต่คนที่อยู่ข้างหลังก็ต้องเดือดร้อนเช่นกัน
“แล้วคุณอยู่หลังไหนล่ะ”
ชายหนุ่มมองไปรอบๆ ที่นี่เป็นชุมชนแออัดที่มีบ้านติดกัน ส่วนใหญ่เป็นสังกะสี ส่วนทางที่หญิงสาวกำลังพาเขาเดินเข้ามามีตึกขนาด 4 ชั้นตั้งอยู่ เป็นตึกโทรมๆมีตะไคร่น้ำขึ้นที่ผนังยาวขึ้นไปถึงชั้น 3
ภวัตเงยหน้ามอง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ชีวิตของเขาอยู่กับความหรูหราสวยงาม ไม่เคยได้สัมผัสวิถีชีวิตแบบนี้
ชายหนุ่มรู้สึกอึ้งเมื่อเห็นสภาพห้องของ หญิงสาว มันค่อนข้างเก่าและทรุดโทรม ประตูห้องก็ไม่มีความปลอดภัย กลอนก็ชำรุด แต่ที่หญิงสาวยังอยู่ได้เพราะว่าที่นี่เป็นหอพักสำหรับผู้หญิง มีแค่ผู้หญิงเท่านั้นที่ขึ้นมาได้ เธอจึงมั่นใจในความปลอดภัยระดับหนึ่ง
“คุณอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว”
ชายหนุ่มเอ่ยถามมองไปรอบๆไม่รู้จะนั่งตรงไหน ห้องนี้ทั้งแคบและเล็ก ไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงเก่าๆและพัดลม ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าและไม่มีเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เสื้อผ้าของหญิงสาวผับอย่างเป็นระเบียบวางไว้บนชั้นพลาสติก
“เกือบสามปีเเล้วค่ะ ฉันมาอยู่ที่นี่ช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยแรกๆ”
“ผมถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม ทำไมคุณถึงไปทำงานที่ผับนั้น แล้วทำไมคุณต้องทนให้ลูกค้าลวนลาม”
ภวัตไม่เข้าใจว่าหญิงสาวมีความจำเป็นอะไรถึงได้อดทนขนาดนั้น ถ้าเป็นเขาคงทนไม่ได้ถีบยอดหน้ามันไปแล้ว
“ความจริงฉันจะไปทำงานที่อื่นก็ได้ค่ะ แต่คงไม่มีงานไหนที่ได้ทิปวันละหลายร้อยแบบที่นั่นอีกแล้ว คุณจะว่าฉันเห็นแก่เงินก็ได้นะคะ แต่ฉันมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน ฉันเลยต้องอดทน”
หญิงสาวอธิบาย แต่ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกถึง ความโลภในน้ำเสียงของเธอเลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงได้เอ่ยถามต่อถึงเหตุผลที่เธอต้องใช้เงินมากมาย
“เล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าทำไมคุณถึงต้องใช้เงินถึงขนาดที่ยอมให้ตัวเองโดนลวนลาม”
หญิงสาวถอนหายใจ ปกติเธอไม่ชอบเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงแบบเขา เธอยิ่งไม่ควรเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟัง แต่น่าแปลกที่เธอกลับรู้สึกไว้วางใจ อีกอย่างแม้ว่าจะเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเธอแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดดูถูก แถมยังดูเห็นใจเธออีกด้วย
“ก่อนหน้านี้ฉันทำงานอยู่ที่ร้านพิซซ่าค่ะ ทำหลังเลิกเรียน ตอนนั้นเงินก็พอใช้อยู่นะคะ ปกติฉันประหยัดมากแล้วก็เจียดเงินมาเก็บไว้จ่ายค่าเทอมได้ แต่ช่วงหลังแม่ป่วยก็เลยไม่ได้ทำงาน ฉันเลยต้องหางานใหม่ที่รายได้มากกว่าเดิม”
“หมายความว่าตอนนี้คุณต้องเลี้ยงแม่งั้นเหรอ”
หญิงสาวพยักหน้า แม่ของเธอป่วยจนไม่สามารถทำงานได้ ต้องอยู่บ้านเฉยๆเพราะหมอสั่งห้ามไม่ให้ทำงานหนัก แม่ต้องออกจากงานและรักษาตัวอยู่ที่บ้าน สูญเสียรายได้ ทำให้เธอตัดสินใจหยุดเรียน เพื่อหางานทำส่งเงินให้แม่และจ่ายค่าบ้านที่พ่อเคยเอาไปจำนองไว้
“ใช่ค่ะ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรหรอก นะคะ แม่คนเดียวฉันเลี้ยงได้อยู่แล้ว แต่สิ่งที่มันหนักกว่านั้นก็คือค่าบ้านที่ฉันต้องจ่ายทุกเดือน มันเป็นเงินก้อนใหญ่มาก ฉันเลยต้องอดทนทำงานหาเงินเพราะว่ามีรายจ่ายหลายทาง”
ภวัตที่ได้ยินแบบนั้นก็เห็นใจหญิงสาว แต่เขาก็ยังไม่หยุดถามไถ่เรื่องราวของเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเธอนัก
