Chapter 4
มาเพื่อขาย 1
“ไม่ขายไร่ ไม่ได้เหรอคะคุณ”
หญิงชราสวมเสื้อลายดอกทานตะวันกับผ้าซิ่นลายแดง ขอร้องเสียงเศร้า
“ไร่เรามีกำไรนะครับ ไม่ได้ขาดทุน” ชายที่นั่งใกล้กันเสริม
การประชุมคนงานในไร่มีขึ้นในโรงอาหารพื้นซีเมนต์เปิดโล่ง มุงกระเบื้องลอนฟ้า ซึ่งห่างจากตัวบ้านที่นพจักรเคยพักมาประมาณสามร้อยเมตร
หลายคนยืนจับกลุ่มกันหน้าครัว ซึ่งเป็นผนังก่ออิฐ ตีไม้ระแนงซี่ ๆ แทนหน้าต่าง บางบานปิดทึบด้วยโปสเตอร์ดารานักร้องและปฏิทิน
เปลวยืนกอดอกพิงหลังต้นเสาใกล้ ๆ เมลานี ไม่แสดงท่าทียินดียินร้ายเพราะเตรียมใจไว้แล้ว
“แต่ฉันบริหารไร่นี้ไม่ได้ ฉันทำไร่ไม่เป็น ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย”
เธอใช้เหตุผลเลี่ยง ไม่ตอบความจริงว่าต้องการขายไร่เพื่อแก้แค้นนพจักร
“ไม่เป็นไรครับ ก็ปล่อยให้คนเก่า ๆ เขาทำไป ว่าง ๆ คุณค่อยลงมาดูจากกรุงเทพก็ได้”
“ใช่ครับ ๆ เอาตามที่ตาชิตบอกก็ได้”
หลายเสียงสนับสนุน เมลานีหน้าปั้นยาก แต่ก็ตัดสินใจแล้ว
“ยังไงฉันก็จะขายไร่ คนที่อยากอยู่ต่อก็ให้ไปลงชื่อกับฝ่ายบุคคลไว้ ส่วนใครที่ไม่อยากอยู่ ฉันจะให้ทางนั้นจ่ายเงินชดเชยให้ตามกฎหมายแรงงาน”
หญิงสาวเม้มปาก ใบหน้าเชิดขึ้น เพื่อเรียกความมั่นใจในการตัดสินใจครั้งใหญ่ของตน
“คุณใจร้าย ไม่คิดถึงคนจน ๆ ไม่มีที่ไปอย่างพวกเราเลย” หญิงคนเดิมถึงกับน้ำตาปริ่ม
“ฉันไม่ได้ใจร้ายนะคะ อย่างน้อยยายก็ได้เงินไปเป็นทุนรอนเริ่มชีวิตใหม่”
“คนรวย ๆ อย่างคุณไม่เข้าใจอะไรหรอก”
“ทำไมจะไม่เข้าใจ สามีฉันเพิ่งเสียไปทั้งคนนะ แต่ฉันยังอยู่ ชีวิตคนต้องมูฟออน ยายคงไม่คิดจะอยู่ที่ไร่นี้ไปจนตายหรอกใช่ไหม”
พอเธอถามบ้างหญิงสูงอายุคนนั้นก็อึ้งไป
“รับเงินไปเถอะจ้ะ ยายก็แก่แล้วจะได้สบายไม่ต้องทำงานให้ตัวเองลำบาก” เมลานีพูดโดยไม่คิดอะไร แต่อีกฝ่ายร่างสั่นเทิ้ม
“นี่คุณหาว่าฉันแก่เหรอ” ผู้สูงวัยกว่าชี้หน้าเมียนาย คำว่าแก่...เป็นคำแสลงหูมากสำหรับผู้หญิงบางคน
“ก็ยายแก่ จริงไหมล่ะ”
สาวชาวกรุงชี้หน้ากลับ เรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากคนงานได้เป็นอย่างดี เพราะรู้ดีว่าคนที่โดนเรียกมักไม่ยอมรับว่าตนแก่ ผมยังย้อมดำอยู่เสมอ เสื้อต้องลายสดใส ผ้าซิ่นต้องสีเจ็บ
“ถ้าเรื่องมากนัก ฉันจะให้ตำรวจมาจัดการ”
เปลวยิ้มมุมปาก คาดอยู่แล้วว่าเธอต้องขู่ด้วยไม้นี้ ยายคนนั้นสะบัดหน้าพรืด เดินลงเท้าปึง ๆ ออกจากโรงอาหารไป
สายตาหลายคู่มองเมลานีอย่างไม่เป็นมิตร ความรู้สึกหดหู่และผิดหวังลอยวนอยู่ในอากาศ เธอคิดว่าตัวเองไม่ผิด ไม่ได้เอาเปรียบใคร หาทางออกดีที่สุดให้แล้ว
“คุณขิงกินอะไรมาหรือยัง”
คนที่เงียบมานานถามเป็นประโยคแรก เพราะตั้งแต่เข้าไร่ เธอก็มาประชุมคนงานเลย นี่ก็ผ่านมาเป็นชั่วโมงจนตะวันคล้อยยอดไม้ลงต่ำมากแล้ว ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังแสบท้อง แล้วคนตัวบาง ๆ อย่างเธอจะไม่หิวเลยหรือ
“ขึ้นไปพักบนเรือนใหญ่ก่อนเถอะครับ”
เปลวหมายถึงบ้านไม้สักราคาแพงที่ทำเป็นแบบเคบินบนเขาในภาพยนตร์ต่างประเทศ ตามรสนิยมนพจักร
“ไม่อยากต่อว่าฉันอีกคนเหรอ เรื่องจะขายไร่”
คนงานเดินออกไปจนเกือบจะหมดแล้ว เหลือเพียงคนครัวที่เริ่มจัดเตรียมอาหารมื้อต่อไป...กับเขาและเธอ
“ก็คุณบอกผมอย่างนั้นมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่นา” เขายักไหล่ผึ่งผาย เดินนำไปยังทางเดินขึ้นสู่เรือนหลังใหญ่
“เป็นธรรมดา เพราะคุณเป็นเจ้านาย พวกผมเป็นแค่ลูกจ้าง”
เปลวเปิดประตูไม้ที่ท่าทางหนาหนัก ดังกับมันเบาหวิว หญิงสาวย่นจมูกรับรู้ได้ว่าโดนประชด
“ในครัวบนตู้มีของแห้งอยู่นะครับ พวกมาม่า ปลากระป๋อง ของสำเร็จรูป”
ดูท่าหัวหน้าคนงานจะคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี
“แล้วหลังนั้นค่อยมาตรวจบัญชีกัน คุณขิงคงจะสนใจ”
ร่างบางเม้มปากตาวาว ยิ่งเพิ่มความไม่ชอบใจนายคนนี้มากขึ้น...ผู้ชายไม่มีสัมมาคารวะ แต่ช่างเถิด อีกไม่นานก็ไม่ได้เจอกันแล้ว
เปลวปล่อยให้เธอเคว้งอยู่คนเดียวในครัว เพราะเขาบอกว่าจะไปเตรียมเอกสารไว้ให้ตรวจสอบ เมลานีไล่เปิดตู้แต่ละใบก็เห็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตามเขาบอก
ทีแรกไม่ค่อยหิว แต่เมื่อใส่น้ำร้อน กลิ่นหอมเจียวยั่วใจเหลือเกิน เธอจึงจัดการไปหนึ่งถ้วยพร้อมนมหนึ่งกล่อง ระหว่างนั้นสายตาก็ส่องสำรวจบ้านหลังใหญ่ไปพลาง ๆ
นพจักรเคยไปเรียนต่ออเมริกา ณ รัฐเท็กซัส เขาชอบคาวบอย ชอบม้า อยากทำไร่ การตกแต่งบ้านหลังนี้ออกสไตล์ตะวันตก ตั้งแต่ผนังเป็นไม้ประดับเขาสัตว์ เตาผิงหลอก ๆ ซึ่งมีกรอบรูปและถ้วยรางวัลอะไรก็ไม่รู้วางอยู่ด้านบน
คิด ๆ แล้วก็ใจหาย ขอบตาผ่าว คนรอบข้างค่อย ๆ ทยอยตายไปแบบปัจจุบันทันด่วน สามปีก่อนก็คุณป้าผู้เลี้ยงดูมานาน ปีนี้ก็นพจักร แล้วต่อไป...
“เอกสารเตรียมเรียบร้อยแล้วครับ”
เปลวบอกแต่ต้องชะงัก เมื่อเจอภาพเมียนายน้ำตารื้น หญิงสาวใช้นิ้วกรีดระคนกะพริบตาปริบ ๆ ไล่น้ำตา
“คุณพักก่อนก็ได้นะครับ ถ้าสบายใจเมื่อไรแล้วค่อยดู”
จากเคยเฉยชาติดจะไม่ชอบเธอด้วยซ้ำ ชายหนุ่มอ่อนโยนลงหน่อย เมลานีคงเสียใจมาก เป็นธรรมดาของคู่สามีภรรยาที่คนหนึ่งคนใดต้องจากไปในวัยอันไม่สมควร
“ไม่เป็นไร มาทำให้เสร็จ ๆ ไปกันเถอะ” เธอสูดลมหายใจเต็มปอด เรียกสติให้กลับมาสู่เรื่องปัจจุบัน
“พาฉันไปตรวจเอกสารที”
เขาเดินนำไปยังห้องทำงานซึ่งติดระเบียงกว้าง มองทอดออกไปเห็นไร่เขียวขจีสุดลูกหูลูกตา
“ข้อมูลบัญชีทุกอย่างอยู่ในคอมพิวเตอร์ ไฟล์นี้ครับ”
หญิงสาวนั่งลงหลังโต๊ะทำงานใหญ่ โน้ตบุ๊กวางแสดงไฟกะพริบว่ายังทำงานอยู่
“คุณตรวจได้เลย” เปลวยืนข้าง ๆ ก้มไหล่ลง พลางใช้เมาส์ไร้สาย เลื่อนเคอร์เซอร์แนะนำ เมลานีรู้สึกถึงไอร้อนซึ่งแผ่ออกมาจากท่อนแขนกำยำสีทองแดง
“ส่วนข้อมูลของเดือนนี้ทางบัญชียังไม่คีย์ลง เพราะรอรวบทำทีเดียวปลายเดือน ไร่มีออฟฟิศห่างโรงอาหารไปหน่อย ถ้าคุณอยากดูเดี๋ยวผมให้คนเอามาให้”
ใบหน้าเขาอยู่เหนือศีรษะเธอนิด ๆ ใกล้จนสัมผัสได้ถึงกลิ่นลมหายใจฉุน ปนกลิ่นหญ้าแห้ง หญิงสาวเหลือบดูคางที่เต็มไปด้วยหนวดครึ้ม สลับนิ้วแข็งแรงที่กดสลับซ้ายขวาบนเมาส์
