Chapter 5
มาเพื่อขาย 2
“อยากได้ไหมครับ...”
“อะไรนะ!” เธอถึงกับสะดุ้ง หน้าแดง เมื่อตระหนักได้ว่าตนกำลังจินตนาการเลยเถิด...แบบไม่สมควรเสียด้วย
“ผมถามว่าคุณอยากได้ข้อมูลอะไรเพิ่มอีกไหม”
“ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอแล้ว นายเปลวไปทำงานตัวเอง
บ้านหลังนี้นอกจากจะให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคคาวบอยตะวันตกแล้ว นายเปลวยังหุ่นเร้าใจ ยั่วอารมณ์เธออีก
เมลานีไม่ใช่สาวน้อยอ่อนใสไร้เดียงสา เธอยอมรับตรง ๆ ว่าเปลวมีบุคลิกลักษณะเป็นที่ต้องใจต้องตาคนง่าย ตาดำลึกคมเข้ม รูปร่างกำยำ สูงใหญ่ ผิวสีทองแดง โหนกแก้มสูง สันกรามชัด เหมือนพวกนายแบบลาติน แม้หนวดเคราจะรุงรังเป็นมหาโจรไปหน่อยก็เถอะ
หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาชื่นชมคนหุ่นดี มองด้วยความประทับใจในภาพลักษณ์ ซึ่งไม่ผิดกับมองดอกไม้สวย ๆ แต่จะให้ไปยุ่งด้วย เธอไม่เอาล่ะ เธอเป็นเจ้านาย เขาเป็นคนงาน แม้จะเป็นระดับหัวหน้าก็ตาม
เธอยังมีความเจ้ายศเจ้าอย่างที่ติดมาจากคุณป้าผู้ล่วงลับ ในโลกแห่งสิทธิเสรีภาพนี้ ผู้คนอาจจะมีสิทธิเท่ากัน แต่ทว่าอุปนิสัยและสภาพแวดล้อมการเลี้ยงดูทำให้คนต่างกัน หากเลือกได้ เมลานีอยากคบคนที่อยู่ในสังคมระดับเดียวกันมากกว่า
เปลวไม่ได้ออกไปข้างนอกดังคาด เขานั่งที่โต๊ะทำงานอีกตัวข้างประตู เปิดโน้ตบุ๊กอีกตัวพิมพ์บางอย่าง
“นายเปลวทำอะไรน่ะ”
แทนที่จะได้อยู่คนเดียวเงียบ ๆ กลับกลายเป็นเขาอยู่ด้วย เมลานีไม่สะดวกใจรู้สึกเหมือนถูกควบคุม เธอเป็นเจ้านายนะ ส่วนเขาลูกน้อง
“ทำงานของผมยังไงล่ะครับ” เขาตอบโดยสายตายังจ้องจอ “คุณบอกว่าจะขายไร่ จะจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ผมเลยต้องมาทำข้อมูลพนักงานว่าใครทำงานมากี่ปี จะได้จ่ายเงินถูก”
“นั่นมันเป็นหน้าที่ฝ่ายบุคคลนี่”
“เธอตายไปแล้วครับ...พร้อมคุณนพ”
ใจเมลานีแปลบ หน้าเสียขึ้นมาทันที
“เอ่อ...ผมขอโทษครับ” เสียงห้าวเนิบ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งอึ้งไปนาน
“ไม่เป็นไร มันผ่านไปแล้ว”
นพจักรดีกับเธอ แต่เขาก็เจ้าชู้ จึงทำใจมีลูกกับเขาไม่ลงเสียที แม้เป็นสามีที่มาจากการคลุมถุงชน แต่เธอต้องการครอบครัวที่สมบูรณ์ ไม่อยากให้ลูกเหงาท่ามกลางทรัพย์สมบัติมากมายเหมือนตัวเองเคยเป็น
“พี่เปลว” หนุ่มคนที่ไปรับเธอกับเขาโผล่หน้ามาในห้อง “เสี่ยเชิดชัยมา เขาบอกจะมาหาคุณขิง”
แวบหนึ่งที่ดวงตาดำสนิทวาวโรจน์ขึ้น ก่อนปรับราบเรียบดังเดิม
“อ้อ! เสี่ยเชิดชัย”
คนนี้แหละที่โทรหาเธอเรื่องขอซื้อไร่
“เขาอยู่หน้าบ้านครับ”
หญิงสาวปิดคอมพิวเตอร์ รีบออกไปพบแขกคนสำคัญโดยพลัน
เสี่ยเชิดชัยเป็นหนุ่มใหญ่ ผิวขาว ตาหยี ร่างท้วม ลูกน้องรายรอบเยอะ ตัวเขาเองสวมเสื้อเชิ้ตลายทาง กางเกงสแล็กส์ ไว้หนวดเรียวงามเหนือริมฝีปาก คอเห็นสร้อยทองกับกรอบพระออกมาแพลม ๆ ใต้ปกเสื้อ
“คุณขิงใช่ไหมครับ ตัวจริงสวยกว่ารูปอีกนะเนี่ย”
เมลานีเชิญเขาเข้าห้องรับแขก คร้านจะถามว่าไปเคยเห็นรูปเธอที่ไหน แต่คิดอีกทีคนที่ท่าทางมีอิทธิพลขนาดนี้ เรื่องจะสืบหาประวัติใครสักคนหนึ่ง อย่างเช่นเธอคงไม่ใช่เรื่องยาก
“ผมจะมาคุยเรื่องซื้อไร่ครับ”
สายตาเสี่ยใหญ่บ่งบอกว่าสนใจหญิงสาวอย่างชัดเจน ไม่เกรงตาดุ ๆ ของเปลวและลูกน้องอีกคน ซึ่งยืนคุมเชิงดูสถานการณ์อยู่เลย
“ที่เคยโทรหา”
เมลานีเหลือบสบตาเปลว ซึ่งส่อแววตำหนิที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง เธอเม้มปากเชิดหน้าขึ้น ยิ้มเย็น ด้วยถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของตน ซึ่งไม่เกี่ยวกับลูกน้องอย่างเขา
“ราคาเท่านี้สนใจไหมครับ” เขาหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นแพงมากดแทนเครื่องคิดเลข
“ฉันให้คนเช็กราคาประเมิน มันน่าจะได้ตัวเลขนี้” เธอยื่นกลับคืนให้พร้อมตัวเลขอีกชุด
“โอ๊ะ! สูงจังครับ”
“แต่มันคุ้มใช่ไหมคะ เพราะไร่นี่พร้อมให้เข้ามาบริหารเลย ทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว”
เมลานีไม่ใช่มือใหม่ในการเจรจาธุรกิจ ตอนแรกตั้งบริษัทต้องหาซัพพลายเออร์วัตถุดิบกระเป๋า ก็เธอเองนั่นแหละที่วิ่งไปเจรจาต่อรอง รู้ว่าเสี่ยสนใจไร่นี้มาก เหลือแต่โก่งให้ถึงราคาที่เธอพอใจ
“แต่ก็ยังแพงอยู่ดีนะครับ”
เมียนพจักรสวย แต่เคี้ยวยาก ผัวตายพร้อมกับชู้รัก ไม่มีเสียใจสักนิด เขารู้ว่าเธออยากขายทิ้งแก้แค้นผัวจนตัวสั่น เหลือแต่เรื่องราคาเท่านั้น
“ผมขอคิดดูก่อนนะครับ”
“อย่านานนักนะคะ ของดี ๆ มักหมดเร็ว”
เมลานีแกล้งเย้า รู้ว่าเขาจะซื้อแน่ แค่ถ่วงเวลาไว้เท่านั้น หากพลาดจากเสี่ยเชิดชัยก็ยังมีลูกค้าสำรอง ท่านนายพลเพื่อนเก่าคุณป้าอยู่อีกคน รายนั้นเคยเปรย ๆ ว่าอยากทำไร่หลังเกษียณ
เสี่ยเชิดชัยกลับไปพร้อมกับบรรยากาศอึมครึมจากหัวหน้าคนงาน ยามเขาและเธอเดินกลับมาในห้องทำงาน
“ไม่ขายไร่ไม่ได้เหรอคุณขิง” เปลวยืนอยู่หน้าประตู ขณะเมลานีนั่งลงเปิดคอมพิวเตอร์ตรวจบัญชีต่อ “มันยังทำกำไรได้อยู่นะ ไม่ได้ขาดทุน คุณก็เห็นในงบบัญชีนี่”
“ฉันเห็นแล้วล่ะนายเปลว แต่ฉันดูแลไร่ไม่ได้ มันเหนื่อยเกินไป” เธอยังปิดบังเหตุที่แท้จริงอยู่ ถอนหายใจยาว ไล่สายตาไปตามตัวเลขบนจอ
“แล้วถ้าผมดูแลแทนคุณล่ะ ให้กำไรทุกบาททุกสตางค์ตามแต่ที่คุณอยากจะเอาไปทำอะไร” เปลวเดินเข้ามาใกล้ มีเพียงโต๊ะทำงานเท่านั้นที่กั้นทั้งสองไว้ “เสี่ยเชิดชัยไม่ใช่เจ้านายที่ดีนัก คนแถวนี้รู้ดี คนงานในไร่อยู่ไม่เป็นสุขแน่”
