ตอนที่ 10 รสรักที่ตรึงใจ ep4
อลิศราพูดจบก็หยิบกระเป๋าถือมา
“พี่มีธุระด่วน ไว้พบกันตอนอาหารมื้อเย็นนะจ๊ะ..”
“ค่ะ..”
อลิศราหันไปยิ้มให้เขาแล้วเดินออกไป ทิ้งให้เธอหันไปจ้องหน้าเขานิ่ง
“เดี๋ยวค่ะ..”
เธอก้าวไปหยุดตรงหน้าของเขาที่เตรียมจะก้าวไปยังประตูห้อง
“คุณมีโอกาสได้อยู่กับฉันแท้ ๆ ทำไมไม่บอกล่ะค่ะ ทำไมต้องมาฟ้องพี่อุ๊ด้วย..”
เขามองสบตาของเธอ
“ต้องการเห็นฉันถูกตำหนิว่าทำงานสับเพร่าตั้งแต่งานแรกเลยใช่ไหม..”
“ผมน่ะหรือฟ้อง..”
เขาหันมาหาเธอตรง ๆ
“นี่คุณผู้หญิง คุณใช้คำแรงไปหรือเปล่าครับ เรื่องพวกนั้นผมไม่ใส่ใจหรอกนะครับว่าใครจะเข้าประชุมหรือไม่ เพราะผมมีหน้าที่คือทำงานของผมเท่านั้น..แล้วที่ผมมาพบคุณอุ๊วันนี้..”
“ฉันไม่อยากรู้..”
เธอก้าวผ่านร่างของเขาแต่ฝ่ามือใหญ่กลับรวบมือบางของเธอแล้วกระตุกให้เธอหันกลับมา จนร่างเสียหลักเซถลามาประทะกับร่างของเขาเข้าอย่างจัง
“อุ๊ย!!..”
เธออุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเหยียบเท้าของเขาเข้า ก่อนจะรีบถอยห่างออกมาแล้วมองหน้าเขานิ่งอย่างไม่พอใจ
“ผมมาเพื่อบอกเธอว่า เวทีสำหรับการจัดคอนเสิร์ตของนักดารานักแสดงในสังกัดของสถานีที่จะไปเปิดการแสดงในอาทิตย์หน้าผมคงไม่ได้ไปกำกับให้ เพราะติดงานถ่ายละครให้กับอีกค่ายละครของช่องอื่นอยู่ครับ..”
เธอเมินหน้าหลบสายตาของเขา
“ผมเป็นผู้กำกับนะครับ ผมทำงานอิสระไม่ได้ขึ้นตรงกับใครหรือสถานีโทรทัศน์ช่องใดช่องหนึ่งผูกขาด ผมไปได้ทั่วและ..”
เขามองหน้าเธอนิ่ง
“ผมไม่ใช้ผู้ชายประเภทดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวนะครับ ถึงจะได้ขี้ฟ้อง โดยเฉพาะกับเรื่องไร้สาระของเด็กที่โตแต่ตัว..”
เขาพูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอรีบก้าวตามหมายจะตอบโต้เขาไม่ทัน เมื่อเธอเปิดประตูออกมาร่างสูงใหญ่ของเขาก็เดินลิ่ว ๆ จากไปไกลแล้ว
“ฝากไว้ก่อนเถอะ..ฉันจะเย็นชากับคุณบ้าง..”
เธอคิดในใจก่อนจะกลับมาทำงานต่อที่ห้องของเธอ
---------------------------------------------------
“แม่ขา จะไปไหนหรือคะ..”
ตรีอภิรมย์ร้องถามคุณอิษยา ผู้เป็นมารดาเมื่อมองเห็นหล่อนเตรียมจะออกจากบ้าน
“วันพรุ่งนี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณชูพันธุ์เขา แม่ก็เลยตั้งใจว่าจะไปช่วยแม่บ้านเลือกดูอาหารเพื่อมาจัดงานเลี้ยงสักหน่อยจ้ะ..”
“ตรีขับรถให้นะคะ..”
“อย่าเลยลูก หนูเหนื่อยงานมาทั้งอาทิตย์แล้ว..”
“ตรีอยากไปนี่คะ..คุณแม่ยังแสดงน้ำใจกับพี่เขยได้เลย แล้วตรีล่ะคะ”
เธอสอดแขนมากอดเอวของแม่พร้อมกับซบหน้าลงที่ไหล่ของหล่อน
“ก็ได้จ้ะ ไม่รู้จักโตสักทีนะเรา..”
ตรีอภิรมย์ยิ้มหวานเมื่อได้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ พาแม่ของเธอและแม่บ้านกับสาวใช้ไปยังตลาดสด แทนการไปซุปเปอร์มาเก็ต
“ทำไมมาที่นี่ล่ะคะแม่ขา..”
“ที่นี่ของสดและถูกกว่าในห้างน่ะสิจ๊ะ มีให้เลือกเยอะ..”
คุณอิษยาตอบเบา ๆ ก่อนจะเดินไปเลือกดูอาหารสด ตามติดด้วยร่างบางของเธอและแม่บ้านวัยสี่สิบเศษกับสาวใช้วัยเดียวกับเธออีกหนึ่งคน
“อุ๊ย!!..”
เธออุทานออกมาเบา ๆ เมื่อถูกผลักจากผู้คนที่กำลังเลือกหาซื้อของจนร่างบางเกือบคะมำ
“ระวังหน่อยลูกจ๋าที่นี่คนเยอะ..”
คุณอิษยาร้องบอกเธอก่อนจะเดินเลือกของต่อไป ในขณะที่เธอรู้สึกไม่คุ้นนักกับการต้องเดินจ่ายตลาดเบียดเสียดกับผู้คนแบบนี้แต่ก็ต้องเดินตามแม่ของเธอไปพลางสังเกตดูอาหารสดที่ผู้เป็นแม่บรรจงเลือกอย่างคล่องแคล่ว
“คุณแม่นี่ละเอียดไปทุกเรื่องเลยนะคะ..”
เธอเอ่ยชมเมื่อหยิบของที่แม่เลือกมาพลิกดู
“แน่สิจ๊ะ ยิ่งของกินต้องยิ่งระวังเพราะเรากินเข้าไปในปาก มันส่งถึงร่างกายของเราโดยตรง หากทำให้สะอาด โรคภัยก็จะไม่เบียดเบียนเรา เพราะโรคภัยส่วนมากมักมาจากอาหาร..”
เธอยิ้มกว้างแล้วเตรียมจะเดินต่อแต่ก็ต้องชะงักกับเสียงเอะอะที่ดังอยู่ทางด้านหลัง แต่พอหันกลับไปก็ต้องเซถลาเมื่อชายวัยสิบกว่าปีรูปร่างผอมเก็ง สวมใส่เสื้อผ้าสกปรกวิ่งชนร่างของเธอเต็มแรงก่อนจะรีบวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว
“ตรีเป็นไงบ้างลูก..”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ขา..”
เธอบอกกับแม่ก่อนจะมองผ่านไปเมื่อเห็นกลุ่มคนมุงดูอะไรอยู่
“ช่วยด้วยค่ะ..เรียกรถพยาบาลที..”
เสียงร้องนั้นทำให้ตรีอภิรมย์รีบวิ่งเข้าไปแล้วก็มองเห็นคุณสุตาภัทร์ที่ล้มอยู่แทบพื้น ที่ฝ่ามือมีเลือดไหลออกมาและที่หัวเข่ามีรอยฉีกยาว
“เป็นอย่างไรบ้างคะ..”
เธอรีบพยุงหล่อนขึ้นแล้วร้องถาม
“ถูกวิ่งราวกระเป๋าค่ะคุณ..”
แม่สมคิดที่มาด้วยรีบร้องบอก
“พาไปหาหมอก่อนดีกว่าลูก..”
คุณอิษยาที่รีบตามมาร้องบอกเธอ
“แม่คงต้องกลับแท็กซี่นะคะแม่ขา..”
“ได้จ้ะลูก..”
จากนั้นพ่อค้าที่อยู่ใกล้เคียงรีบมาช่วยกันพยุงร่างของคุณสุตาภัทร์ไปยังรถของเธอที่รีบไปขับมารับแล้วพามายังโรงพยาบาลให้หมอทำแผลและตรวจดูอาการบาดเจ็บ
