ตอนที่ 11 รสรักที่ตรึงใจ ep5
“โชคดีนะครับที่กระดูกไม่เป็นอะไร เป็นบาดแผลเฉพาะภายนอกเท่านั้น..”
นายแพทย์อธิบายเมื่อทำแผลให้หล่อนเสร็จเรียบร้อย
“สูงวัยแล้วระวังอย่างมากคือการล้มหรือกระแทกแรง ๆ นะครับ..”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะคุณหมอ..”
ตรีอภิรมย์หันกลับมาหาคุณสุตาภัทร์
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะ..”
หญิงสูงวัยมองหน้าเธอนิ่งก่อนจะยิ้มเย็น แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องเงยหน้ามองใครคนหนึ่งที่วิ่งเข้ามา
“ย่าจ๋า..”
เสียงทุ้มนุ่มละมุนดังออกมาอย่างอ่อนโยน มันนุ่มหูจนเธอต้องหันไปมองตามเสียงของใครคนนั้น และแล้วก็ต้องนิ่งงันเมื่อมองเห็นปราชญ์โผเข้ามาหาย่าของเขาพร้อมกับมองสำรวจร่างของหล่อน
“ไม่เป็นไรใช่ไหมจ๊ะย่าจ๋า..”
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ย่าปลอดภัยดี เพียงแค่ตกใจแล้วล้มลงไปกระแทกเข้ากับอะไรสักอย่างก็เท่านั้น..”
“ตอนที่แม่สมคิดโทรบอก หนูตกใจหมดเลย..”
ตรีอภิรมย์นึกขำในภาษาพูดของเขาเหมือนกันแต่ก็ขำไม่ออกเมื่อมองเห็นสายตาของเขาที่ตวัดมามองผ่าน ๆ แล้วเขาก็ต้องหันกลับมามองหน้าเธออีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คุณตรี!..”
“รู้จักกันหรือจ๊ะ..”
เขาย่อกายลงนั่งอีกครั้งพร้อมกับรวบมือของย่ามากุมไว้
“เธอคือคุณตรีอภิรมย์ เป็นลูกสาวเจ้าของสถานีที่หนูกำกับละครให้จ้ะย่าจ๋า..”
“เหรอจ๊ะ..”
“นี่คุณย่าของผมครับ..”
ตรีอภิรมย์กระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ไหว้พระเถอะจ้ะแม่คุณ..”
เธอยิ้มหวาน
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะคะ ในเมื่อคุณปราชญ์มาแล้ว ตรีขอตัวก่อนนะคะคุณย่า รักษาตัวให้หายเร็ว ๆ นะคะ..”
“จ้ะ..ขอบใจนะลูก..”
“ค่ะ..”
เธอไหว้ลาแล้วตวัดสายตาไปมองเขา หันไปค้อมศีรษะให้แม่สมคิดก่อนจะเดินออกไป
“กลับบ้านกันนะจ๊ะย่าจ๋า..”
“ย่าทำให้พ่อต้องเดือนร้อนหรือเปล่าจ๊ะ..”
“ไม่หรอกจ้ะย่าจ๋า หนูมีผู้ช่วยอยู่แล้ว และงานวันนี้ก็ไม่ยุ่งอะไรด้วย..”
เขาอธิบายพร้อมกับประคองร่างของสุตาภัทร์ไปยังรถของเขาตามด้วยแม่สมคิด
“ดีที่แม่หนูคนนั้นช่วยพาย่ามาส่งโรงพยาบาล..”
เขายิ้มน้อย ๆ เมื่อเลี้ยวรถออกจากโรงพยาบาลมุ่งหน้ากลับบ้านของเขา
“เธอทำหน้าที่อะไรในสถานีหรือจ๊ะ..”
“เธอเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารฝ่ายละครจ้ะย่าจ๋า..”
สุตาภัทร์เงียบไปชั่วขณะ
“เด็กสมัยนี้เก่งนะ..เป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุยังน้อย..ไม่น่าเชื่อ หากบอกย่าว่าเธอคือนักแสดงย่าจะเชื่อได้สนิทใจ..”
“เพราะเธอสวยหรือจ๊ะ..”
“ใช่สิ แต่ที่สำคัญกว่าความสวยที่เธอไม่เป็นรองใคร คือพลังในดวงตาของเธอ..ดูอ่อนโยนและอบอุ่น..”
คุณสุตาภัทร์หันไปมองใบหน้าด้านข้างของเขา
“เห็นแววตาของเธอแล้ว นึกถึงแม่ของหลานนะจ๊ะ แววตาของเธอมีความเอื้ออาทรเหมือนกัน..”
เขายิ้มน้อย ๆ เมื่อหันมามองหน้าย่าของเขา
“ผู้หญิงที่มีแววตาแบบนี้ อ่อนโยนแล้วหวานละไม หากใครได้มาเป็นคู่ นับว่าโชคดีของผู้ชายคนนั้น เหมือนกับพ่อของหลานที่โชคดีที่ได้แม่ของหลานมาเป็นภรรยา..แต่น่าเสียดาย”
หล่อนพูดทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้น เพราะไม่อยากนึกถึงความเจ็บปวดแต่หนหลังเพราะทั้งลูกชายของหล่อนและลูกสะใภ้ต่างก็อายุสั้นด้วยอุบัติเหตุทางเรือ
“เรื่องมันผ่านมาแล้วนะจ๊ะย่าจ๋า..เอาเป็นว่า ย่าจ๋าบอกว่าคุณตรีมีแววตาเหมือนแม่ของหนูใช่ไหมจ๊ะ..”
“ใช่จ้ะ ดูภายนอกเป็นสาวเปรี้ยวที่ทันสมัย แต่การวางตัวเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วเลยนะ แสดงว่าต้นแบบของเธอเป็นผู้หญิงที่ดีคนหนึ่งเชียวล่ะ..”
“คุณแม่ของคุณตรีเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยมาก ทุกคนในบ้านเกรงใจเธอแม้แต่ท่านเจ้าสัวปวเรศยังต้องเกรงใจภรรยาของเขา..สำหรับลูก ๆ ด้วยแล้วไม่ต้องพูดถึง ครอบครัวนี้เขาอยู่บ้านเดียวกันนะจ๊ะย่าจ๋า แม้ว่าลูก ๆ จะแต่งงานมีลูกแล้วก็ยังอยู่ในบ้านเดียวกัน..”
“อบอุ่นมากสินะ ลูกสาว ลูกชายแต่งงานมีหลาน ก็อยู่รวมกัน..”
“จ้ะ..คุณตรีเธอมีพี่น้องด้วยกันสามคน พี่ชายคนโตก็ไชยพศไงจ๊ะ เพื่อนของหนูเอง คนรองก็เพื่อนของทยุต คุณอุ๊ อลิศราไงจ๊ะ ย่าจ๋าจำได้ไหม..”
“อ๋อ..นึกว่าใคร..”
เจ้าหล่อนอุทานออกมาเมื่อนึกได้
“เป็นไงบ้างจ๊ะหนูตรี..”
ทันทีที่ตรีอภิรมย์กลับถึงบ้านคุณอิษยามารดาของเธอเอ่ยถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ปลอดภัยค่ะแม่ขา..”
“โล่งอก คนแก่ล้มไม่ค่อยดี แสดงว่าเธอแข็งแรงมาก..”
“เธอเป็นคุณย่าของคุณปราชญ์ค่ะแม่ขา..”
“อะไรนะ!ปราชญ์ โกมลเฉลิมน่ะหรือ..”
“ค่ะคุณพ่อ เธอชื่อสุตาภัทร์ค่ะ เป็นคุณย่าของคุณปราชญ์ ตรีก็เพิ่งทราบตอนที่เขามารับคุณย่าของเขาที่โรงพยาบาล..”
“โลกมันกลมดีจริง..”
เจ้าสัวปวเรศเปรยออกมาเบา ๆ
“แล้วนี่สมาชิกของเราไปไหนกันหมดคะ..”
“คุณพศเล่นเกมส์อยู่กับน้องเพลงค่ะคุณตรี..”
“หนูอุ๊ออกไปเลือกของขวัญให้คุณพันธุ์..”
ทั้งชาลิสาพี่สะใภ้ของเธอและคุณอิษยาต่างช่วยกันตอบคำถาม
“จะมีครอบครัวไหนอบอุ่นเหมือนครอบครัวของเราคงไม่มีอีกแล้วนะคะพ่อขา..”
“จะอบอุ่นมากกว่านี้ถ้าพ่อมีลูกเขยคนเล็กร่วมวงสังสรรค์ในวันหยุด..”
ตรีอภิรมย์ยิ้มกว้าง
“หากหาได้ไม่เหมือนคุณพ่อ ตรีไม่มีหรอกค่ะ..”
“จะขึ้นคานหรือลูก บ้านเราไม่มีคานนะจ๊ะ..”
“คุณแม่ล่ะก็..”
เธอทำหน้ายุ่งแล้วก็ยิ้มแก้เก้อเมื่อทุกคนประสานเสียงหัวเราะ
