บทที่ ๘ (งานแต่งงาน)
บทที่ ๘
(งานแต่งงาน)
นพดลนั่งหน้านิ่งบนวิลแชร์บนห้องพักของโรงแรมหรู วันนี้เป็นวันที่ชายหนุ่มจะต้องจูงมือคู่หมั้นสาวเข้าประตูวิวาห์ จงจิตต์นั่งมองดูลูกชายคนเดียวของตนอยู่เนิ่นนานนางได้แต่คิดในใจเพียงรำพัง เหตุใดหน้าตาของเจ้าบ่าวถึงได้นิ่งเฉยแบบนี้ คลับคล้ายกับว่าชายหนุ่มไม่ได้มีความยินดีที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์เลยสักนิด วันนี้ลูกชายเธอควรจะมีความสุขสิที่ได้ผู้หญิงนิสัยไม่ดีคนนั้นมาเป็นภรรยา ก็ไหนลูกชายเธอเฝ้ารอให้ถึงวันนี้ไม่ใช่หรอกหรอ
"ตาดล...หล่อจังเลยลูกตื่นเต้นไหมลูก"
"ไม่ครับ..เจ้าสาวมาหรือยังครับ"
"มาแล้วจ๊ะ กำลังรับแขกอยู่ข้างล่าง ดลจะลงไปเลยไหมลูก"
"ยังครับ เจ้าสาวผมสวยไหมครับแม่วันนี้"
"ไม่รู้สิ...ดลก็รู้ว่าแม่ไม่ปลื้ม"
"โธ่!!! แม่..แม่บอกตามความจริงแบบไม่อคติสิครับ เจ้าสาวผมสวยไหม ผมอยากรู้ แม่ช่วยเป็นตาแทนผมหน่อยเถอะ"
นางจงจิตต์ถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากให้บุตรชายตนเองรู้สึกไม่ดี ถึงแม้ว่าตนจะไม่ปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้แต่ก็ต้องทำใจยอมรับ เพราะลูกชายเธอเลือกแล้ว
"สวยจ๊ะ น้ำฝนใส่ชุดราตรีสีขาวยาวฟูฟ่อง เกล้าผมขึ้นปักปิ่นเพชร แต่งหน้าโทนชมพูอ่อน สวยงามเหมือนเจ้าหญิงในนิยาย แต่จิตใจคงไม่ไม่ได้งามด้วยหรอกมั้ง"
"คุณแม่ครับ!!!! "
"จ๊ะๆๆ แม่ขอโทษแม่จะไม่ว่าอะไรเจ้าสาวลูกอีกแล้ว เฮ้อ!!! มันอดไม่ได้จริงๆ แต่ดล..แม่ไม่เห็นด้วยเลยนะลูก ที่จะพากันย้ายออกไปอยู่ข้างนอก บ้านเราก็ใหญ่โต แม่สั่งปรับปรุงบ้านใหม่ให้สะดวกสบายกับตาดลก็ได้นี่ลูกอย่าย้ายออกไปเลยนะ นะลูกนะ"
"คุณแม่ครับเราคุยกันแล้วนะครับ"
จงจิต์นึกย้อนไปถึงวันที่ นารีรัตน์และสิริรัตน์เดินเข้ามาคุยกับตนเองและบุตรชาย การมาของสองคนแม่ลูก ไม่ได้มีประมุกใหญ่ของบ้านอย่างคุณกนกมาด้วย และไม่แน่ใจว่าคุณกนกจะทราบถึงการมาของสองแม่ลูกนี้ไหม
"...คุณจิตต์คะ..รัตน์ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ งานแต่งานรัตต์อยากจัดให้ใหญ่โต ให้สมเกีรยติ์ของยัยน้ำฝน สินสอดทองหมั้น ทางเราขอเพิ่มอีกเท่าตัวอีก100 ล้านบาทไม่รวมเครื่องเพชร และที่สำคัญหลังแต่งานตาดลต้องพายัยน้ำฝนออกมาสร้างครอบครัวกันเอง ยัยน้ำฝนไม่ปรารถนาจะอยู่อาศัยร่วมกับใครในบ้านใหญ่ เพราะมันไม่เป็นส่วนตัว"
"มันจะไม่มากไปหรอคะคุณรัตน์ เท่าที่ให้ไปก็ 100ล้านแล้วนะคะ นี้จะมาขอเพิ่มอีกตั้ง 100ล้าน แล้วเรื่องบ้านเหมือนกัน ตาดลไม่สบายแบบนี้เห็นทีดิฉัน คงปล่อยให้ไปอยู่กันเองไม่ได้หรอกค่ะ"
"ยังไงก็ต้องได้ค่ะ เพราะหนึ่งเลยตาดลพิการ..เอ้ย!!! ..ขออภัยค่ะรัตน์พูดผิด หนึ่งเลยตาดลบาดเจ็บแบบนี้ ยัยน้ำฝนยอมทิ้งอนาคตมาช่วยดูแลลูกชายคุณจิตต์ให้ตลอดชีวิตแบบนี้ 200 ล้านนี้มันน้อยไปด้วยซ้ำ แล้วอีกอย่างถ้าจะให้พูดกันตามตรงคุณจิตต์เองก็ไม่ได้ชื่นชอบลูกสาวรัตน์ซักเท่าไรหรอกจริงไหม ถ้าให้ไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกันคงไม่พ้นไม่จะมีปัญหา แต่คุณจิตต์ไม่ต้องกังวลนะคะ รัตน์จะลงทุนจ้างพยาบาลส่วนตัวมาช่วยยัยฝนดูแลให้เองค่ะ"
"ฉันไม่เห็นด้วย.../"
"คุณแม่ครับ....เอาตามที่คุณอารัตน์ว่านั่นแหละครับ เรื่องเรือนหอผมจะให้น้องชายไปจัดการ ส่วนเครื่องพยาบาลทางผมจะจัดการเองเช่นกัน แค่น้ำฝนเสียสละตัวเองเพื่อผม ผมก็ซึ้งใจแล้วครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว สวัสดีครับ...."
"เอาล่ะครับตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย ขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ขึ้นมากล่าวอะไรเล็กๆ น้อยๆ บนเวทีด้วยครับ....เชิญครับ"
แป๊ะๆๆๆๆๆ
ปกรณ์เดินเข้ามาจับรถเข็นเพื่อพาพี่ชายตนเองขึ้นไปบนที เวทีนี้ทำขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นพดลจึงทำให้การพานพดลไปบนเวทีไม่ใช่เรื่องยาก ปกรณ์นึกตำหนิพี่สะใภ้ในใจ รู้ทั้งรู้ว่าพี่ชายตนต้องนั่งวิลแชร์ แล้วทำไมเจ้าสาวถึงได้เลือกชุดแต่งงานแบบกระโปรงยาวฟูฟ่องแบบนี้ ทั้งไม่สะดวกกับเจ้าบ่าวเวลาเดินขอบคุณแขก ชายกระโปรงอาจจะเข้าไปขัดล้อรถวิวแชร์ของพี่ชายตนได้ แทนที่จะเลือกเป็นชุดราตรีสั้นแต่ทันสมัยแทน นี่ถ้าไม่มีหัวคิดก็คงต้องการแกล้งให้พี่ดลขายหน้าแน่ๆ
"อยู่บนเวทีแล้วนะครับพี่ดล กรยืนอยู่ข้างหลังนะครับ"
"อืม..ขอบใจมากกร"
" เราจะมาเล่นเกมส์ถามคำตอบคำกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวนะครับ เกมส์นี้จะทำให้พวกเราทุกคนได้รู้ซึ้งถึงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันมันจะหวาน ฟินเวอร์แค่ไหนเรามาฟังกันเลยครับ...... เอาล่ะครับถามคุณดลก่อนดีกว่านะครับ คุณดลพร้อมไหมคร๊าบ"
นพดลยิ้มให้กับพิธีกร แต่เนื่องจากเขามองไม่เห็นจึงไม่ได้หันหน้าไปทางไหน ชายหนุ่มเลือกวางหน้าตรงๆ และพยักหน้าแทน
"แต่ผมว่า Lady First ดีกว่านะครับ ผมอยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าสาวคนสวยของผม ประทับใจอะไรในตัวผมบ้าง นอกจากผมรวยน่ะครับ หึ"
สิริรัตน์หน้าชาขึ้นมาทันที ที่เจ้าบ่าวพิการของตนแอบหักหน้าตนเองบนเวที แต่หญิงสาวก็ได้แต่ฉีกยิ้มกว้างๆ แจกจ่ายลงไปด้านล่างเวที ในใจก็ได้แต่ด่าเจ้าบ่าวพิการตรงหน้าอย่างเจ็บแสบ คอยดูเถอะมึงไอมึงง่อย
"ก็ได้ค่ะ ถามมาได้เลยค่ะ ดิฉันยินดีตอบทุกคนถามเลยนะคะ"
พิธีกรพลิกกระดาษสคริปในมือ ก่อนที่หัวคิ้วจะย่นเล็กน้อย คำพวกนี้ไม่ใช่ที่ตนเตรียมมาหนิ พิธีกรหนุ่มหันไปมองปกรณ์น้องชายเจ้าบ่าว ซึ่งปกรณ์ก็พยักหน้าให้พิธีกรดำเนินการต่อได้เลย
"เอาล่ะครับคำถามแรก คุณเจ้าสาวเจอกับคุณเจ้าบ่าวที่ไหนครับ"
"อืม..ฉันเจอกับพี่ดลงานเลี้ยงการกุศลแห่งหนึ่งค่ะ วันนั้นฉันมีโอกาสได้ไปช่วยทำบุญให้เด็กกำพร้า ก็เลยได้เจอกับพี่ดลน่ะค่ะ"
"ครับ คำถามต่อไปนะครับ ประทับใจอะไรในตัวเจ้าบ่าวครับ"
"พี่ดลเป็นคนอัธยาศัยดี พูดจาดี แล้วยังมีจิตใจที่ดีด้วยค่ะเลยทำให้ฉันประทับใจ"
"ครับ คำถามต่อไปนะครับ แล้วไม่รังเกียจที่เจ้าบ่าวอาจจะพิการหรอครับ"
"ไม่รังเกียจเลยค่ะ ดิฉันพร้อมจะดูแลพี่ดลนะคะ"
สิริรัตน์พูดจบก็ย่อต่อลงไปข้างๆ ชายหนุ่ม พร้อมดึงมือชายหนุ่มมากุมไว้ ใครต่อใครก็พากันทราบซึ้งกับท่าทางของหญิงสาวที่รักและไม่รังเกียจแม้ชายหนุ่มจะพิการ มีแต่นพดลเท่านั้นที่ไม่ได้ทราบซึ้งอะไรเลย
"ซึ้งจังเลยนะครับ เอาล่ะครับคำถามต่อไปนะครับ แล้ว...เอ่อ....คือ....เอ่อ..."
พิธีกรอ้ำอึ่งๆ ไม่ยอมอ่านคำอ่านคำถาม แขกในงานก็ต่างพากันลุ้นกับคำถามอะไรที่ทำให้พิธีกรเสียอาการเช่นนี้นพดลจึงได้เอ่ยให้พิธีกรถามคำถามต่อไป
"ถามต่อเลยครับคุณพิธีกร จะได้ไม่เสียเวลา ผมกลัวเลยฤกษ์เข้าหอน่ะครับ หึหึ"
"ฮ่าๆ ...ครับใจร้อนจังเลยนะครับเจ้าบ่าวของเรา"
แขกที่มาในงานต่างก็พากัน ขำกับมุกตลกที่เจ้าบ่าวเอ่ยออกมา ทำให้บรรยากาศกลับดีอีกครั้ง
"ครับ คำถาม.ถามว่า ถ้าคุณน้ำฝนรักเจ้าบ่าวจริงไม่ได้รักแค่ทรัพย์สมบัติของเจ้าบ่าว แล้วเหตุใดคุณน้ำฝนถึงได้คบซ้อน ที่คุณดลประสบอุบัติเหตุ เพราะเสียใจที่เจอคุณน้ำฝนระเริงรักกับชายชู้ในห้องจริงไหมครับ"
เสียงฮือฮาขึ้นมาทันที ที่พิธีกรถามคำถามจบ มุมปากนพดลกระตุกเป็นรอยยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ผิดกับเจ้าสาวที่หน้าซีดลงไปทุกที
"ไม่จริง...ไม่จริงนะคะ...คุณแม่...คุณแม่คะ"
??? พี่ดลมันร้าย นี้แค่เริ่มต้นนะ
ต่อไปน่ะของจริง แต่จะลงถูกคนไหมแค่นั้นเอ๊งงงงง
ขอ 1 เม้น 1 ไลค์ 1 หัวใจ ให้ด้วยนะคะ
