บทที่ ๙ (เจอกันจนได้)
บทที่ ๙
(เจอกันจนได้)
เกิดความวุ่นวายขึ้นมาทันทีหลังจบคำถามจากพิธีกร เจ้าสาวคนสวยเริ่มสติแตก นารีรัตน์รีบวิ่งขึ้นไปบนเวที เธอดึงบุตรสาวมาหลบด้านหลัง ปกรณ์เองก็รีบเดินไปประกบพี่ชายตนเองเหมือนกัน
"คำถามบ้าๆ ถามคำถามแบบนี้มาเป็นพิธีกรได้ยังไง ฉันจะฟ้องแกคอยดู"
"ผม..เอ่อ...ผม...."
"อย่าไปว่าพิธีกรเลยครับคุณอารัตน์...คุณพิธีกรเขาก็แค่ทำตามหน้าที่ ถ้าเจ้าสาวคนสวยของผมไม่ได้เป็นอย่างคำถามก็แค่ตอบมาเท่านั้นเอง...แต่ท่าทางร้อนตัวแบบนี้หรือจะเป็นอย่างนั้นจริงล่ะครับ"
"ตาดล นี้มันจะมากไปแล้วนะ"
นารีรัตน์หันไปเข่นเขี้ยวใส่ว่าที่ลูกเขย แขกเหรื่อในงานต่างก็พากันควักโทรศัพท์มาอัดคลิปการปะทะกันเบาๆ บนเวทีให้วุ่น พรุ่งนี้รับรองกระฉ่อนทั่วโซเชี่ยวแน่ๆ
"เอาเถอะครับ ถ้าเจ้าสาวคนสวยของผมไม่อยากตอบคำถาม ผมก็ขอข้ามขั้นตอนไปเข้าหอเลยละกันนะครับ..ขอโทษแขกผู้มีเกรียติ์ทุกท่านด้วยนะครับ เชิญทานกันต่อได้เลยนะครับ"
นพดลส่งสัญญาณให้ปกกรณ์เข็นตนลงจากเวที นวพล จงจิตต์ และกนก ยืนรอหน้าเครียดอยู่แล้วที่ข้างเวที
"นี่มันเรื่องอะไรกับตาดล"
"จิตต์ว่าคุณกนก ลองถามลูกสาวคุณกนกดีกว่านะคะ "
คุณจงจิตต์บุ้ยปากให้บิดาของเจ้าสาวหันไปถามลูกสาวตนเองดีกว่าจะมาถามเอากับลูกชายตนเช่นนี้
" ยัยฝนลูกทำแบบที่พิธีกรถามจริงรึป่าว"
"คุณพี่!!! ..นี้จะบ้าไปกันใหญ่ไอ่พิธีกรมันต้องการจะแกล้งเรานะคะ แทนที่คุณพี่จะรีบไปเอาเรื่องมันกลับมาคาดคั้นเอากับลูก"
"ชั่งเถอะครับคุณอากนก ผมไม่อยากรู้อะไรแล้ว ผมกับน้ำฝนขอตัวเข้าห้องหอกันเลยนะครับ ผมอยากพักแล้ว"
บิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งพากันมาส่งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวในห้อง ทั้งสองต้องทำพิธีการส่งตัวอีกเล็กน้อยแล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี
"ดล อาฝากน้องด้วยนะลูกมีอะไรก็ค่อยๆ คุยกันนะ...ฝนพ่อหวังว่าฝนจะดูแลพี่เขาอย่างดี พ่อเชื่อว่าตาดลจะต้องหายแน่นอน หนักแน่นเข้าไว้นะลูก"
"ครับ/ค่ะ"
"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุข อยู่กันร่มเย็นเป็นสุขนะลูกนะ"
"ครับพ่อ/ค่ะ"
"ได้เวลาส่งตัวเข้าหอแล้วค่ะ พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะให้เด็กๆ อยู่ด้วยกัน เดี๋ยวเราต้องช่วยกันรับแขกแทนบ่าวสาวอีกนะคะ"
"คุณแม่..รีบมานะคะฝนขยะแขยงไอง่อยนี้จะตายแล้ว แหวะ"
"ชู่วว...เบาๆ สิยัยฝน แกเตรียมตัวละกัน แม่พาพวกนี้ลงไปข้างล่างก่อนแล้วแม่จะรีบมา"
นารีรัตน์รีบพาทุกคนออกมาจากห้อง เธอส่งสายตาให้บุตรสาวเป็นอันว่ารู้กันแค่สองคน ขบวนผู้ใหญ่ทั้งหมดไม่ได้มีใครสงสัยอะไร ต่างก็พากันลงมาข้างล่างตามที่นารีรัตน์ชวน เมื่อปลอดผู้คนนารีรัตน์จึงปลีกตัวออกมาเพื่อทำตามแผนที่ตัวเองวางไว้
"ยัยน้ำฟ้า...ไปได้แล้วเร็วเข้า"
"คุณแม่คะ...คุณแม่จะให้ฟ้าแต่งงานแทนพี่ฝนจริง ๆ หรอคะ..แล้วคุณดลจะจับไม่ได้หรอคะ"
"เรื่องนั้นฟ้าไม่ต้อง รีบตามมาเถอะ อย่าพิรุธให้เขาจับได้ก็พอ เข้าใจไหม"
"เข้าใจค่ะ
นารีรัตน์รีบมาหาหญิงสาวอีกคน ที่แต่งชุดเจ้าสาวแบบเดียวกันกับที่เจ้าสาวตัวจริงที่อยู่ในห้อง นารีรัตน์เตรียมการทุกอย่าง วางแผนแยกบ้านให้คู่แต่งงานใหม่ได้อยู่ด้วยกัน จะผิดแผนสักหน่อยก็ตรงพยาบาลที่ตนต้องเป็นคนจัดหาคนของตนมาอยู่ด้วย แต่กลับกลายเป็นทางฝั่งเจ้าบ่าวจัดการไปเสียได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวลมาก ถึงอย่างไร สิริรัตน์ กับ ฟ้าระดา ก็มีรูปร่างและหน้าตาละม้ายคล้ายกันแทบจะเหมือนฝาแฝด จับมาแต่งเนื่อแต่งตัวโทนเดียวกับสิริรัตน์ยังไงก็ไม่มีใครแยกออก นอกจาก กนก ไว้สักคน ยิ่งเจ้าบ่าวตาบอดยิ่งไม่ต้องกังวล
"...ยัยฟ้า..มานี้สิแม่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย"
"ค่ะ..คุณแม่มีอะไรจะคุยกับฟ้าหรอคะ"
"เราจะไปเรียนทำขนมที่ญี่ปุ่นเมื่อไร"
"หลังงานแต่งของพี่ฝนค่ะคุณแม่"
"อืม..แม่จะขออะไรฟ้าหน่อยน่ะลูก ฟ้ารับปากแม่สิว่าจะช่วยแม่"
"ค่ะ..ถ้าฟ้าช่วยได้ฟ้าต้องช่วยแน่นอนค่ะ"
"ฟ้าก็รู้ใช่ไหมว่าพี่ฝนกับพี่พัทเป็นแฟน"
"ผู้ชายที่มาหาพี่ฝนบ่อยๆ ใช่ไหมคะ ฟ้าไม่รู้จักหรอกก็คุณแม่ไม่ชอบให้ฟ้ามาวุ่นวายนี่คะ"
"ยัยฟ้า!!! เฮ้อ"
นารีรัตน์เข่นเขี้ยวในใจ ยัยเด็กบ้านี้จะมายอกย้อนอีกหรือไง ไอเรื่องที่จะฟังเฉยๆ นี้ไม่ได้เลยใช่ไหม แต่เอาเถอะทนหน่อยรัตน์เอ้ย ต้องหว่านล้อมให้มันตายใจ
"เอาเถอะ...แม่จะบอกความจริงกับฟ้านะลูก พี่ฝนกับพี่พัทเขาเป็นแฟนกัน พี่ฝนกำลังตั้งท้องอยู่ แต่คุณพ่อไม่ยอมท่านไปรับปากทางฝั่งบ้านคุณนวพลไว้ว่าจะให้ยัยฝนแต่งงาน ยัยฝนทุกข์มาก ฟ้าแม่ขอถือว่าเห็นแก่หลาน เห็นแก่แม่ ค่าน้ำนมที่แม่เลี้ยงดูฟ้ามา ฟ้าแต่งแทนพี่ฝนได้ไหมลูก "
"แต่..ว่า..ให้คุณพ่อยกเลิกงานแต่งไม่ได้หรอคะ ในเมื่อพี่ฝนท้องกับพี่พัทแบบนี่"
"ไม่ได้นะสิฟ้า..เรารับค่าสินสอดเขามาแล้วตั้ง 200 ล้านก็เงินที่จะให้ฟ้าไปเรียนญี่ปุ่นนั้นแหละ"
"แต่ว่า..."
"ฟ้าแม่มีลูกสาวสองคน แม่ย่อมรักและห่วงลูกเท่ากันอยู่แล้ว ใจจริงแม่ไม่อยากให้ฟ้าเสียสละตัวเองแบบนี้ นี่แม่ก็ตีพี่ฝนไปจนช้ำหมดแล้ว แม่กลุ้มใจจริงๆ นะ จะบอกคุณพ่อก็ไม่ได้ ถ้าคุณพ่อรู้พี่ฝนต้องตายแน่ๆ เลย แต่ถ้าฟ้าไม่รักแม่ ไม่รักหลานก็ไปเรียนต่อเถอะลูก แม่ก็ไม่บังคับฮื้อๆๆ ลูกสองคนก็ไม่ได้ดั่งใจสักคน นี่ถ้าแม่แต่งแทนได้ แม่ทำไปแล้ว ไอเรื่องจะไปย้อมแมวบอกว่ายัยฝนท้องกับตาดลก็ไม่ได้ เพราะตาดลเป็นอัมพฤกษ์ช่วงล่าง หมดสมรรถภาพทางเพศไปหมดแล้วฮื้อๆๆ "
"แม่ไม่ต้องร้องนะคะ ฟ้าต้องทำยังไงบ้างคะ"
"ฟ้าตกลงจะช่วยพี่ฝนหรอลูก"
"ค่ะแม่ ฟ้าจะช่วย แต่แม่อย่าร้องเลยนะคะ"
"ขอบใจนะฟ้า หนูเป็นเด็กดีจริงๆ แม่รักลูกนะ "
"ฟ้าก็รักแม่ค่ะ ฟ้าขอกอดแม่ได้ไหมคะ "
"ได้สิลูก "
อ้อมกอดของมารดาเป็นสิ่งที่ฟ้าระดาโหยหามาตลอด มารดากอดเธอไม่บ่อยนักนับครั้งได้เลย นารีรัตน์กอดหญิงสาวไว้สักครู่แล้วจึงผลักออก
"คุณแม่คะ แล้วพี่ดลจะจับไม่ได้ใช่ไหมคะ"
"ไม่ได้หรอกลูก ตาดลตาบอดน่ะ แล้วฟ้าก็ทำตามที่แม่บอกนะ"
นารีรัตน์พาหญิงสาวมาที่าหน้าห้องหอ เธอกำชับฟ้าระดาอีกรอบ ให้ทำตามแผนที่วางไว้ มาอย่างกนกไม่รู้เลย เขาคิดว่าฟ้าระดาบินไปญี่ปุ่นก่อนเวลาเพื่อเรียนภาษา แต่ที่ไหนได้ฟ้าระดากลับต้องมารับหน้าที่เป็นเจ้าสาวตัวแทนอยู่ตรงนี้
ก๊อกๆๆ
"ใครมาเคาะห้องหน่ะ น้ำฝน"
"อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฝนสั่งแชมเปนมาฉลองกับพี่ดลน่ะค่ะ เมื่อกี้เกิดเรื่องซะก่อน เดี๋ยวฝนขอตัวไปเปิดประตูก่อนนะคะ"
นพดลพยักหน้าให้ภรรยาสาว ก็ในเมื่อหญิงสาวจรดปลายปากกาเซ็นต์ในใบทะเบียนสมรสแล้วก็ต้องเป็นภรรยาเขาสิจริงไหมละ
"ยัยฝน แม่กับน้องมาแล้ว"
"มาแล้วก็มาเปลี่ยนตัวกับฉันเลยยืนบื้ออยู่ได้"
"ยัยฝน..พูดกับน้องดีๆ สิลูก เข้าไปเร็วเถอะยัยฟ้าลูก อย่าถือพี่ฝนเลยคนท้องก็งี้ อารมณ์แปรปวน ..โชคดีนะลูก "
"ค่ะคุณแม่"
นารีรัตน์ดึงฟ้าระดามากอดอีกครั้ง เพื่อความสมจริง ก่อนจะดันหญิงสาวเข้าไปในห้องพร้อมกับขวดแชมเปญ เจ้าสาวตัวจริงจึงได้รีบหนีออกไปจากตรงนั้นอย่างเร่งด่วนฟ้าระดาหมุนตัวหันไปมองหน้าเจ้าบ่าวของพี่สาว หญิงสาวตกตะลึง จนหายใจผิดจังหวะ หัวใจที่สงบเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
"นี่คุณ...."
"อืม...คุณอะไรเรียกแล้วเงียบหมายความว่าไง แล้วได้แล้วหรอแชมเปญของคุณน่ะ"
"ดะ..ได้แล้วค่ะ คุณ..เอ้ยพี่ดลจะรับด้วยไหมคะ"
"อืมสักนิดก็ได้"
