บทที่ ๖ (พิการ)
บทที่ ๖
(พิการ)
"ตาดล...ตาดลลูกเป็นอย่างไรบ้างเจ็บปวดตรงใหนบ้างลูก"
"..........."
"ตาดล..ดะ...ได้ยินแม่ไหมลูก"
"ครับ....คุณแม่....คุณแม่หรือครับ"
"ใช่จ๊ะลูก....แม่เองตาดลเป็นอย่างไรบ้าง"
"ผะ...ผม...ผมมองไม่เห็นอะไรเลยครับ...แม่ครับขาผม...ผมไม่รู้สึกอะไรเลย"
"คุณพระ....เดี๋ยวแม่ตามหมอให้นะลูก...คุณพลตามหมอทีค่ะ"
"ครับได้ๆ "
หลังเกิดอุบัติเหตุนพดลหลับไปนานถึง 7 วัน นวพลกับจงจิตต์เฝ้าบุตรชายตนเองไม่ห่าง ปกรณ์เองก็มาเปลี่ยนกับคุณลุงคุณป้าบ้าง อาการของนพดลสาหัสมาก ถ้ามาถึงมือหมอช้ากว่านี้จงจิตต์ไม่อยากจะคิดว่าลูกชายตนจะเป็นอย่างไร
"เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ ลูกชายผมทำไมมองไม่เห็นและขาก็ไม่รู้สึก"
"กระจกที่แตกจากหน้ารถอาจจะกระเด็นเข้าตาทำให้บาดกระตกตา คนไข้มีสภาวะตาบอดนะครับ แต่ไม่ต้องกังวลสามารถผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาก็ทำให้กลับมามองเห็นได้เหมือนเดิมครับ ส่วนที่ขา เนื่องจากแรงอัดกระแทก คนไข้อัดติดในซากรถเป็นเวลานานทำให้เส้นประสาทเสียหาย เป็นสภาวะอัมพฤกษ์ชั่วคราว แต่ไม่ต้องกังวลนะครับเราสามารถทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอและถูกวิธีก็จะกลับมาเดินได้เหมือนเดิม ที่สมองมีการกระทบกระเทือนนิดหน่อยอาจจะทำให้เสียความทรงจำในระยะสั้นๆ ส่วนที่อื่นๆ ก็ไม่มีอะไรน่าห่วงครับ"
"ผมกลายเป็นคนพิการไปแล้วหรอครับหมอ"
"ไม่ใช่พิการถาวรหรอกนะครับ หมอบอกแล้วไงว่าคุณสามารถหายได้ ตอนนี้หมอทำเรื่องขอรับบริจาคกระจกตาให้แล้ว ไม่ต้องกังวลนะครับ ส่วนที่ขาก็เป็นสภาวะอัมพฤกษ์ชั่วคราวเท่านั่นเองยังไงคนไข้ก็ต้องหายแน่นอน"
"ฉะ...ฉันจะเป็นลม..แฮกๆๆ "
"คุณ..คุณจิต...หมอครับ"
"อุ้มไปนอนที่โซฟาก่อนครับ / คุณพยาบาลครับของแอมโมเนียให้คนเป็นลมด้วยครับ"
นพดลนั่งนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ หนุ่มไม่เคยรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าเท่านี้มาก่อนเลย คุณแม่เองก็คงรับไม่ได้ถึงกับเป็นลมไปเลย ถ้าเขาไม่หายล่ะชีวิตที่เหลืออยู่จะเป็นอย่างไร คุณพ่อกับคุณแม่ก็ต้องมาลำบากเพราะเขา ใหนจะงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขาอีกล่ะ ไม่พ้นคุณพ่อต้องกลับไปบริหารเองต่อ คงต้องพึ่งปกรณ์ให้ช่วยงานคัณพ่อไปก่อนสักพักแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าสักพักน่ะ มันจะสิ้นสุดลงเมื่อไร หรืออาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็เป็นได้
"ผมขอโทษนะครับ ที่ทำให้มันเป็นแบบนี้"
"อย่าคิดมากเลยนะตาดล รักษาตัวให้หายเรื่องอื่นๆ พ่อจัดการเอง ไม่มีใครอยากให้อุบัติเหตุแบบนี้มันเกิดขึ้นหรอกลูก แต่ในเมื่อวันเกิดขึ้นแล้วเราก็ต้องยอมรับ ทำใจให้สบาย คิดบวกเข้าไว้นะลูก ดลต้องหาย"
"ถ้าผมไม่ประมาท ไม่เมาแล้วขับก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้ มีคนที่เขาไม่รู้เรื่องขับรถมาดีๆ ต้องมาชนไปกับผม พ่ออย่าลืมไปเยียวยาเขาด้วยนะครับ"
"ได้ลูก...พ่อจะจัดการให้นะ ดลรักษาตัวเองให้ดีก็พอ"
อีกด้านหนึ่งของหน้าห้องพัก สิริรัตน์ที่กำลังจะเข้ามาเยี่ยมคู่หมั้นหนุ่มเธอได้ยินทุกคำที่คุณหมอพูดทุกอย่าง หญิงสาวยืนลังเลไม่อยากจะเข้าไปถ้านพดลไม่หายล่ะ ไม่ใช่ว่าเธอต้องทนใช้ชีวิตกับคนพิการไปตลอดชีวิตหรอกหรอก ยี๋!!! ไม่เอาด้วยหรอก หญิงสาวเบ้ปากอย่างรังเกียจ เตรียมหมุนตัวจะเดินกลับไป แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง เมื่อมารดาและบิดาตนเองขับรถไปจอดเสร็จแล้วจึงเดินมาขึ้นมาได้ทัน
"อ้าวจะไปไหนลูกน้ำฝน ยังไม่เข้าไปเยี่ยมพี่เขาอีกล่ะลูก"
"แม่คะ ฝนไม่อยากไปแล้วค่ะ เมื่อคุณหมอบอกว่าพี่ดลพิการตาบอด แถมช่วงล่างยังใช้งานไม่ได้อีก ต้องนอนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้ ฝนไม่เอาด้วยนะ"
"ตายจริง..งั้นเราก็ไปบอกยกเลิกหมั้นดีไหม เดือนหน้าก็ไม่ต้องแต่งกันแล้ว จะเอาอนาคตลูกมาทิ้งไว้แบบนี้ไม่ได้"
"จะทำอย่างนั้นได้อย่างไรคุณ ยัยน้ำฝน สินสอดทองหมั้นมีไปคืนเขาหรอ คุณสองคนแม่ลูกถลุงกันจนหมด ไหนจะค่าปรับที่เป็นฝ่ายถอดหมั้นอีกล่ะ ผมไม่ช่วยนะบอกก่อน แล้วไอ่การที่พอเขาเจ็บแล้วจะทิ้งเขาเลยนี้ มันทุเรศ.... แล้วสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้เพราะลูกสาวคุณทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง.."
"เอ๊ะ!!!! ..คุณกนกแล้วยัยน้ำฝนไม่ใช่ลูกสาวคุณหรือไง หรือว่ามีแค่ นาง..."
"คุณรัตน์"
กนกบิดาของสิริรัตน์และฟ้าระดาเบรกนารีรัตน์ที่เริ่มจะพูดจาเลอะเทอะไม่เข้าหู นารีรัตน์ได้แต่หึดฟัดไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้เพราะเกรงว่าสามีตนเองจะไม่พอใจแล้วไม่เลี้ยงดูตนเองกับลูก
ก๊อกๆๆๆๆ
"เชิญครับ"
"สวัสดีครับ คุณพล คุณจิต "
"สวัสดีครับคุณกนก คุณรัตน์ เชิญนั่งก่อนครับ"
"นพดลเป็นอย่างไรบ้างครับ หมอว่าไงบ้างดล"
"แย่ครับคุณอากนก ผมอาจจะพิการ"
"ตายจริง จริงหรือคะคุณจิต แล้วงานแต่งงานเดือนหน้าจะยกเลิกไปใช่ไหมคะ ตาดลอาจจะพิการแบบนี้"
"ไม่ต้องยกเลิกหรอกครับคุณ น้ำฝนขอโอกาสพี่เริ่มต้นใหม่ไม่ใช่หรอ งั้นก็ดีเลยแต่งงานกันเดือนหน้าน้ำฝนก็จะได้มีโอกาสดูแลพี่ให้เต็มที่เลยไง พี่ให้โอกาสน้ำฝน"
"แต่ฝนว่ารอให้พี่ดล หายดีก่อนดีไหมคะ ตอนนี้ก็จ้างพยาบาลพิเศษไปคอยดูแลไปก่อน"
"พูดแบบนี้น้ำฝนคงไม่ได้รังเกียจที่พี่พิการหรอกใช่ไหม หรือว่ารักเกียจจริงๆ "
"ไม่ใช่หรอกตาดล ถ้าตาดลยืนยันอาก็จะจัดงานแต่งงานให้ตามเดิม "
"ครับผมยืน ขอให้ฝั่งอากนกรักษาคำพูดด้วยนะครับ"
"ได้!!!! อารับปาก"
นพดลยืนยันเสียงแข็ง คนที่มีส่วนทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพนี้ต้องชดใช้ ในเมื่ออยากขอโอกาสจากเขา เขาก็จะให้อย่างสาสม ชนิดที่ต้องจำจนตายเลย
ส่วนสองแม่ลูกได้แต่มองหน้ากันอย่างปลงไม่ตก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ในเมื่อหัวเรือใหญ่ของบ้านได้ตอบตกลงไปแล้ว นางคอยคิดหาวิธีจัดการทีหลัง มารดาของนพดลไม่เห็นด้วยกับการที่นพดลจะแต่งงานกับสิริรัตน์ในเดือนหน้า เป็นแค่คู่หมั่นนางก็ฝืนใจเต็มทีเลย นี้จะดองกันจริงๆ นางได้อกแตกตาย แล้วดูก็รู้ว่าแม่คู่หมั้นพราวเสน่ห์ไม่ได้อยากได้ลูกชายของตนแล้ว ออกจะรังเกียจด้วยซ้ำไป เมื่อเยี่ยมเยียนกันเสร็จแล้ว สิริรัตน์จึงได้ขอตัวลาพาพิดามารดาของตนกลับบ้าน ตลอดทางหญิงสาวนั่งไม่ติดคิดหาทางออกตลอดเวลา
"ตาดล..คิดดูอีกทีเถอะลูกเรื่องแต่งงานน่ะ...แม่ว่า...."
"ผมคิดดีแล้วครับ ขอให้พ่อกับแม่เคารพในการตัดสินใจของผมด้วย"
"แต่แม่ว่า...."
"คุณจิตต์...เรื่องนี้ปล่อยให้ลูกตัดสินใจเองเถอะปลูกเรือนมันต้องตามใจผู้อยู่ เราไม่ได้อยู่กับลูกตลอดนะคุณ"
"เฮ้อ!!!! .....ฉันห้ามอะไรไม่ได้แล้วอย่างนั้นสิ แม่ห้ามดลไม่ได้ใช่ไหมลูก"
"ผมขอเถอะนะครับ คุณแม่ไว้ใจผมนะ"
"เอาเถอะจ๊ะ..ความสุขลูกนี้หน่า..แม่ยอมแล้ว"
"ขอบคุณครับ ผมรักแม่นะ"
??? พี่ดลคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ขอคอมเม้นต์หน่อยค่ะ กดไลค์ กดติดตาม ใครใจดีโดเนทให้ได้นะ
