ตอนที่ 6 :: ยุงตัวใหญ่
ตอนที่ 6
ยุงตัวใหญ่
"ไปได้แล้วค่ะ ไฟเขียวแล้ว" ชลธิชารีบบอกเมื่อไฟเขียวข้างหน้าปรากฏขึ้น ซึ่งมันเปรียบเสมือนระฆังช่วยชีวิตที่ทำให้ภาคินเลิกมองเธอสักที
"คุณโสดมานานแล้วเหรอครับ" ขับออกมาได้ไม่นานร่างหนาข้างกายก็ถามขึ้นอีก
"ค่ะ ฉันไม่เคยมีแฟน"
"เหมือนผมเลยครับ ผมก็ไม่เคยมีแฟน นี่ถ้าเราเป็นแฟนกันเราก็จะเป็นแฟนคนแรกของกันและกันเลยนะครับเนี่ย เพราะงั้นมาเป็นแฟนกันเลยดีไหมครับ" ว่าแล้วก็หันมามองเธออีกครั้งพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"ไม่ค่ะ คุณขับรถไปดี ๆ สิคะ เอาแต่มองฉันเดี๋ยวก็เกิดอุบัติเหตุกันพอดี" ชลธิชารีบส่ายหน้าจนทำให้เขาต้องหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน
"โธ่ ก็คุณน่ามองผมก็ต้องมองสิครับ ว่าแต่คุณตอบได้เย็นชามากเลยนะ เมื่อไหร่จะเลิกใจร้ายแล้วรับรักผมสักที"
"นี่คุณ คุณเพิ่งขอจีบฉันนะคะ แล้วเราสองคนก็เพิ่งรู้จักกัน เรายังไม่รู้จักกันดีพอเลยด้วยซ้ำ"
"ขนาดเพิ่งรู้จักแต่คุณก็ทำให้ผมสนใจได้แล้ว ผมเชื่อว่าต่อไปผมต้องยิ่งชอบคุณมากขึ้นแน่นอนครับ"
"เฮ้อ คุณนี่รักคนง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ" ชลธิชาเริ่มถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
"ทีแรกผมก็ไม่คิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้หรอกครับ คุณรู้ไหมว่าผมตามหาใครสักคนที่ผมจะรู้สึกแบบนี้ด้วยมานานมาก ๆ แต่ผมก็ไม่เคยเจอ จนอยู่ ๆ ก็มาเจอคุณ ภาพที่คุณซัดกำปั้นใส่ไอ้หมอนั่นยังชัดแจ๋วอยู่ในหัวผมอยู่เลย" ว่าพลางกำมือข้างหนึ่งแล้วทำท่าชกแก้มตัวเอง
"..."
"ผมเชื่อแล้วว่าการตกหลุมรักใครสักคนนี่มันง่ายดายจริง ๆ"
"แต่การได้สมหวังกับคนที่เราตกหลุมรักบางทีมันก็ไม่ง่ายนะคะ" ชลธิชารียสวนกลับด้วยน้ำเสียงและใบหน้าราบเรียบ
"โอ้โห ช็อตฟีลผมหนักมาก คุณนี่มันจิตใจแข็งกระด้างจริง ๆ เลยนะ รู้ตัวรึเปล่าครับ" ภาคินทำหน้าอึ้ง ๆ พลางยกมือข้างที่กำไว้เมื่อครู่มาทุบเบา ๆ ที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง
"ฉันก็แค่พูดไปตามสิ่งที่ตัวเองคิดค่ะ"
"ช่างเถอะครับ ผมไม่สนหรอก เพราะต่อให้หัวใจคุณจะแข็งกระด้างเหมือนหินผา ผมก็จะเอาค้อนกับไม้หน้าสามมาทุบ ๆ แล้วมุดเข้าไปอยู่ในหัวใจคุณให้ได้" คราวนี้มือที่ทุบอกตัวเองเมื่อครู่หันมาทุบ ๆ กลางอากาศเพื่อเป็นการสาธิตให้หญิงสาวดู
"คุณจะบ้าเหรอคะ" ชลธิชาหลุดขำออกมาเพราะคำพูดของเขาที่มันเว่อร์วังได้ขนาดนี้
"หึ ไม่บ้าหรอกครับ อย่างน้อยผมก็ทำให้คุณหัวเราะได้แล้ว อีกหน่อยเดี๋ยวคุณก็รักผมเองแหละ" ภาคินยักไหล่พร้อมกับยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ทำเอาชลธิชาถอนหายใจออกมาให้กับความหลงตัวเองของเขา
"คุณบอกว่าฉันเป็นคนจิตใจแข็งกระด้างใช่ไหมคะ แต่คุณรู้ตัวไหมว่าตัวเองก็เป็นคนหลงตัวเองเหมือนกัน"
"อื้ม พอรู้ครับ แต่นอกจากผมจะหลงตัวเองแล้ว ต่อไปผมก็จะทำให้คุณหลงด้วยนะ" ว่าแล้วก็ยักคิ้วกวน ๆ ส่งให้เธอ ชลธิชาเลยทำได้แค่ถอนหายใจออกมาอย่างปลง ๆ เท่านั้นเพราะเธอขี้เกียจพูดกับเขาแล้ว
เวลาต่อมา
"จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่มาส่ง" พอมาถึงประตูรั้วบ้านของตัวเองชลธิชาก็บอกให้เขาจอดทันที
"จะไม่ชวนผมเข้าไปข้างในหน่อยเหรอครับ ผมหิวน้ำนะ คอแห้งจะแย่แล้วเนี่ย" ภาคินรีบดัดเสียงอ้อนเธอ สายตาคู่คมก็กะพริบปริบ ๆ เพื่อเรียกคะแนนความสงสาร
"แน่ใจนะคะว่าหิวน้ำจริง ๆ"
"ถ้าผมบอกว่าหิวคุณคุณจะยอมให้ผมกินไหมล่ะครับ"
"นี่คุณ!" ชลธิชารีบถลึงตาใส่เขา
"หึ ๆ"
"เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งที่มาส่ง"
"เดี๋ยวสิครับ ผมอยากเข้าไปในบ้านคุณจริง ๆ นะ ผมอยากไปเจอแม่คุณ อยากไปทำความรู้จักกับท่าน ท่านจะได้รู้ว่าผมจริงจังกับคุณจริง ๆ ผมไม่ได้จะจีบคุณเล่น ๆ"
"แต่ฉัน..."
"นะ ๆ ให้ผมเข้าไปนะครับ" ชลธิชายังพูดไม่จบภาคินก็รีบอ้อนเธออีก สุดท้ายหญิงสาวเลยถอนหายใจแล้วตอบตกลงไปอย่างไม่เต็มใจนัก
"งั้นก็เชิญค่ะ แต่อย่าเข้าไปพูดอะไรสองแง่สองง่ามให้แม่ฉันได้ยินนะคะ"
"หึ ๆ ได้ครับ ขอบคุณนะ" พอได้คำตอบที่น่าพึงพอใจร่างสูงก็ฉีกยิ้มร่าทันที ก่อนจะรีบลงจากรถแล้วเดินตามเธอเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
"กลับมาแล้วค่ะแม่" ชลธิชาเปิดประตูเข้าบ้านแล้วบอกผู้เป็นแม่ที่ยังคงนั่งฟังวิทยุอยู่บนวีลแชร์เหมือนเดิม
"ทำไมมาเร็วจังเลยล่ะลูก อ้าว แล้วนั่น..."
"สวัสดีครับคุณแม่ ผมภาคินครับ เป็น..."
"เป็นเจ้านายหนูเองค่ะ คุณคินเขารับหนูเข้าทำงานแล้ว" ภาคินยังพูดไม่ทันจบชลธิชาก็รีบแทรกขึ้นก่อน เพราะเธอไม่อยากให้เขาพูดอะไรไปมากกว่าการแนะนำชื่อธรรมดา
"จริงเหรอ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่รับลูกสาวดิฉันเข้าทำงาน" คนเป็นแม่ได้ยินแบบนั้นก็รีบยกมือไหว้เขาทันที
"อย่าไหว้เลยครับคุณแม่ เดี๋ยวผมอายุสั้นนะ ผมยินดีรับลูกสาวคุณแม่เข้าทำงานอยู่แล้วครับ ยินดีตั้งแต่แรกเลย เพราะว่าผมชอ...โอ๊ย!" ยังพูดไม่ทันจบประโยคภาคินก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บทันที เพราะร่างสมส่วนที่ยืนอยู่ข้างเขาจู่ ๆ ก็หยิกหลังเขาสุดแรง
"เป็นอะไรเหรอคะ มีอะไรกัดเหรอ" คนอาวุโสสุดรีบถามด้วยความเป็นห่วง ทั้งที่ความจริงแล้วลูกสาวของเธอต่างหากที่กัด(หยิก)เขา
"เอ่อ...สงสัยจะเป็นยุงครับ น่าจะยุงตัวใหญ่เลย อย่าให้เห็นตัวนะ ถ้าเห็นแล้วผมจะจับมาไว้ในกำมือแล้วขย้ำ เอ๊ย ขยำให้แหลกคามือเลย" ภาคินรีบเปลี่ยนไปเรื่องอื่น ทว่าคำพูดคำจากับสายตากลับเจ้าเล่ห์แบบที่ชลธิชาสัมผัสได้
เขานี่มัน! บอกแล้วไงว่าอย่าเข้ามาพูดจาสองแง่สองง่ามให้แม่เธอได้ยิน
"อ้าวเหรอ ถ้าอย่างนั้นเม็ดฝนไปจุดยากันยุงหน่อยสิลูก ยุงชุมเดี๋ยวจะเป็นไข้เลือดออกเอานะ" คนเป็นแม่รีบบอกลูกสาวด้วยความที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเช่นเดิม ชลธิชาเลยต้องตามน้ำไปด้วยการเดินไปหยิบเอายากันยุงออกมาจุด ขณะที่ภาคินนั้นเอาแต่แอบขำเธออยู่คนเดียว
"คุณกลับได้แล้วนะคะ อยู่ที่นี่นานเดี๋ยวเป็นไข้เลือดออก" จุดยากันยุงเสร็จชลธิชาก็รีบไล่คนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงข้ามกับแม่เธอทันที
"หึ ๆ ก็ได้ครับ แต่คุณเดินออกไปส่งผมหน่อยสิ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องต้องบอกคุณ" ภาคินหันมาบอกเธอด้วยน้ำเสียงโทนปกติ หากแต่รอยยิ้มกลับมีเลศนัยจนชลธิชาสัมผัสได้ว่าเขาไม่ได้มีเรื่องอะไร ทว่าแค่หาวิธีให้เธอเดินไปส่งก็แค่นั้น
"งั้นก็ไปสิคะ" แม้จะอยากปฏิเสธแต่เมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่มองอยู่ชลธิชาเลยรีบตอบตกลงแบบไม่เต็มใจนัก แค่นั้นก็ทำให้ร่างสูงยิ้มพออกพอใจแล้ว
"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณแม่"
"ค่ะ ขับรถดี ๆ นะคะ" หญิงวัยกลางคนส่งยิ้มใจดีให้เมื่อเจ้านายของลูกสาวเอ่ยลาพร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่ชายหญิงทั้งสองจะเดินตามหลังกันออกไปยังหน้าประตูรั้วบ้าน
"คุณมีอะไรอีกคะ รีบพูดมาเลยดีกว่า" ชลธิชารีบเปิดประเด็นทันทีที่แน่ใจว่าผู้เป็นแม่จะไม่ได้ยิน
"หึ ๆ ใจร้อนจังเลยนะครับ แต่จะเรื่องอะไรล่ะ ใครกันที่หยิกหลังผมไม่ให้พูดว่าผมชอบคุณและกำลังจีบคุณอยู่ให้แม่คุณรู้"
"แล้วจะบอกทำไมคะ คุณจีบฉันไม่ได้จีบแม่ฉันสักหน่อย"
"ก็ผมอยากแสดงความจริงใจให้คุณเห็นไงครับ ว่าผมจริงจังกับคุณจริง ๆ ผมไม่ได้พูดเล่น"
"ถ้างั้นก็จีบฉันให้ติดก่อนเถอะค่ะแล้วค่อยคิดเรื่องอื่น" ชลธิชาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย เพราะเธอมั่นใจว่ายังไงภาคินก็ไม่มีทางทำได้ เพราะหัวใจของเธอมันแข็งกระด้างและไม่อยากรักผู้ชายคนไหนอีกแล้ว ขนาดผู้ชายที่เธอรักมากที่สุดอย่างพ่อ ยังทรยศความรักของเธอกับแม่ไปมีผู้หญิงคนอื่นได้เลย
