ตอนที่ 7 :: แค่นี้ก็เอา
ตอนที่ 7
แค่นี้ก็เอา
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกครับ คุณน่ะ ระวังหัวใจตัวเองไว้ให้ดี ๆ เถอะ เดี๋ยวจะตกหลุมรักผมจนโงหัวไม่ขึ้นผมไม่รู้ด้วยนะ" ภาคินยกยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจจนชลธิชานึกหมั่นไส้เขาอีกแล้ว
"คุณนี่มัน...ช่างเถอะค่ะ เชิญคุณกลับไปได้แล้ว ฉันก็จะเข้าบ้านเหมือนกัน" เมื่อไม่รู้จะเถียงอะไรหญิงสาวเลยไล่เขาแทน
"หึ ก็ได้ครับ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ" ภาคินยินยอมอย่างว่าง่าย ก่อนร่างสูงจะส่งยิ้มและโบกมือลาเธอ ทว่าชลธิชาก็แค่ยืนเฉย ๆ เพียงเท่านั้น สุดท้ายชายหนุ่มเลยต้องหุบยิ้มแล้วทำหน้างอ ๆ มองเธอเป็นการส่งท้ายค่อยขับรถออกไปในที่สุด
ผับของภาคิน
ครืดด ครืดด
'พายัพ'
ขึ้นมาบนห้องได้ไม่นานโทรศัพท์ของภาคินก็ดังขึ้น มือหนาเลยรีบหยิบออกมาดูแล้วกดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าผู้เป็นเพื่อนโทรมา
"ว่าไงวะ"
("ไอ้คิน แม่มึงโทรมาถามกูว่า ว่าที่เมียจ๋าของมึงคือใคร มึงเจอเธอแล้วเหรอวะ") ปลายสายรีบถามด้วยความอยากรู้
"เออ เจอแล้ว แล้วกูก็ขอจีบเธอแล้ว แต่ใจเธอโคตรแข็งกระด้างเลย มึงเอาใจช่วยกูด้วยนะ คนนี้กูจริงจังจริง ๆ ว่ะ"
("กูอยู่ข้างมึงอยู่แล้วเพื่อน แค่มึงพูดแบบนี้กูก็เชื่อแล้วว่ามึงรักเขาจริง ถึงที่ผ่านมามึงจะควงหญิงไม่ซ้ำหน้าก็เถอะ")
"อ้าวไอ้เวร เกือบดีแล้วเชียว พูดอย่างกับเมื่อก่อนมึงประเสริฐกว่ากูนักนะ" ได้ทีภาคินเลยย้อนเพื่อนบ้าง เพราะก่อนที่พายัพจะมีเมียเป็นตัวเป็นตน พวกเขาสองคนก็ใช่ย่อยเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน
("ฮ่า ๆ ๆ แต่ตอนนี้กูก็มีแค่เมียขาของกูคนเดียวแล้วนี่หว่า เอาเป็นว่ากูเป็นกำลังใจให้มึงก็แล้วกัน ขอให้ว่าที่เมียจ๋ารักมึงกลับเร็ว ๆ เหมือนกัน")
"เออ ๆ ขอบใจมากมึง ถึงวันนั้นเมื่อไหร่กูจะรีบควงเธอไปอวดมึงกับคุณเขมคืนบ้างเลย"
("หึ ๆ เออ ๆ กูจะรอ แค่นี้นะ เมียกูอยากกินมะม่วง")
"เออ ๆ" พูดไปแค่นั้นภาคินก็กดปิดสายไป หากแต่ในใจก็อดอิจฉาผู้เป็นเพื่อนไม่ได้ เพราะพายัพมีเขมิกาที่เป็นทั้งเลขาและคู่ชีวิตของพายัพแถมตอนนี้เธอยังเป็นว่าที่แม่ของลูกของเพื่อนเขาอีก พายัพเองก็ทั้งรักทั้งหลงเธอทุกอย่าง ถ้าหลานเขาคลอดออกมาแน่นอนว่าครอบครัวนี้ต้องเป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากแน่ ๆ
แล้วเขาล่ะ
เขาจะมีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกและภาพแสนอบอุ่นแบบนั้นไหม
เช้าวันต่อมา
"เธอมาแล้วครับคุณคิน" ไม้เดินเข้ามารายงานผู้เป็นนายยิ้ม ๆ เมื่อว่าที่นายหญิงของเขากำลังเดินเข้ามาในผับ
"โอเค เดี๋ยวกูจะลงไปรับเธอ" คนที่ตั้งใจนั่งรอให้เธอมาทำงานอย่างใจจดใจจ่อรีบลุกจากเก้าอี้ตัวโปรดแล้ววิ่งลงไปรับเธอทันที
"มาแล้วเหรอครับ"
"ค่ะ ให้ฉันเริ่มงานเลยไหม"
"ได้สิครับ เดี๋ยวผมพาไปที่โต๊ะทำงานของคุณ" บอกยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินนำเธอขึ้นไปยังห้องชั้นบน ซึ่งพอมาถึงร่างสูงก็ผายมือไปยังโต๊ะทำงานของเธอทันที
"นี่ครับ โต๊ะทำงานคุณ"
"ฉัน...ต้องนั่งทำงานในห้องกับคุณเหรอคะ" ชลธิชามองโต๊ะแล้วเงยหน้ามองเขา เพราะโต๊ะของเธออยู่ตรงข้ามกับโต๊ะของเขา แม้จะไม่ได้ติดกัน แต่มันก็ชวนอึดอัดอยู่ดี
"ใช่ครับ งานบัญชีมันเป็นงานละเอียดอ่อนและค่อนข้างเป็นความลับ ผมเลยต้องให้คุณมาทำงานในห้องนี้...กับผม"
"..."
"คุณมีปัญหาอะไรไหมครับ หรือว่า...กลัวอยู่ใกล้ผมแล้วจะห้ามใจไม่ให้รักผมไม่ได้" เห็นเธอเงียบภาคินเลยแกล้งแหย่
"เปล่าค่ะ ขอแค่มีงานทำให้ฉันทำที่ไหนก็ได้"
"หึ ๆ ก็ดีครับ งั้นคุณนั่งลงเถอะ เดี๋ยวผมจะสอนงานให้"
"ค่ะ" ชลธิชารับคำแล้วนั่งลงตามที่เขาบอก
"เปิดแล็ปท็อปเลยครับ" ร่างสูงบอกอย่างใจดี คนที่นั่งลงแล้วจึงทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนเขาจะบอกอีกครั้ง
"คลิกเข้าไปตรงนี้ครับ" มือหนาชี้นิ้วลงบนหน้าจอที่เข้าลงโพรแกรมสำหรับทำบัญชีของร้านเอาไว้ พอชลธิชาคลิกเข้าไปเธอก็เจอกับตัวเลขรายรับรายจ่ายมากมายจนลายตาไปหมด
"งานบัญชีมันต้องใช้ความละเอียดและแม่นยำพอสมควร แต่ผมเชื่อนะครับว่าคุณทำได้แน่นอน" เห็นสีหน้างงงวยของหญิงสาวภาคินก็รีบเอ่ยอย่างให้กำลังใจทันที
"ทำไมคุณไม่จ้างนักบัญชีเก่ง ๆ มาทำล่ะคะ" ชลธิชาอดถามไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่เหมาะกับงานนี้ แม้เธอจะสนใจอยากเรียนบัญชีก็ตาม
"ผมเคยจ้างมาแล้วครับ แต่สุดท้ายคนคนนั้นก็แอบยักยอกเงินแล้วหายตัวไปเลย ผับผมเสียหายไปเยอะแต่หลักฐานกลับไม่เพียงพอที่จะเอาผิดเขาได้ ผมเลยไม่กล้าไว้ใจใครอีก สุดท้ายเลยทำเองดีกว่า"
"ยักยอกเงินเหรอคะ"
"ใช่ครับ"
"แล้วทำไมคุณมาจ้างฉันล่ะคะ ไม่กลัวฉันทำแบบนั้นเหรอ"
"ผมบอกแล้วไงครับว่าเพราะผมชอบคุณ"
"..."
"อีกอย่างคือผมเชื่อใจคุณครับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องกลัว" ภาคินใช้มือยันกับโต๊ะแล้วโน้มใบหน้าลงมามองสบตากับเธอด้วยความจริงใจ ชลธิชาเลยรีบขยับเก้าอี้ออกมาให้ตัวเองนั่งห่างจากเขาก่อนจะถามขึ้นอีก
"แล้วถ้าฉันยักยอกเงินคุณไปเหมือนคนก่อนล่ะคะ" เธอนึกหมั่นไส้เขาเลยแกล้งถามไป
"ถ้าเป็นแบบนั้นก็อย่าให้ผมจับได้ก็แล้วกันครับเพราะถ้าผมจับได้...ผมจะไม่จับคุณส่งตำรวจหรือดำเนินคดีอะไร แต่ผมจะจับคุณขังไว้แล้วลงโทษคุณเอง" คราวนี้แม้ใบหน้าจะอยู่ห่างกันหากแต่ริมฝีหนาก็ยังยกยิ้มพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาให้จนชลธิชาต้องรีบท้วงขึ้น
"ช่วยสอนงานฉันด้วยค่ะ มัวแต่พูดไปเรื่อยระวังใช้ฉันไม่คุ้มค่าจ้างนะคะ"
"หึ ๆ แค่ได้เห็นหน้าคุณมันก็คุ้มเกินคุ้มมาก ๆ แล้วครับ" ว่าพลางยักคิ้วให้เธออย่างกวน ๆ สุดท้ายชลธิชาเลยทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเพียงเท่านั้น
เขานี่มันเถียงคำไม่ตกฟากจริง ๆ!
"หึ ๆ โอเคครับ ผมหยุดแล้วก็ได้ เดี๋ยวเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า" เห็นเธอไม่พูดอะไรต่อภาคินเลยเริ่มสอนงานที่เธอต้องทำช่วยเขาไปทีละอย่างด้วยความใจเย็น ซึ่งมันผิดกับท่าทีกะล่อนปลิ้นปล่อนก่อนหน้านี้อย่างลิบลับ
เวลาต่อมา
"ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว" ชลธิชาพยักหน้ารับเมื่อคราวนี้ภาคินจะปล่อยให้เธอเป็นคนทำเอง ร่างสูงเลยยืดตัวขึ้นยืนจนเต็มความสูง ก่อนจะมองเธอแล้วระบายยิ้มออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนชลธิชาต้องขมวดคิ้วแล้วถามอย่างสงสัย
"คุณยิ้มอะไรคะ"
"ก็ยิ้มเพราะคุณไงครับ คุณทำให้ผมรู้สึกแล้วว่า เวลามีใครสักคนข้างกายมันดีแบบนี้นี่เอง" ว่าทั้งที่ยังคงระบายยิ้มอยู่เต็มใบหน้าแบบนั้น แม้เขาจะมีเพื่อนและลูกน้องที่ไว้ใจข้างกายเสมอ ทว่ากับเธอมันแตกต่างออกไป เพราะชลธิชาไม่ใช่คนข้างกายแบบเพื่อนหรือลูกน้อง หากแต่เป็นผู้หญิงที่เขาชอบ
"ฉันอยู่ข้างคุณแน่นอนค่ะ เพราะฉันเป็นลูกน้องของคุณไงคะ" ชลธิชารีบช็อตฟีลเขาอีกครั้งด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
"แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นแค่ลูกน้องผม คุณก็รู้"
"รู้ค่ะ แต่ฉันก็บอกไปแล้วไงว่า ฉันยังไม่อยากมีใคร"
"ผมก็บอกไปแล้วว่าผมจะจีบคุณให้คุณรักผมให้ได้" คราวนี้ภาคินเถียงกลับด้วยใบหน้าและรอยยิ้มกวน ๆ จนชลธิชาเริ่มถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเช่นเคย
"เรื่องของคุณเถอะค่ะ ฉันขออนุญาตทำงานก่อนนะคะ" เมื่อไม่รู้จะเถียงอะไรกลับไปหญิงสาวเลยเลือกที่จะหลบหน้าเขาแล้วก้มหน้าลงมาสนใจหน้าจอตรงหน้าแทน ภาคินที่เห็นแบบนั้นจึงยิ้มให้เธอด้วยความเอ็นดูก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
"จริงสิ ผมขอพรินต์เอกสารก่อนครับ" บอกเสร็จก็ถือวิสาสะเดินมาซ้อนด้านหลังเธอแล้วโน้มตัวลงมาจนใบหน้าหล่อเหลาแทบจะแตะบ่าของเธอ ส่วนมือหนาก็กุมมือข้างที่เธอกำลังจับเมาส์เอาไว้ด้วยความรวดเร็ว
"ทำอะไรของคุณ! ปล่อยฉันนะ" ชลธิชาประท้วงด้วยการพยายามจะลุกหนี ทว่ามือหนาข้างหนึ่งที่กุมมือเธอไว้ก็กุมเอาไว้แน่น ส่วนมือหนาอีกข้างเขาก็ใช้ยันกับโต๊ะเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เธอขยับหนีได้
"ก็ผมบอกแล้วไงครับว่าผมขอพรินต์เอกสารก่อน ช่วยอยู่เฉย ๆ ได้ไหมครับ ผมพรินต์แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว"
"ฉันพรินต์ให้ก็ได้ค่ะ แค่นี้เอง อีกอย่างเครื่องคุณก็มีไม่ใช่เหรอคะทำไมไม่ไปใช้" ชลธิชากัดฟันบอก แบบนี้เขากำลังหาทางแต๊ะอั๋งเธอชัด ๆ เลย
"แค่นี้ผมก็เอาครับ อีกอย่างเอกสารของผมมันก็อยู่เครื่องนี้ด้วย ไหน ๆ คุณก็เปิดแล้วผมขอพรินต์เลยละกัน" ภาคินบอกยิ้ม ๆ ขณะกำลังกดสั่งพรินต์ออกมา
เพราะขอแค่ได้ใกล้เธอสักนิด ได้กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ จากตัวเธอสักหน่อย เขาก็กระชุ่มกระชวยหัวใจขึ้นมาแล้ว
"ตัวคุณหอมมากเลย แต่คุณไม่ได้ใช้น้ำหอมใช่ไหมครับ" กลิ่นหอมที่ลอยวนอยู่ใกล้ ๆ จมูกเขาทำให้ภาคินอดถามไม่ได้
"คุณเหมือนโรคจิตเลยรู้ตัวรึเปล่าคะ" ชลธิชาพยายามเอียงตัวหลบใบหน้าของเขาพร้อมกับกัดฟันพูด
"หึ ๆ ผมว่าไม่นะครับ แต่ผมน่าจะเป็นโรคคลั่งคุณมากกว่า" บอกยิ้ม ๆ พลางขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เธอจนปลายจมูกแทบจะชนกัน
"ปล่อยฉันได้แล้วคุณสั่งพรินต์แล้วนี่!" ชลธิชากัดฟันกรอดอย่างไม่พอใจ ทว่าคนเอาแต่ใจก็ยังนิ่ง
"ขออยู่แบบนี้อีกสักแป๊บได้ไหมครับ ผมไม่ทำอะไรคุณไปมากกว่านี้หรอก" บอกเสียงอ่อนก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลงทั้งที่ใบหน้าของเธอกับเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
"คุณ!"
"ทำอะไรกัน!" ชลธิชากำลังจะประท้วงเขาแรง ๆ ทว่าก็มีใครอีกคนเปิดประตูเขามาเห็นภาพความใกล้ชิดของเขาและเธอเสียก่อน
