บทที่2 คู่หมั้น
เฟิ่งจิ่วรู้สึกว่าร่างกายนี้แข็งแรงกว่าเมื่อวานมากนางสงสัยว่าสุราในน้ำเต้าอาจมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูสภาพร่างกายนางจึงตั้งใจว่าภายหลังจะพิสูจน์ว่าสิ่งที่นางคิดเป็นจริงไหม
“จวนตระกูลเฟิ่ง”
เฟิ่งจิ่วอ่านชื่อจวนตรงหน้าเสียงเบานี่สินะบ้านของนางในโลกยุคโบราณใบนี้
ทันทีที่นางก้าวเท้าเข้าประตูจวนสตรีนางหนึ่งก็ตรงดิ่งเข้ามาจับนางหมุนซ้ายหมุนขวาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย “เจ้าเก้าเจ้าหายไปไหนมาทั้งคืนข้าให้พวกบ่าวตามหาเจ้าทั้งคืนเลยรู้ไหม”
ด้านหลังของสตรีนางนี้ยังมีบรุษหนุ่มอายุไม่ถึงยี่สิบปีสองคนยืนอยู่ทั้งสองมองนางด้วยสายตาเป็นห่วง
เฟิ่งจิ่วอาศัยความทรงจำของร่างเดิมก็รู้ว่าสตรีนางนี้คือฮูหยินรองเหลียวซื่ออายุสามสิบห้าปีส่วนบรุษสองคนก็คือพี่ใหญ่เฟิ่งอีอายุสิบเก้าปีกับพี่สามเฟิ่งซานอายุสิบเจ็ดปีพี่ชายร่วมบิดาเดียวกันกับนาง
ตามความทรงจำของร่างเดิมทั้งสามคนนี้ดีกับนางมากหลังจากเฉียวซื่อมารดาของนางตายไปก็ได้ฮูหยินรองนี่แหละที่คอยแบ่งปันข้าวปลาอาหารไปยังเรือนของนางกับน้องชาย
เมื่อมิใช่ศัตรูเฟิ่งจิ่วจึงเอ่ยอย่างเป็นมิตร “แม่รองข้าผิดไปแล้วขอโทษที่ทำให้ท่านเป็นห่วงเมื่อวานข้านำเครื่องประดับที่ไม่ค่อยได้ใช้ไปขายเพื่อซื้อม้าตัวนี้”
“ข้าขี่มันเที่ยวเล่นนอกเมืองจนเลยเวลาประตูเมืองปิดข้าจำต้องเปิดห้องพักที่โรงเตี๊ยมใกล้ๆคอยเวลาประตูเมืองเปิดเจ้าค่ะ”
เหลียวซื่อพึ่งสังเกตเห็นม้าที่บ่าวชายกำลังจูงนำไปเก็บที่คอกนางจึงถอนหายใจแม้อยากจะต่อว่าเรื่องนำเครื่องประดับไปขายเพื่อซื้อม้า
แต่เมื่อนึกถึงชีวิตที่น่าสงสารไร้มารดาคอยปกป้องของเฟิ่งจิ่วเหลียวซื่อจึงไม่ว่ากล่าวอันใด
เหลียวซื่อ “ปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้วนี่ก็ปลายเดือนสามแล้วอีกแค่เพียงสี่เดือนก็ถึงงานแต่งของเจ้าแล้วอย่าออกไปเผยใบหน้าข้างนอกบ่อยนัก รีบกลับไปพักผ่อนที่เรือนเถอะเดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้ยกอาหารไปให้”
เฟิ่งจิ่ว “ขอบคุณเจ้าค่ะแม่รอง”
หลังจากทักทายเฟิ่งอีกับเฟิ่งซานสองสามประโยคเฟิ่งจิ่วก็ขอตัวกับเรือนตนเอง
ทันทีที่นางถึงเรือนจึงนั่งคิดว่านางกำลังจะแต่งงานทำไมถึงไม่มีความทรงจำในส่วนนี้นะเรื่องสำคัญขนาดนีเจ้าของร่างทำไมลืมไปเสียได้
ฉับพลันนั้นเองความทรงจำที่ขาดหายไปก็ประดังเข้ามาในสมองของเฟิ่งจิ่ว
ภาพบรุษรูปงามปรากฎขึ้นในความทรงจำ บรุษผู้นี้แซ่จิวมีนามว่าลิ่วหลังอายุมากกว่านางสี่ปีเขาเป็นบุตรชายคนรองของขุนนางขั้นห้าจิวฉังคุณสังกัดกรมพระคลังกับอนุหลิวซื่อ
การหมั้นหมายเกิดขึ้นสมัยที่เฉียวซื่อยังมีชีวิตอยู่เฉียวซื่อและหลิวซื่ออนุของจิวฉังคุณเจอกันที่ร้านขายผ้าคุยกันถูกคอตั้งแต่นั้นจึงคบหากันเป็นสหายเรื่อยมา
เมื่อเฟิ่งจิ่วอายุได้เจ็ดขวบหลิวซื่อซึ่งพาบุตรชายของตนเองที่ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เกิดมาเที่ยวเล่นที่จวนตระกูลเฟิ่งเห็นเด็กทั้งสองเข้ากันได้ดีจึงเอ่ยปากขอหมั้นหมายเฟิ่งจิ่วให้จิวหลิ่วหลัง
เฉียวซื่อจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาสามี เฟิ่งเฟยเทียนเห็นว่าให้บุตรสาวแต่งเข้าบ้านสามีที่มีตำแหน่งน้อยกว่าตนหนึ่งขั้นเป็นเรื่องดีมีปัญหาอะไรจะได้ช่วยเหลือบุตรสาวได้ง่าย
และเฉียวซื่อกับหลิวซื่อก็เป็นสหายกันชีวิตในบ้านสามีของเฟิ่งจิ่วไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องแม่สามีกับลูกสะใภ้เขาจึงตอบตกลงยอมรับการหมั้นหมายนี้
ทุกอย่างในตอนนั้นเป็นไปได้ด้วยดีจวบจนเฉียวซื่อเสียชีวิตลงเมื่อสามปีก่อนตอนนั้นร่างกายที่อ่อนแอของจิวหลิ่วหลังก็ป่วยหนัก
หลังพิธีศพของเฉียวซื่อหลิวซื่อต้องคอยดูแลจิวหลิ่วหลังที่ป่วยหนักมาตลอด
จวบจนหลังพิธีปักปิ่นของเฟิ่งจิ่วการไว้ทุกข์สามปีให้มารดาของเฟิ่งจิ่วก็สิ้นสุดลงพอดี หลิวซื่อจึงหอบสังขารที่เหนื่อยล้าจากการดูแลบุตรชายมาจวนตระกูลเฟิ่งทวงสัญญาหมั้นหมายตามสัญญา
ต่อหน้าผู้คนมากมายฉินซื่อทำหน้าที่ภรรยาเอกผู้ดูแลเรือนหลังได้ดีนางเจรจาการแต่งงานให้เฟิ่งจิ่วด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลังกำหนดวันแต่งงานเรียบร้อยนางก็ปล่อยให้เฟิ่งจิ่วอยู่อย่างสบายมาหลายวัน
จวบจนเมื่อสองวันก่อนนางจึงซื้อตัวสาวใช้ข้างกายเฟิ่งจิ่วด้วยเงินห้าสิบตำลึงเงิน
ฉินซื่อไม่อยากให้เฟิ่งจิ่วมีความสุขจึงได้จ้างวานโจรชั่วสองคนในราคาหนึ่งพันตำลึงเงินมาย่ำยีนางเพื่อให้การแต่งงานดีๆที่จะเกิดขึ้นต้องยกเลิกและเฟิ่งจิ่วก็จะถูกส่งไปใช้ชีวิตในสุสานบรรพชนตลอดชั่วชีวิต
นางวางแผนให้สาวใช้พาเฟิ่งจิ่วไปเดินเล่นที่ตลาดจนถึงปลายยามเซินแล้วให้สาวใช้พาเฟิ่งจิ่วไปที่ตรอกร้างไร้ผู้คนในซอยเปลี่ยวข้างตลาด
สาวใช้ทำงานได้ดีทันทีที่เฟิ่งจิ่วเข้าไปในตรอกนั้นก็ถูกชายฉกรรจ์นำผ้าเช็ดหน้าโปะยาสลบมาโปะที่จมูกของนาง
แต่โชคร้ายที่เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นมากลางคันแล้วร้องโวยวายจึงถูกชายอ้วนจับศรีษะนางโขกเข้ากับรถม้าจนเสียชีวิตทำให้วิญญาณเฟิ่งจิ่วนักฆ่าสาวจากศตวรรษที่ยี่สิบสองฟื้นขึ้นมาแทนที่
เฟิ่งจิ่วกำหมัดแน่นนางจะต้องสังหารฉินซื่อแก้แค้นให้เจ้าของร่างเดิมแต่ไม่ใช่ตอนนี้นางต้องวางแผนให้ดีไม่ให้มีใครจับได้ว่านางเป็นฆาตกร
ส่วนเรื่องคู่หมั้นน่ะรึแต่งก็แต่งสิหน้าตาและรูปร่างเหมือนจางหว่านอี้พระเอกชื่อดังราวกับฝาแฝดขนาดนั้นนางไม่แต่งก็บ้าแล้ว
ชาติก่อนถึงแม้เฟิ่งจิ่วจะมีอาชีพเป็นนักฆ่าและถูกเลี้ยงดูโดยองค์กรมาตั้งแต่อายุสี่ขวบ
แต่นางใช้เวลาว่างดูซีรีย์จีนเพื่อผ่อนคลายนางจึงชื่นชอบดาราชายที่หล่อเหลาหลายคนและจางหว่านอี้ก็เป็นที่หนึ่งในใจนาง
อีคือหนึ่ง
เอ้อร์คือสอง
ซานคือสาม
ซื่อคือสี่
หวู่คือห้า
ลิ่วคือหก
ชีคือเจ็ด
ปาคือแปด
จิ่วคือเก้า
สือคือสิบ
