บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้าย
บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้าย
เฟิงมี่เดินเร่งเท้าให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องฟ้าความมืดเริ่มปกคลุมลงมา เธอเดินมาได้สักพักรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา ทางไปบ้านตระกูลมู่จะมีทางที่เปลี่ยวอยู่ระยะยาวพอสมควร เฟิงมี่เริ่มวิตกกังวลไม่กล้าหันหลังไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอเริ่มใจเต้นแรงระรัวภาวนาให้เป็นเพียงแค่คนผ่านทางเช่นเดียวกับเธอ
มับ!!!
จู่ ๆ คนที่เดินข้างหลังเธอได้จับมือของเธอคว้าเอาไว้เธอหยุดเดิน “กรี๊ด ๆ ปล่อยฉันนะ!!” เฟิงมี่ตกใจกลัวเธอหันมามองเห็นว่าชายที่มาจับมือเธอคล้ายกับชายที่อยู่กับผู้หญิงใกล้ซอยร้านของเล่นนี่น่า อย่าบอกนะว่าเขาตามเธอมา
“จะร้องส่งเสียงดังทำไมกัน ฉันแค่จะสอบถามทางเท่านั้นเอง” ฉู่อี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะจะลองโยนกินถามทางว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาอยู่กับซูหรงเมื่อครู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอ เฟิงมี่หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้ารีบเอ่ยถามเขาขึ้นมาจะได้รีบตอบและรีบกลับ
"แล้วคุณจะไปที่ไหนเหรอคะ” ฉู่อี้จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมอีกทั้งยังเก่ามากแต่มิอาจจะปกปิดส่วนโค้งเว้าของร่างกายของเฟิงมี่ได้เลย เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา ในตอนแรกคิดแค่จะลองถามดูให้แน่ใจแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว คนชาติชั่วมัวเมากับกามอย่างเขาเห็นสาวงามอย่างเฟิงมี่มีหรือจะหักห้ามใจไหว ยิ่งได้ยินมาจากซูหรงมาว่าเฟิงมี่หญิงสาวคนนี้ไม่ได้นอนกับสามีของเธอมานานหลายปีเพราะสามีเป็นทหารอีกอย่างแม่สามีไม่ชอบใจคิดว่าเธอมีชู้ เขายิ่งชอบใจเพราะต่อให้ลงมือทำอะไรกับเธอคงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอแน่นอน
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีใบหน้าที่สวยขนาดนี้ ทางที่ฉันจะไปคือพาเธอไปสวรรค์นะสิ ฉันได้ยินมาว่าคนในตระกูลไม่มีใครรักและสนใจเธอเลย มานี่สิฉันจะมอบความรักความอบอุ่นให้เธอเอง” ใจของเฟิงมี่สั่นคลอนไปหมด เธอตั้งสติต้องพาตัวเองหนีออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ทว่าร่างกายที่ป่วยของเธอมิอาจจะพาเธอไปได้ไกลก็ถูกเขาตามได้ทัน
“จะหนีไปไหน เมื่อกี้เธอคงเห็นหมดแล้วฉันจะทำให้เธออยู่อย่างสงบปากสงบคำเอง ฮ่า ฮ่า” พูดจบฉู่อี้จ้องมองเฟิงมี่พลางเลียปาก ตอนนี้เฟิงมี่เธอรู้แล้วว่าคนคนนี้ต้องการอะไร เธอคิดถึงเพียงแต่ฮว๋าเย่ทำยังไงให้รอดพ้นและกลับไปหาลูกสาวอย่างปลอดภัย เฟิงมี่ใช้เท้าเตะเข้าที่ระหว่างขาของเขาตอนที่เขาไม่ทันระวังตัว เมื่อฉู่อี้ถูกขาของเธอเตะเข้าเต็มแรงเขาปล่อยมือจากเธอร้องออกมาเสียงหลง
“โอ๊ย!! นังบ้าฉันอุตส่าห์จะทะนุถนอมแต่เธอกลับมาใช้ความรุนแรงได้ ในเมื่อชอบความรุนแรงฉันจะจัดให้ตามที่เธอต้องการ” ฉู่อี้แววตาเปลี่ยนไปทันทีเขาโมโหและโกรธที่เฟิงมี่เตะเข้ากลางเป้า เขาจ้องมองเธอที่กำลังวิ่งหนีเขาอย่างสุดกำลัง เขาวิ่งตามก่อนจะกระชากผมของเธอเอาไว้ให้หันมาหาตนเอง พร้อมง้างมือตบเข้าที่ใบหน้าของเธอเต็มแรง และต่อยเข้าที่ท้องน้อยของเธออย่างไร้ความเมตตา
เพี้ยะ!! พลั่วะ!
“โอ้ย! อึก ปล่อยฉันไปเถอะฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” เสียงแหบพร่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อ้อนวอนคนตรงหน้าให้ปล่อยตนไป แต่ทว่าชายคนนี้ชั่วร้ายเกินกว่าจะเห็นใจ เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะแบกร่างของเฟิงมี่เข้าไปในป่าที่ไกลหูไกลตาคน
“ได้ฉันจะปล่อยเธอได้แต่ว่าต้องรอให้ฉันเสร็จสมพาเธอขึ้นสวรรค์เสียก่อน” เฟิงมี่ทั้งเจ็บทั้งจุกมิอาจจะสู้ชายร่างโตได้ ในใจของเธอคิดถึงแต่ใบหน้าของฮว๋าเย่ ขนมที่คุณยายให้มาหล่นลงพื้นแต่มือของเธอยังกำของเล่นลูกเอาไว้แน่น ใจเริ่มหวาดหวั่นทำอย่างไรถึงจะหยุดการกระทำของคนชั่วคนนี้ได้
เมื่อเขาพาเธอเข้ามาไกลจากถนน เขาวางเฟิงมี่ลงพื้นตอนนั้นนั่นเองที่เฟิงมี่หันไปเห็นท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ ๆ เธอค่อย ๆ หยิบไม้ตอนที่ฉู่อี้เผลอเพราะเขากำลังจะถอดกางเกงตัวเองคิดว่าเฟิงมี่ไม่มีแรงที่จะตอบโต้ตนเองได้แล้ว
เขานั่งลงขึ้นคร่อมร่างของเฟิงมี่ครั้นนั้นเองเฟิงมี่ใช้แรงที่มีทั้งหมดจับท่อนไม้ในมือฟาดเข้าที่หัวของฉู่อี้เต็มแรง
พั่วะ!!
“อ๊ากกกก!!! เลือด...นังบ้าแกอยากตายหรือไงกัน”
ฉู่อี้ใช้มือแตะที่หัวของตัวเองด้วยความเจ็บกลิ่นคาวเลือดเริ่มคละคลุ้ง ไหลออกมาจากหัวของเขาแดงฉานดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นอำมหิตเมื่อถูกเธอทำร้าย เขาเปลี่ยนใจจากที่จะทำให้เธอเป็นของเขาแต่ทว่าตอนนี้ความโมโหครอบงำเขาจนหมด เขาใช้สองมือบีบที่คอของเฟิงมี่ที่นอนอยู่ด้านล่างตัวของเขา
“ค่อก ๆ ปล่อยฉันนะ” เฟิงมี่ใช้มือทุบตีดึงมือของฉู่อี้ออกจากคอตัวเองแต่ทว่าชายคนนี้กลับบีบมันแรงกว่าเดิม ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัดร่างกายดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานสายตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของคนโหดร้ายคนนี้เธอไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาทำเธอด้วย ตอนนี้สติของเธอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรี่ยวแรงเริ่มไม่มีเพราะขาดอากาศหายใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาเห็นใบหน้าของฮว๋าเย่เลือนลางอยู่ตรงหน้า ร่างกายของเธอกระตุกเกร็งสายตาของเธอค่อย ๆ หันไปมองของเล่นที่หล่นอยู่บนพื้นเธอเจ็บปวดและเป็นห่วงลูกสาวจับใจ เธอรู้แล้วว่าตอนนี้เธอคงไม่ได้พบเจอลูกสาวตัวน้อยของเธออีก ค่อย ๆ ขยับมือไปจับของเล่นของฮว๋าเย่เอาไว้ ความมืดเริ่มปกคลุมลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอได้หมดลง ครั้นนั้นเธอได้ยินเสียงสุดท้ายแว่วดังเข้ามา
“คุณแม่ต้องรีบกลับมานะคะ หนูจะรอ” เฟิงมี่น้ำลายไหลออกมาอย่างช้า ๆ จิตสุดท้ายของเธอคือลูกสาวตัวน้อยที่เฝ้ารอเธอกลับบ้าน
“ฮ่า ฮ่า เป็นยังไงกล้าทำให้ฉันเจ็บปวดต้องเจอแบบนี้ เอ๊ะ! ทำไมแน่นิ่งไปล่ะ” ฉู่อี้หัวเราะออกมาอย่างสะใจ แต่สีหน้าของเขาเริ่มซีดเซียวเมื่อเห็นอีกฝ่ายแน่นิ่งตาค้างจ้องมองไปยังของเล่นที่อยู่ในมือ ตอนนั้นเขาเริ่มตงิดในใจค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากคอของเฟิ่งมี่อย่างช้า ๆ และใช้มือขยับเข้าไปใกล้จมูกของเธอ ทำให้รู้ว่าตอนนี้เขาได้ลงมือฆ่าเธอเสียแล้ว เขาตกใจผงะออกจากร่างของเฟิงมี่ทันที
“อะ..อะไรกันว่ะ ฉันแค่จะทำให้เธอกลัวเท่านั้นเองไม่ได้คิดจะฆ่าจริง ๆ สักหน่อย โธ่เว้ยเอาไงดีว่ะ” ฉู่อี้นั่งคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบลุกหนีกลับบ้านปล่อยร่างของเฟิงมี่เอาไว้อย่างนี้คงไม่มีใครพบเจอง่าย ๆ เพราะเขาพาเธอเข้ามาในป่าลึก
ร่างของเฟิงมี่นอนตายตาค้างอย่างเวทนา วิญญาณของเธอจ้องมองร่างกายของตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“ทำไม… ทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับฉันด้วย ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ป่านนี้ฮว๋าเย่คงจะนั่งเฝ้ารออยู่ ฮว๋าเย่ลูกแม่ตอนนี้ลูกจะรู้มั้ยนะว่าแม่ไม่อยู่แล้ว ลูกคงรอแม่ที่หน้าประตูห้องอย่างใจจดใจจ่อ อึก อึก ทำไม..ทำไมสวรรค์ถึงเล่นตลกกับชีวิตของคนอย่างฉันด้วย ฮื้อ ฮือ” เฟิงมี่ร้องห่มร้องไห้ทุบมือลงที่พื้นอย่างน้อยใจในวาสนาของตัวเองครั้นนั้นเองเสียงของหญิงชราได้ดังขึ้น
“เธอเป็นคนดี และนี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอควรจะจากไปฉันจะให้ความปรารถนาเธออย่างหนึ่งบอกมาสิว่าเธอต้องการอะไร” เฟิงมี่เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง หญิงชราแต่งตัวด้วยชุดสีขาวแต่ทว่าใบหน้าเธอจำได้ดีนั่นคือคุณยายที่เธอช่วยไว้ ราวกับเธอเห็นแสงสว่างเพราะสิ่งเดียวที่เธอปรารถนาคือการกลับไปหาฮว๋าเย่และทวงคืนความยุติธรรม ในเมื่อชาตินี้เธอเป็นคนดีแต่กลับถูกรังแกจนถึงแก่ความตาย หากเธอได้ย้อนกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอกับลูกได้อีก
“ฉันอยากกลับไปหาลูกสาว หากเป็นไปได้ฉันอยากมีชีวิตอีกครั้ง”
“ได้สิ ฉันจะให้ตามที่เธอต้องการแต่ว่าการกลับไปครั้งนี้ฉันอยากให้เธอรักตัวเองให้มาก อย่าเป็นคนดีจนทำให้ความดีมาทำร้ายเธอได้อีกหลับตาซ่ะสิ” สิ้นเสียงของคุณยายเฟิงมี่รีบหลับตาลงทันทีเธอไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เธอพบอยู่ จะจริงหรือไม่แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน หากได้กลับไปครั้งนี้เธอสัญญาว่าจะทำทุกอย่างและจัดการคนที่มาทำร้ายเธออย่างนี้ด้วย
