บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ย้อนกลับมาอีกครั้ง

บทที่ 5 ย้อนกลับมาอีกครั้ง

ปัง!! ปัง!! ปัง!!

"นี่ฉันเคาะประตูเรียกตั้งนานแล้วหูหนวกหรือไงทำไมไม่ลุกสักที จะรอให้ตะวันขึ้นตรงกลางหัวก่อนหรือไงถึงจะลุกได้นะ" เสียงของซูเจี้ยนดังอยู่ด้านนอกห้องอย่างเอะอะโวยวาย เฟิงมี่สะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงรบกวน

'เอ๊ะ!ฉันตายไปแล้วไม่ใช่หรือไงกัน ทำไมยังได้ยินเสียงของแม่สามีอยู่ล่ะ และทำไมรู้ถึงการเต้นของหัวใจอยู่เลยหรือว่าฉันจะได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง' เฟิงมี่คิดในใจก่อนจะลืมตากวาดมองรอบ ๆ ห้องนี่ห้องเก็บของที่เธอเคยอยู่นี่หน่า เธอรีบหันมองเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ ครั้นนั้นเฟิงมี่รู้สึกดีใจจนมิอาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เธอใช้มือลูบใบหน้าของลูกสาวที่นอนหลับอยู่

“ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ฉันกลับมาหาฮว๋าเย่อีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ ถ้าฉันตายไปทั้งแบบนั้นจริง ๆ ไม่รู้เลยว่าฮว๋าเย่จะเป็นอย่างไรชีวิตของเธอต้องพบเจอกับคนชั่วช้าอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความดีมิอาจจะทำให้คนเปลี่ยนใจได้ ต่อจากนี้ฉันจะปกป้องลูกสาวของฉันเอง จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายได้แม้กระทั่งแม่สามี” เฟิงมี่เอ่ยออกมาอย่างจริงจังหากเธอยังอ่อนแอไม่ว่าจะมีโอกาสอีกกี่ครั้งเธอคงจะต้องตายด้วยมือคนชั่วทุกครั้งไป และสิ่งหนึ่งที่เธอแน่ใจชายคนนั้นน่าจะเป็นชู้รักของสะใภ้ใหญ่ซูหรงแน่นอนหากไม่เป็นเช่นนั้นเขาคงไม่ตามมาทำร้ายเธอแน่นอน

“นี่นังเฟิงมี่แกจะหาเรื่องฉันใช่มั้ย ? แกรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงว่าทำให้ฉันโมโหแล้วจะเกิดอะไรขึ้น รีบลุกขึ้นมาทำกับข้าวให้หลานชายของฉันกินได้แล้ว ถ้ายังไม่ออกมาฉันจะพังประตูเข้าไปได้ยินมั้ย ห่ะ!!!” เสียงของซูเจี้ยนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เฟิงมี่ปาดน้ำตา ค่อย ๆ ขยับหัวของฮว๋าเย่ให้นอนลงที่เตียงนอนก่อนที่เธอจะลุกขึ้นมาเปิดประตูให้นังแก่ใจร้ายไส้ระกำ

แอ้ด !!

“นี่ !! จะเรียกอะไรนักหนา น่ารำคาญจริง ๆ ” เฟิงมี่เอ่ยถามแม่สามีด้วยท่าทางรำคาญทำให้คนที่ถูกถามถึงกับยืนอึ้งไม่คิดว่าสะใภ้เล็กจะกล้าเถียงเธอ

“นี่แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง!! ถึงไม่รู้หน้าที่ตัวเองตะวันสูงโด่งขนาดนี้จะรอให้หลานฉันหิวจนเจ็บท้องหรือไงกันรีบออกไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้” เฟิงมี่จ้องมองใบหน้าของซูเจี้ยนพลางกอดอกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม

“ใครอยากกินก็ไปทำเองสิ มีมือมีตีนเหมือนกันอีกอย่างฉันเป็นสะใภ้เล็กไม่ใช่ขี้ข้าของใคร หย่งอี้เองก็มีแม่เหมือนกันทำไมไม่ให้ซูหรงสะใภ้ใหญ่ทำเองล่ะ หรือว่าทำไม่เป็นช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่แต่งสวยแต่งงาม ผลาญเงินเป็นว่าเล่น ถ้าอยากให้หย่งอี้กินและไม่อยากให้เจ็บท้องคุณแม่ก็ทำเองสิคะ หลีกไปฉันจะปิดประตูและอย่ามาเสียงดังเอะอะโวยวายอีกตอนนี้ฮว๋าเย่ของฉันยังนอนอยู่ ”

“นี่ ..นี่แกนังเฟิงมี่แกกินยาลืมเขย่าขวดหรือไงกัน ถึงได้ต่อล้อต่อเถียงฉันอย่างนี้วันนี้ถ้าแกไม่ออกไปทำกับข้าว ฉันจะทำให้เลือดหัวแกออกเลยคอยดู” ซูเจี้ยนสั่นเทาด้วยความโกรธหันซ้ายหันขวามองหาอุปกรณ์ที่จะมาตีเฟิงมี่ หากเป็นเมื่อก่อนเฟิงมี่คงกลัวและรีบไปทำตามที่แม่สามีต้องการ แต่ทว่าตอนนี้เธอไม่มีความกลัวอย่างนั้นอีกแล้ว มีสิ่งเดียวที่เธอกลัวคือการตายจากลูกที่ยังเล็ก ๆ นี่ต่างหาก

“เอาสิคะ ฟาดลงมาที่หัวนี่นะคะ ฉันจะได้ไปแจ้งความว่าแม่สามีทำร้ายหวังเอาชีวิต คนทั้งมณฑลคงเล่าขานกันไปทั่ว จริงสิพี่ไคฉี่เป็นนายอำเภอใช่มั้ย ? อื้ม..เรื่องนี้จะกระทบหน้าที่การงานมั้ยนะ..” เฟิงมี่ยืนกอดกยกมือข้างขวาขึ้นมาชี้ที่ขมับของตัวเองแสร้งครุ่นคิดเรื่องนี้ ยิ่งทำให้ซูเจี้ยนไม่พอใจ

“อ๊ายยยย! แกมันร้ายอย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาแกมันแค่แสร้งทำเป็นอ่อนแอที่แท้ก็มารยานี่เอง เรื่องแกมีชู้คงเป็นเรื่องจริงสินะ”

“ใช่ค่ะ ที่ผ่านมาฉันอ่อนแอและมองโลกในแง่ดีเกินไป ฉันคิดว่าความดีจะทำให้คุณแม่เปลี่ยนไป แต่เปล่าเลยเพราะจิตใจที่มืดบอดไร้จริยธรรมของคุณแม่มันทำให้ฉันเปลี่ยนไป ส่วนเรื่องมีชู้นะฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยทำตัวต่ำช้าอย่างที่พี่สะใภ้ใหญ่เป่าหูคุณแม่หรอกนะคะ คุณแม่เคยเห็นฉันออกไปจากบ้านหรือออกไปพบใครหรือไงถึงเชื่อว่าฉันมีชู้ คิดดี ๆ สินะว่าตั้งแต่ฉันคลอดฮว๋าเย่ฉันเคยออกจากที่นี่หรือเปล่า ต่างจากอีกคนที่พูดจาใส่ร้ายฉันแถมยังแต่งตัวสวยออกจากบ้านทุกวันนะ” ซูเจี้ยนอ้าปากค้างเพราะทั้งหมดที่เธอพูดมาล้วนเป็นความจริง เธอไม่เคยให้เฟิงมี่ออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเธออาจจะมีก่อนที่จะแต่งงานกับลูกชายฉันก็ได้ เพราะอยากให้ลูกมาใช้ชีวิตอยู่สุขสบายมีหน้ามีตาในสังคมเลยหวังจับลูกชายของฉันนะสิ ”

“เฮ้อ ! พูดกับคนที่ปิดหูปิดตาแถมยังจิตใจพิการฉันไม่อยากจะสนทนาด้วยสักนิด ”

“แกมันจองหองนักน่ะวันนี้ฉันจะต้องจัดการตบให้เลือดกลบปากให้มันรู้ไปซ่ะบ้างว่าไม่ควรจะมาต่อปากต่อคำกับฉันแบบนี้” ซูเจี้ยนกัดฟันเสียงดังกรอดด้วยความเกรี้ยวโกรธ ง้างมือที่อวบใหญ่หวังตบเข้าที่ใบหน้าของเฟิงมี่ หากเป็นเมื่อก่อนเฟิงมี่คงหลับตารอรับการกระทำที่โหดร้ายของแม่สามีและไม่กล้าสู้

มับ!!

เฟิงมี่ยกมือขึ้นจับข้อมือของซูเจี้ยนเอาไว้แน่นจนเกิดรอยแดงและบีบแรงขึ้นมากกว่าเดิมให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าการทำคนอื่นเจ็บความรู้สึกของคนที่ถูกกระทำเป็นอย่างไร

“โอ๊ย !! ปล่อยนะนังบ้าเฟิงมี่ แกมันเป็นหมาบ้าไปแล้วแน่ ๆ” เฟิงมี่ไม่ได้โกรธแถมยังแสยะยิ้มออกมาก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของซูเจี้ยนพร้อมดันข้อมือของเธอเพียงเล็กน้อยแต่ทว่ากลับทำให้ร่างใหญ่อ้วนท้วมของซูเจี้ยนล้มลงกระแทกพื้น

ตุ๊บ !!

“โอ๊ยยย!! สะใภ้ใหญ่อยู่แถวนี้มั้ย ?ช่วยฉันด้วยฉันจะถูกนังหมาบ้าเฟิงมี่ฆ่าแล้ว”

“ฮึ ! ฉันนะหรือคะที่จะฆ่าคุณแม่ เมื่อครู่ไม่ใช่คุณแม่หรอกหรือคะที่บอกให้ฉันปล่อย อะไรกันคนแก่ใกล้จะลงโลงทำไมถึงเอาใจยากอย่างนี้นะ ” เฟิงมี่พูดพร้อมส่งยิ้มยียวนกวนประสาทให้ซูเจี้ยนที่เจ็บก้นกบนั่งอยู่ที่พื้น

ครั้นนั้นเองฮว๋าเย่ตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายอยู่หน้าห้อง เธอเดินออกมาเอ่ยถามคุณแม่ด้วยความสงสัย

“คุณแม่เกิดอะไรขึ้นคะ ” เฟิงมี่หันไปมองตามเสียงรีบเปลี่ยนสีหน้าทันที

“ฮว๋าเย่ตื่นแล้วหรือ? พอดีคุณย่าล้มแล้วแม่จะเข้าไปช่วยนะ แต่คุณย่านะสิดื้อยิ่งกว่าเด็กไม่ยอมให้แม่ช่วย ในเมื่อลูกตื่นแล้วก็ดีเรากลับไปอยู่ที่ห้องเดิมกันเถอะ คุณแม่คะต่อจากนี้ฉันจะกลับไปอยู่ที่ห้องเดิม และต่อจากนี้ฉันกับลูกจะกลับไปใช้ชีวิตสุขสบายให้สมกับเป็นสะใภ้เล็กของตระกูลมู่ด้วย ”

“ใครอนุญาตให้แกกลับเข้าไปบ้านหลังใหญ่กัน คนอย่างแกนะเหมาะสมกับห้องเก็บของที่สุดแล้ว” ซูเจี้ยนเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกายรีบพยุงตัวเองลุกขึ้นเพื่อกีดกันไม่ให้เฟิงมี่ทำตามใจตัวเอง

“ที่ฉันพูดไม่ได้ขออนุญาตแค่บอกให้รู้เท่านั้นเอง ฮว๋าเย่ไปกันเถอะถ้าคุณย่าบอกว่าที่นี่เหมาะกับเรา อย่างนั้นคุณแม่ลองอยู่ในห้องนี่ดูมั้ยคะ” พูดจบเฟิงมี่จับตัวของซูเจี้ยนโยนเข้าห้องเก็บของพร้อมล็อคจากด้านนอกทันที

“กรี๊ด ๆ ๆ แกนังเฟิงมี่เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ !! อ๊ายยนั่นมันหนูไม่ใช่หรือไง กรี๊ด ๆ ๆ นังเฟิงมี่อย่าให้ฉันออกไปได้นะฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด ” เสียงกรี๊ดร้องของซูเจี้ยนดังออกมาต่อเนื่องเพราะห้องเก็บของเต็มไปด้วยของและหนูแมลงสาบ ต่อให้ทำความสะอาดดีแค่ไหนก็ยังคงมีสัตว์พวกนี้อยู่ดี อีกทั้งกลิ่นห้องที่เหม็นอับชื้นทำให้ซูเจี้ยนแทบหายใจไม่ออกใช้มือทุบประตูห้องอยู่ไม่หยุด

“คุณแม่คะทำแบบนี้คุณย่าจะไม่โกรธเรามากกว่าเดิมเหรอคะ ”

“ไม่ต้องไปสนใจหรอก ขนาดเรายังอยู่ได้เลยทำไมคุณย่าจะอยู่ไม่ได้ล่ะ เราไปกันเถอะแม่จะพาฮว๋าเย่กลับไปสู่ที่เดิมที่เราสมควรจะได้อยู่ไม่ใช่กาฝากพวกนั้น ” เฟิงมี่จับมือน้อย ๆ ของฮว๋าเย่เดินไปที่บ้านหลังใหญ่โดยไม่สนใจเสียงร้องของซูเจี้ยนแม้แต่น้อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel