Kinn & KaemSai - 4 คนเมา
Kinn & KaemSai - 4 คนเมา
“ไม่ได้พี่” เพลงจับมือครามออกจากแขนเรียวของเพื่อนสาวในทันที
เห็นดังนั้นคินท์ก็กลับมานั่งพิงโต๊ะตามเดิมเพิ่มเติมคือเขากอดอกจ้องมองหน้าตึง
การกระทำของคินท์ปรากฏต่อสายตาของไทม์ที่ยืนมองทุกคนผ่านกระใสจากด้านนอกมาสักพักแล้ว
“ใครอีกไหมเรียงตัวมาเลย” เมื่อฤทธิ์ขมบาดคอร้อนผ่าวเข้าสู่ร่างกาย เลือดนักสู้ที่มีอยู่ในตัวก็พุ่งขึ้นเป็นหลายเท่า
สิ้นเสียงท้า เพลงก็จัดแจงแข่งกับเพื่อนตัวเล็กต่อ
ต่อมาก็เป็นไทม์ที่เดินเข้ามา และเป็นฟินท์ที่ขอแข่งอีกเพราะอยากมอมเหล้าเพื่อนสาวที่ชอบอวดเก่ง
อยากให้เธอได้ดื่มเยอะ ๆ จนอ้วกจะได้เข็ดหลาบ
เวลาผ่านไป…
“เหี้ย กูแพ้ทุกคนเลย” เสียงหวานแหลมหูที่ท้าทายแข่งในตอนต้น ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงยานเอ่ยปากบ่นไม่หยุด
“กูเตือนมึงแล้ว” ฟินท์เอ่ยพูด แต่เขาเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายขอแข่งกับคนตัวเล็กหลายรอบมากกว่าใคร ๆ
“ใครจะแบกมันล่ะทีนี้” เพลงพูดขึ้นพร้อมกับจ้องมองเพื่อนสาวด้านข้างที่กำลังหัวพับคออ่อนส่ายไปมา
“กูยังไหว” แก้มใสได้ยินทุกคำที่เพื่อนทั้งสองพูดถึง แต่แค่ทรงตัวไม่อยู่เท่านั้นเอง
ร่างบางยืนขึ้น พยายามจะขึ้นไปด้านบนด้วยตัวเอง แต่แล้ว...
“อ๊ะ” บ้านก็หมุนแรงจนทรงตัวไม่อยู่
หมับ
แขนแกร่งของครามประคองร่างบางได้ทันพร้อม ๆ กับคินท์
สองพี่น้องต่างจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ปล่อยมันให้ไอ้คินท์เถอะพี่” ไทม์เอ่ยพูดขึ้น
ครามจึงปล่อยแขนแกร่งออกจากร่างบางและถอยห่างออกมา
จากนั้นคินท์ก็จัดการอุ้มร่างบางในท่าเจ้าสาวหันก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองในทันที
“เวียนหัว เบา ๆ หน่อยดิว่ะคินท์” เสียงเล็กเอ่ยพูดขึ้นเมื่อจังหวะก้าวเดินขึ้นบันไดของคินท์มันทำให้เธอเวียนหัวยิ่งกว่าเดิม
“ยังดีที่มีสติรู้ว่าเป็นกู” สายตาคมก้มมองคนตัวเล็กเพียงแวบเดียว ก่อนจะมองตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ทำเหมือนจะไม่สนใจในคำพูดของเธอ แต่ก็ยอมค่อย ๆ ก้าวทีขึ้นละขั้นอย่างเบาเท้า
“ก็เป็นมึงทุกครั้ง” แขนเรียวยกคล้องคอแกร่ง ใบหน้าหวานซบลงอก ที่รู้ว่าเป็นคินท์เพราะกลิ่นน้ำหอมจากตัวเขา
เธอจำกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของคินท์ได้ดี มันหอมเป็นพิเศษเมื่ออยู่บนตัวเขา
“แขนมึงแข็งทำกูเจ็บ” แก้มใสเอ่ยพูดไม่หยุดและกระชับแขนเรียวที่คล้องคอแกร่งแน่นยิ่งขึ้น จนใบหน้าหวานเริ่มเข้าใกล้ซอกคอของเขาเรื่อย ๆ
“ทำไมต้องเป็นคนมาส่งกูทุกครั้งด้วย” เสียงหวานพูดอยู่ที่ข้างหูเขาไม่หยุด
“เมาแล้วก็ชอบถามมาก” ลมอุ่น ๆ จากปากเพื่อนสาวทำเอาคินท์ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“เพราะมึงชอบกูไง ถึงมาส่งกูทุกครั้ง” เธอไม่ได้ยินคำพูดของคินท์เลยสักนิด เอาแต่ถามเองและตอบเองในภวังค์ของเธอ
“ฉลาดอยู่เหมือนกันนี่” ริมฝีปากหนายกยิ้ม พร้อมกับวางร่างบางลงบนเตียง
“แล้วไงกูต้องชอบมึงตอบไหม” เพราะแขนเรียวยังคล้องที่คอแกร่งอยู่ทำให้เขาต้องโน้มตัวลงไปตาม
“ไม่จำเป็น แต่มึงอย่าไปรู้สึกกับคนใกล้ตัวกู” ใบหน้าทั้งสองอยู่ใกล้กันเพียงคืบ
“หึง หวง กูเหรอ…” ตาหวานเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมเพื่อจ้องดวงตาคมคู่หน้าให้ชัด ๆ
“…สบายใจได้ กูไม่คบคนใกล้ตัวกูเหมือนกัน” จากเสียงยาน ๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ แต่เมื่อเป็นประโยคนี้ เธอกลับพูดได้ชัดเจนขึ้นเหมือนคนปกติ สายตาก็จริงจังอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองจ้องตากัน เขาเข้าใจในสิ่งที่เธอสื่อเป็นอย่างดี
ว่าคนใกล้ตัวที่เธอหมายถึง นั่นก็คือ เขาเอง
“นอนลงไป” คินท์พยายามแกะมือเล็กออกจากคอแกร่ง
หมับ! มือเล็กเปลี่ยนจากคอแกร่งมากอบกุมใบหน้าหล่อเหลาเอาไว้
แขนทั้งสองข้างของคินท์ก็เปลี่ยนมาค้ำยันไว้กับเตียงคร่อมร่างบางไว้เช่นกัน
“ผิวมึงโคตรดีเลย กูนี่ประโคมครีมทาเป็นถังแล้ว ทำไมผิวยังไม่ดีเท่ามึงเลยนะเนี่ย” เสียงหวานกลับมายืดยานเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์อีกครั้ง
“ไหน ขอดูหน้าชัด ๆ ดิ”
คินท์เบือนหน้าหนีเพราะจมูกของเขาเริ่มจะชิดกับปลายจมูกของเธอ
หมับ
“เดี๋ยว จะหันไปไหน มองแค่นี้ทำเป็นหวง” มือเล็กใช้แรงดึงใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม
“เมาแล้วเรื้อน” แม้ปากจะพูดออกไปอย่างนั้นแต่ก็ยอมให้คนตัวเล็กทำอะไรได้ตามใจ โดยที่พยายามเบือนสายตาคมออกไปมองทางอื่น
เพราะกลัวจะเผลอสบตากับเธอเข้า
และถ้าได้เผลอสบตาแบบที่คิดเขาก็กลัวว่าจะอดใจไม่ไหว กลัวจะทำอะไรเหมือนที่สระว่ายน้ำอีกเป็นครั้งที่สอง
“ไม่เคยสังเกตใกล้ ๆ เลย หล่อเหมือนกันนะเนี่ย” ดวงตาหวานฉ่ำปรือ สำรวจไปทั่วไปหน้าหล่อเหลาอย่างใกล้ชิด
“ไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วเหรอว่ากูหล่อ” ยิ่งเธอชม หัวใจก็ยิ่งกระตุกเต้นระรัว เหมือนมันจะหลุดออกจากอก
“หล่อจนใจสั่นเลย คิ้วหน้า ตาได้ จมูกโด่งพุ่ง ผิวหน้าก็ดี ขาวเนียน ปากนิดอวบอิ่ม” ไม่พูดเปล่านิ้วเรียวยังลูบไล้ไปทั่วใบหน้า ในขณะที่เอ่ยก็ไล้ไปส่วนตามส่วนต่าง ๆ
อึก เสียงกลืนน้ำลายลงคอดังอึกของคนตัวเล็กทำให้คินท์ต้องเบนสายตามามองยังคนใต้ร่าง
แค่สัมผัสจากมือเรียวนุ่ม ก็ทำเขากระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูกแล้ว
เมื่อหันสายตามามองยังคนตัวเล็กก็พบกับสายตาที่พร้อมจะเขมือบเขาเข้าไปทั้งตัว
---
