EP.7 คิดไม่ตก
ทั้งสองทำสีหน้าท่าทางวิตกกังวลไม่น้อย ที่จะต้องได้แต่งงานกันตามที่ผู้ใหญ่ต้องการ อิงทัชลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วใช้มือหนาจับข้อมือนิวรินให้ลุกขึ้นยืน สายตาคมตวัดมองใบหน้าเรียวมนให้ลุกขึ้นตามเขา เธอทำตามอย่างว่าง่าย
“พวกเราขอคุยกันเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ”
เสียงทุ้มต่ำของอิงทัชเอ่ยขึ้น ทั้งสองกุมมือกันไว้แน่นราวกับคู่รักจนเหงื่ออาบชุ่มไปทั้งมือ นิวรินส่งยิ้มบางๆ ให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่ ที่กำลังจ้องมองพวกเขาไม่ละตา ราวกับว่ากำลังจะจ้องกับผิดพวกเขาอยู่
“งั้นหนูสองคนขอตัวกันก่อนนะคะ”
“ผมไปส่งน้องนิวรินเลยนะครับ”
อิงทัชและนิวรินพูดจบ พวกเขาก็พากันเดินออกไปจากห้องอาหารทันที ปล่อยพวกผู้ใหญ่คุยกันตามปกติ ราวกับว่าเรื่องนี้เป็นตามที่ตกลงกันไว้ว่า “ทั้งสองต้องแต่งงานกัน”
“คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ยอิงทัช”
นิวรินเอ็ดเขาทันทีที่เดินออกมาจากด้านใน ทำทีท่าหน้าตาขึงขังบึ้งตึง จ้องมองอิงทัชอย่างเอาเรื่อง ที่พาเธอออกมาทั้งๆ ที่ยังคุยกับผู้ใหญ่ไม่รู้เรื่อง
“ก็ตกลงกับคุณไง ยังไงคุณพ่อผมไม่ยอมแน่ รวมถึงพ่อคุณด้วย ถ้าแต่งงานกันแต่ไม่ผูกมัดกันได้ไหม แบบนี้คุณโอเครึเปล่า”
คำพูดแสนเห็นแก่ตัวออกมาจากปากอิงทัช มือเรียวปะทะลงใบหน้าสากจนเขาหน้าหันไปอีกข้าง เธอไม่เคยโกรธอิงทัชเท่านี้มาก่อนเลย ความคิดเห็นแก่ตัวของเขาทำเอานิวรินทนไม่ไหว สายตาแห่งความรู้สึกผิดหวังจ้องมองมายังอิงทัช จนเขาต้องหลบสายตา
“คุณมันเห็นแก่ตัวที่สุดเลย ไอ้บ้าเอ๊ย!!”
“ถ้าแต่งงานกันแล้วคุณยังไปเอาผู้หญิงคนอื่น แล้วฉันกับครอบครัวจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
เขาลืมคิดไปเสียสนิท มัวแต่เอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง จนลืมคิดถึงจิตใจและครอบครัวของนิวริน อิงทัชยิ้มเจื่อนๆ ให้คนตัวเล็ก ที่กำลังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตรงหน้า ดวงตากลมโตคู่สวยเริ่มแดงก่ำอย่างห้ามไม่ได้
“ผมขอโทษ ผมลืมคิดไปเลย”
มือหนากุมมือนิวรินไว้แน่น แววตารู้สึกผิดของเขาทำเอานิวรินใจอ่อน ก่อนที่คนตัวสูงจะโน้มใบหน้ามาจูบที่หน้าผากมนอย่างแผ่วเบา
“อย่าโกรธนะ นะ นะ”
ความรู้สึกกลัวว่านิวรินจะโกรธอยู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัวอิงทัช จนเขาลืมตัวคิดว่าเธอเป็นคู่รักของเขาจริงๆ ทำเอานิวรินหัวใจเต้นระรัวอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกหวั่นไหวเข้ามาในหัว ประเดประดังเต็มไปหมด นี่มันความรู้สึกอะไรกันที่กำลังเข้ามาเล่นงานเธอ จนเธอตั้งตัวไม่ถูกกับสัมผัสที่รู้สึกอบอุ่นนี้
“สรุปสองคนรู้จักกันดีกว่าที่พ่อกับแม่คิดใช่ไหม?”
เสียงแทนทองเอ่ยขึ้น ผู้ใหญ่ทั้งสี่เดินออกมาพอดีกับจังหวะเมื่อครู่ ทำเอาสองคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ มือเรียวหยิกเข้าไปที่สะเอวของอิงทัชทันที พลางส่งยิ้มแหยๆ ให้พ่อและแม่ของตัวเอง
“ไม่ค่ะ พอดีเมื่อกี้มันเป็นอุบัติเหตุค่ะคุณอา”
“จริงเหรอ?”
สายตาของปรเมศเหลือบมองหน้าลูกสาวของตัวเองอย่างรู้สึกสงสัย พลางยกยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วหันไปมองแทนทองและอิงดาว
“จริงครับ จริงๆ”
“แต่ถึงยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับน้องอยู่ดี ทำแบบนี้น้องเขาเสียหาย คนอื่นผ่านไปผ่านมาเขาจะคิดยังไงที่แกทำเมื่อกี้ หึ”
แทนทองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แล้วหันไปส่งยิ้มให้ทั้งสามที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างรู้สึกยินดี ที่พวกเขาทั้งคู่ดูเหมือนจะให้ความร่วมมือกับการแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้
“อ๊ะ!! คุณอานิวรินไม่....”
“แกต้องแต่ง”
เสียงปรามของปรเมศทำเอานิวรินหยุดชะงักไม่กล้าพูดต่อ แล้วหันไปเหลือบตามองอิงทัชที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างหวั่นๆ ทั้งคู่ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรม ในสิ่งที่พวกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเป็นคนกำหนด ทั้งๆ ที่ไม่อยากทำ
“คุณพ่อ!!”
นิวรินทำหน้านิ่วแล้วยกมือทั้งสองข้างมาประสานกัน ก้มศีรษะลงไหว้แทนทองและอิงดาว แล้วพาตัวเองออกไปจากที่ตรงนั้น ไม่พูดไม่จาอะไรแม้แต่คำเดียว ใจเธอเดือดดาลราวกับฟืนไฟเพราะความเอาแต่ใจของพ่อตัวเอง
ถ้าพ่อของเธอรู้ว่าอิงทัชเป็นผู้ชายแบบไหน และเธอกับเขาอยู่ในสถานะอะไร มีข้อตกลงอะไรกันไว้ นิวรินเองก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าพ่อตัวเองยังจะอยากให้เธอแต่งงานกับอิงทัชอยู่หรือเปล่า
“ตามน้องไปสิ มัวยืนอยู่ทำไม”
อิงดาวเอ่ยขึ้นกับลูกชายตัวแสบที่ทำท่าทีงกๆ เงิ่นๆ อยู่ เขาทำตามอย่างว่าง่าย รีบสาวเท้าก้าวเดินตามไปทันที
“ผมว่างานนี้ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดนะครับ เด็กๆ น่าจะรู้จักกันดีกว่าที่พวกเราคิด”
ปรเมศเอ่ยขึ้นยิ้มให้แทนทองและอิงดาว ที่ทั้งสองตระกูลกำลังจะเป็นทองแผ่นเดียวกัน
“ใช่ครับ เรื่องงานแต่งผมจะจัดการให้เร็วที่สุด” น้ำเสียงทุ้มที่อ่อนนุ่มของแทนทองเอ่ยขึ้น
อิงทัชรีบวิ่งมาขวางหน้านิวรินไว้ก่อนที่เธอจะก้าวขาขึ้นรถคันหรู มือข้างขวารีบคว้าข้อมือนิวรินเอาไว้ กระชากเธอเข้ามาสู่แผงอกแกร่งจนเธอเซถลา
“อร๊ายยยย...ทำบ้าอะไรของคุณ”
“กลับไปเลยไปบอกพ่อคุณด้วยยังไงฉันก็ไม่แต่งกับคุณหรอก”
“ทำไมตอนนอนเอากันยังเคยมาแล้วเลย ตอนแบบนี้ทำมาเป็นหวงเนื้อหวงตัว”
ใบหน้าคมสันโน้มลงไปบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มของนิวริน เอาปลายลิ้นสอดประสานเข้าไปเกรียวกร่ายพัลวันอย่างดูดดื่ม ลิ้นเล็กกวาดต้อนลิ้นสากแล้วขลบกัดมันอย่างจัง จนอิงทัชถึงกับต้องละริมฝีปากหยักออกอย่างไว
