บทที่ 2
บทที่ 2
“ทำหน้าให้มันสนุก ๆ หน่อยดิวะ นัดมาดื่มก่อนเข้าเรียนต้องปลดปล่อยดิวะ”
ปอร์เช่หันไปมองหน้าฟาโรแล้วกระตุกยิ้มที่มุมปาก คืนนี้พวกเขานัดกันมาดื่มก่อนที่จะต้องแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย
“เออ” ชายหนุ่มตอบเพื่อนแล้วยกแก้วขึ้นมาชนกัน ความเซ็งพลันหายไปในพริบตา เพราะคิดว่าต้องสนุกให้เต็มที่ เผื่อว่าเข้าเรียนมหาลัยแล้วจะไม่มีเวลาได้ออกมาสนุกแบบนี้อีก
ปอร์เช่ไม่หันไปมองสาวสวยคนนั้น แต่หัวใจมันก็เรียกร้องให้ต้องคอยหันไป เขาจึงตรึงสายตาไว้ที่เธอแค่คนเดียว ไม่ให้ผู้ชายที่มาด้วยในเข้ามาอยู่ในสายตาเด็ดขาด!
“มึงเมาแล้วเหรอวะ” ฟาโรเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วปอร์เช่ไม่ค่อยเมา แต่คืนนี้เขากลับเมาเป็นคนแรก
ปอร์เช่นั่งคอตกยกมือขึ้นปฏิเสธ เขากำลังสื่อว่าตัวเองไม่เมาทั้งที่ทรงตัวไม่ค่อยอยู่แล้ว ชายหนุ่มไม่อยากถูกแซวว่าคืนนี้เมาก่อนใครเพื่อน แต่ท่าทางของเขาก็ปิดเอาไว้ไม่มิด
“มึงอะเมาแล้วไม่ต้องโกหก” พัตเตอร์พูดเสียงดังกรอกหู ปอร์เช่ตวัดสายตาขุ่นไปให้แล้วลุกขึ้นจะเข้าไปเตะเพื่อนสักที แต่ทว่าพอเขาลุกก็เซไปชนกับโต๊ะข้าง ๆ
“ขอโทษด้วยครับ” ฟาโรก้มหัวขอโทษโต๊ะข้าง ๆ แทนเพื่อน อีกฝ่ายไม่ติดใจอะไรเพราะเข้าใจว่าคนเมาทรงตัวไม่อยู่
“ขอโทษทำไมวะ กูแค่ชน” ปอร์เช่ทำหน้าหงุดหงิด ที่เพื่อนก้มหัวให้คนอื่น ลูกมาเฟียอย่างเขาไม่ยอมก้มหัวให้ใครง่าย ๆ เด็ดขาด!
บิดาของปอร์เช่เป็นมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล เป็นที่นับหน้าถือตามีแต่คนต้องก้มหัวให้ เขาเห็นจนชินตา แต่ปกติแล้วเขาก็เป็นคนอ่อนน้อมคนนึง เพียงแต่พอเมาเข้าไปก็มีนิสัยไม่ยอมใครขึ้นมาทันที
“มึงผิดก็ขอโทษ กูไม่อยากมีเรื่อง” ฟาโรประคองปอร์เช่ไว้ กลัวว่าปอร์เช่จะเซไปชนใครเข้าให้อีก
“พากลับเถอะว่ะ” พัตเตอร์เอ่ยขึ้นมา
ฟาโรพยักหน้าให้แล้วพาปอร์เช่มาที่รถ เขาขับรถพาไปส่งที่บ้านโดยที่ให้พัตเตอร์ขับตามไปด้วย ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องนอนค้างบ้านปอร์เช่อีก
รถสปอร์ตเลี้ยวเข้ามาที่คฤหาสน์หลังงามบนที่ดินทำเลดี บอดี้การ์ดที่เดินตรวจดูความเรียบร้อยก่อนจะเข้านอนเดินเข้ามาที่รถเพื่อเปิดประตูให้เจ้านาย ทว่าคนที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับลงมาจากรถซะก่อน เขาเลยเปิดประตูฝั่งด้านข้างแทน
“นายน้อยทำไมเมาเละแบบนี้ล่ะครับ” บอดี้การ์ดเอ่ยออกมาพร้อมกับจับแขนของปอร์เช่พาดบ่าเขาไว้เพื่อที่จะได้ประคองลงจากรถ
“เมาห่าไรวะ ไม่เมา!” นายน้อยของเขาเสียงแข็งกระด้าง กลิ่นเหล้าคลุ้งจนฉุนจมูก เขายิ้มเจื่อนให้กับเพื่อน ๆ ของปอร์เช่
“ผมขอตัวพานายน้อยขึ้นห้องก่อนนะครับ ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” เขาก้มหัวให้กับพัตเตอร์และฟาโร แล้วพาปอร์เช่ขึ้นไปนอนบนห้อง
ปอร์เช่นอนหลับสนิทไปทันทีที่หัวถึงหมอน กระทั่งเช้าของอีกวันเขาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดหัว ชายหนุ่มลุกขึ้นมาแล้วเข้าไปอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่น ความปวดหัวทุเลาลงไปบ้างแล้ว
“ไงไอ้ตัวดี เมื่อคืนเมาหนักเลยหรือไง” ประมุขของบ้านเอ่ยเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบมองลูกชายนิ่ง จนปอร์เช่ยิ้มแห้งแล้วหาทางเอาตัวรอดด้วยการไปกอดมารดาเอาไว้
“สังสรรก่อนเรียนไงครับพ่อ”
“ฮึ เดี๋ยวเข้าเรียนแล้วแกก็ออกเที่ยวอยู่ดี” บิดารู้ทันลูกตัวเองอยู่แล้ว ปอร์เช่ชอบเที่ยวกลางคืน ต่อให้เข้าเรียนแล้วจะยุ่งขนาดไหนก็ยังต้องออกเที่ยวอย่างแน่นอน
“แม่ทำอะไรร้อน ๆ ให้กินหน่อยสิครับ ผมปวดหัว” ปอร์เช่เถียงพ่อไม่ออก เขาเลยอ้อนผู้เป็นแม่
“แม่ทำข้าวต้มไว้ให้แล้วลูก”
“แม่แกน่ะพอรู้ว่าแกเมาหนัก ก็รีบเข้าไปทำข้าวต้มไว้รอเลย ไม่รู้จะเอาใจไปถึงไหน” ชายวัยกลางคนปรายตามองภรรยาตัวเองที่เอาใจลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ซะเหลือเกิน
“คุณไม่ต้องมาว่าฉันเลย คุณเองก็ถอยรถใหม่ไว้ให้ลูกไปเรียน คุณก็เอาใจลูกเหมือนกันนั่นแหละ”
“รถใหม่เหรอครับ” ปอร์เช่เอ่ยออกมาด้วยความตะลึงงัน เขาเคยเปรยไว้ว่าอยากได้รถยุโรปอีกคันเพราะไม่อยากขับรถสปอร์ตไปเรียน
“ใช่ แต่พอรู้ว่าแกเมา พ่อก็ไม่อยากให้แล้ว”
“ซื้อมาแล้วก็ต้องให้สิครับ” ปอร์เช่ยิ้มให้กับผู้เป็นพ่อ ใบหน้าที่เคร่งขรึมของนายใหญ่อ่อนลงจนมีรอยยิ้ม เขาแค่ตำหนิเรื่องเมา แต่ถึงยังไงก็ยังให้รถกับลูกอยู่ดี
“ขอบคุณนะครับพ่อ” ปอร์เช่ยกมือไหว้พ่อแล้วโผเข้าไปกอดแม่ด้วยความดีใจ
ตั้งแต่เด็กจนโตถึงวัยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย พ่อแม่ของเขาเลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจมาเสมอ สิ่งที่ลูกต้องการพวกเขาไม่เคยขัดและหามาให้ได้ทุกอย่างเสมอ
