บท
ตั้งค่า

บทที่1

บทที่1

หลี่ฝูอวิ๋นรู้สึกตัวอีกทีก็เช้าของอีกวัน เมื่อคืนนางร้องไห้จนเผลอหลับไป นางจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินออกไปข้างนอก นับตั้งแต่ที่รู้สึกตัวนางก็เอาแต่คลุกตัวอยู่ในห้องพัก คิดว่าคาดเดินออกไปภายนอกบ้างอารมณ์ของตนคงดีขึ้น

ทันทีที่หลี่ฝูอวิ๋นเปิดประตูออกไป ก็พบเข้ากลับหลินอี้ที่กำลังฝึกยุทธ์อยู่ที่ลานกว้าง นางพึ่งจะได้เห็นใบหน้าของหลินอี้ชัดเจน เพราะในห้องไม่เคยสว่างเท่าใดนัก อีกทั้งเวลาหลินอี้มาหานางก็ค่ำแล้วเลยไม่ได้เห็นใบหน้าหลินอี้เท่าที่ควร 

ทว่าตอนนี้แสงสว่างเพียงพอนางจึงได้เห็นรูปลักษณ์ของหลินอี้อย่างชัดเจน จึงได้รู้ซึ่งคำว่าชายงามก็วันนี้เอง หลินอี้หน้าตางดงามราวกับอิสตรี รูปร่างสูงโปร่งที่กำลังร่ายรำกระบี่อยู่ที่ลาน ช่างเป็นภาพที่งดงาม

หลินอี้ที่กำลังฝึกกระบี่อยู่นั้นก็รู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองมาที่ตน จึงได้หันไปมอง เมื่อเห็นว่าหลี่ฝูอวิ๋นกำลังเดินเข้ามา เขาจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหานางแทน

" เจ้าตื่นเเล้วหรือ " หลินอี้กล่าวถาม

" อืม " หลี่ฝูอวิ๋นตอบรับคำของหลินอี้อย่างเเผ่วเบา พลางกวาดสายตาสำรวจชายหนุ่มตรงหน้านี้อีกรอบ

หลินอี้ที่สวมอารมณ์สีขาวเนื้อบาง ด้วยที่เข้ากำลังฝึกยุทธ์จึงมีเหนื่อยออกจนเปียกชุ่มอาภรณ์ที่สวมอยู่ ทำให้อาภรณ์เนื้อบางแนบชิดกับร่างของเขา หลี่ฝูอวิ๋จึงได้เห็นรูปร่างภายใต้อาภรณ์เนื้อบางอย่างชัดเจน ใบหน้าอันงดงามพลันแดงก่ำขึ้นมา

" เจ้าหิวหรือไม่ " หลินอี้กล่าวถามสตรีตรงหน้าด้วยท่าทีปกติ ส่วนหลี่ฝูอวิ๋นจึงพยักหน้าตอบรับเขาเสร็จพลันเบือนหน้าหนีไปทางอื่น      

 " ข้าไปนั่งรอข้าที่โต๊ะสักครู่ ข้าจะไปเอาอาหารมาให้ " เมื่อหลินอี้เอ่ยขึ้นอีกครั้งกระบี่ที่อยู่ในมือก็พลันหายไปชั่วพริบตา จากนั้นเขาจึงเดินหายเข้าไปที่ห้องครัวที่อยู่ถัดจากลานฝึกมิไกลมานัก

ทางด้านหลี่ฝูอวิ๋นที่เห็นกระบี่ในมือของหลินอี้หายไปต่อหน้าต่อตา พลันรู้ได้ทันทีว่าหลินอี้เป็นผู้ฝึกตน ในโลกนี้มีผู้ฝึกตนเพื่อที่จะเป็นเซียนอยู่มากมาย ทั้งยังมีสำนักเซียนที่รับผู้ฝึกตนที่อยากจะเป็นเซียนอยู่อีกมากเช่นกัน นางจึงมิได้ตกใจมากนักที่เห็นเช่นนั้น

ระหว่างรอหลินอี้กลับมา หลี่ฝูอวิ๋นก็ได้เดินสำรวจรอบเรือนพัก เรือนที่นางพักอาศัยอยู่ในตอนนี้เป็นเรือนสี่ประสานและมีลานกว้างอยู่ตรงกลาง 

ตรงลานเเห่งนี้มีสมุนไพรตากอยู่ประปราย ห่างจากตัวเรือนไม่ไกลมากนักก็เป็นหน้าผาสูงชัน ที่ริมหน้าผามีต้นหอมหมื่นลี้ต้นใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ใต้ต้นหอมหมื่นลี้มีโต๊ะและเก้าอี้เตี้ยตั้งอยู่ครบชุด นางจึงเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้เตี้ยใต้ต้นหอมหมื่นลี้แล้วทอดสายตามองไปยังวิวทิวทัศน์ที่อยู่ข้างหน้า ที่นี่สมแล้วที่เรียกว่าผาชมจันทร์วิวทิวทัศน์งดงามยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงทิวทัศน์ในยามค่ำคืนว่ามันจะงดงามเพียงใด

หลี่ฝูอวิ๋นมองวิวทัศน์ตรงหน้าเหม่อลอยอยู่นาน ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าหลินอี้มาตั้งแต่เมื่อใด จนกระทั่งเสียงของเขาขึ้นนางถึงรู้สึกตัว

" กินข้าวได้แล้ว " หลินอี้กล่าวจบก็ยื่นชามข้าวกับตะเกียบให้สตรีตรงหน้า

 หลี่ฝูอวิ๋นจึงยื่นมือไปรับมาชามข้าวมาจากหลินอี้ จากนั้นก็เริ่มลงมือกินข้าวอย่างเหม่อลอยอีกครั้ง หลินอี้เห็นหลี่ฝูอวิ๋นนั่งเหม่อลอยจึงได้ถอนหายใจออกมาเบาๆกับท่าทางหมดอาลัยตายอยากของนาง เมื่อทานข้าวเสร็จเขาจึงเก็บชามข้าวของตนออกไปและกลับมาพร้อมกับถ้วยยา " ยานี่ผู้เฒ่าเหอซานจัดเทียบยาให้เจ้า " 

สิ้นเสียงของหลินอี้ หลี่ฝูองิ๋นจึงยกถ้วยยาขึ้นมาดื่มจนหมดก่อนจะส่งคืนให้แก่เขา จากนั้นนางก็นั่งเหม่อมองยังวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าโดยไม่สนใจคนตรงหน้านี้อีกต่อไป

จนกระทั่งหลินอี้เก็บถ้วยชามและตะเกียบแล้วเดินออกไปปล่อยให้หลี่ฝูอวิ๋นนั่งอยู่คนเดียวเงียบๆและค่อยมองนางเป็นระยะเผื่อว่านางคิดสั้นกระโดดหน้าผาอีกรอบ หากรอบนี้นางสำเร็จ แม้เทพเซียนก็มิอาจช่วยได้แล้ว

ตอนที่เขากับผู้เฒ่าเหอซานไปพบนางที่หมดสติอยู่ใต้หุบเหวลึก สภาพนางตอนนั้นคือขาทั้งสองขาหักซี่โครงก็หักไปหลายซี่ โชคดีที่ไม่โดนสัตว์ป่าลากไปกินสักก่อน ผู้เฒ่าเหอเป็นหมอที่เก่งกาจถึงสามารถช่วยนางจากประตูนรกมาได้ พอเขามารู้ทีหลังว่านางฆ่าตัวตายจึงอดสงสารไม่ได้ 

นางพึ่งจะอายุสิบเจ็ดหนาวต้องมีความคับข้องใจเพียงใด ถึงได้คิดสั้นเช่นนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกเห้นใจนาง ทว่าตัวเขาเองก็ทำได้เเค่เคยดูแลนางอยู่ห่างๆเท่านั้นเอง

หลังจากที่หลี่ฝูอวิ๋นหายดีจนร่างกายกลับมาใช้งานได้เป็นปกติแล้ว นางจึงตัดสินใจอยู่ที่ผาชมจันทร์ต่อ เพราะไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก จึงได้ขออยู่กับทั้งสองคนต่อ

เวลานี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วที่นางอาศัยอยู่ที่ผาชมจันทร์ ผู้เฒ่าเหอซานกับหลินอี้ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ผาชมจันทร์ตลอด พวกเขาไปๆมาๆ นางก็ไม่รู้เช่นเดียวกันว่าพวกเขาไปทำอะไรกันแน่ 

เมื่อทั้งสองกลับมาก็มักมีของฝากเล็กๆน้อยๆมาให้หลี่ฝูอวิ๋นเสมอไม่ว่าจะเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับของสตรี โดยเฉพาะหลินอี้เขาชอบซื้อปิ่นปักผมหรือไม่ก็กำไลมาเอาใจนางเป็นประจำ ตัวนางเองก็มิรู้ว่าเขาทำเช่นนั้นเพราะเหตุใดด้วย ในเมื่อให้มานางก็รับไว้เพียงเท่านั้นเอง

นางคิดว่าใช้ชีวิตอยู่ที่ก็ดีเช่นกัน ไม่ต้องกลับไปเห็นสองคนนั้นพลอดรักต่อหน้าต่อตาให้เจ็บแค้น และยิ่งมิต้องได้ฟังถ้อยคำถากถางให้เสียอารมณ์ การที่ได้อยู่ที่ผาชมจันทร์ทำให้จิตใจของนางเริ่มสงบลง ไม่ได้ร้องได้จนหยาดน้ำตาแทบเป็นสายเลือดเหมือนในช่วงแรกๆที่มาถึง ความรู้สึกนึกคิดก็เริ่มเปลี่ยนไป จากคนที่ร่าเริงแจ่มใสกลับคลายเป็นคนยังเงียบขรึมและเย็นชา

ที่สำคัญตอนนี้นางเริ่มศึกษาวิชาแพทย์และเริ่มเรียนรู้เป็นผู้ฝึกตนไปพร้อมกับหลินอี้ โดยมีผู้เฒ่าเหอซานเป็นผู้ชี้แนะ ทว่านางไม่ได้กราบผู้เฒ่าเหอซานเป็นอาจารย์

" ฝูอวิ๋น เจ้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ " เสียงทุ้มลึกของหลินอี้กระซิบข้างหูของหลี่ฝูอวิ๋น ทันทีที่รู้สึกว่ามีลมร้อนเป่ารดต้นคอของตน หลี่ฝูอวิ๋นจึงหันกลับไป ก็พบเข้ากับใบหน้าอันงดงามของหลินอี้ที่อยู่ใกล้เพียงปลายจมูก

" เลิกทำเช่นนี้เสียทีเถอะ " หลี่ฝูอวิ๋นเอ่ยขึ้นเสียงเรียบเฉย จากนั้นจึงหันหน้ามองดูวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าต่อ โดยไม่สนเสียงหัวเราะชอบใจของหลินอี้

" คืนนี้ดวงดาวงดงามนัก เจ้าดื่มสุราเป็นเพื่อนเข้าหน่อยเป็นไร " หลินอี้กล่าวจบก็นำไหสุราใบเล็กสี่ห้าไหออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะวางลงบนโต๊ะตรงหน้าของหลี่ฝูอวิ๋น

" ได้ " เมื่อกล่าวจบหลี่ฝูอวิ๋นถึงจุกไหสุราออก พลางยกขึ้นดื่ม รสหอมหวานของสุราไหลลงคอ นางจึงเอ่ยขึ้นต่อ " สุราหมื่นรส ของดี " จากนั้นก็ยกไหสุรสกระดกขึ้นดื่มอีกรอบ 

หลินอี้มองหลี่ฝูอวิ๋นยกสุราดื่มพลันยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน " จริงสิ เจ้าคอยบอกข้าว่าเจ้าชอบดีดพิณข้าเลยหามาหาเจ้าโดยเฉพาะ " หลินอี้กล่าวจบก็นำพิณเจ็ดสายออกมาวางตรงหน้าหลี่ฝูอวิ๋น

เมื่อนางเห็นพิณเจ็ดสายที่สลักลวดลายดอกท้ออย่างงดงาม จึงก็วางไหสุราในมือลง เเล้วหันมาสนใจพิณเจ็ดสายที่หลินอี้นำมาให้ก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลง 

หลินอี้ได้เสียงเพาะที่ดังออกมาช่างไพเราะนุ่มนวล น่าฟังอย่างยิ่ง! ทว่าท่วงทำนองกลับรู้สึกเศร้าหมองยิ่งนัก ราวกับเสียงพิณถ่ายทอดความรู้สึกของผู้บรรเลงอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งเสียงพิณก็จบลงหลินอี้จึงกล่าวถามหลี่ฝูอวิ๋น

" เหตุใดถึงได้รู้สึกเศร้านัก ข้ายังไม่เคยได้ยินเพลงเช่นนี้มาก่อนมีชื่อเพลงหรือไม่ " 

" เพียงแค่ชาติภพหนึ่ง " หลี่ฝูอวิ๋นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะกระดกสุราเข้าปาก แล้วจึงหันมองทิวทัศน์ด้านหน้าต่อ      

เมื่อหลินอี้ได้ยินสตรีตรงหน้าตนกล่าวเช่นนั้น จึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุยกับนางใหม่ จนกระทั่งหลี่ฝูอวิ๋นเมาและหลับไป หลินอี้จึงอุ้มนางแล้วพาไปยังห้องพัก และวางร่างบางลงเตียงอย่างอ่อนโยน จากนั้นเขาก็นั่งลงที่เตียงแล้วเอามือปัดผมที่ลู่ลงมาปิดบังใบหน้าอันงดงามของนาง

ยิ่งนานวันเข้าตนก็ยิ่งรู้สึกหลงใหลผู้นี้มากขึ้นเรื่อยๆ นับวันหลี่ฝูอวิ๋นก็ยิ่งงดงามขึ้นเรื่อยๆ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อหลี่ฝูหลินงดงามถึงเพียงนั้นและแสนดีขนาดนี้ ชายผู้นั้นยังกล้าทรยศนางได้ลงคอ 

ทว่านับว่าเป็นโชคดีของเขาที่ได้มาพบนาง มันอาจเป็นโชคซะตาก็ได้ที่ทำให้เขาและนางได้พบกัน ในเมื่อชายผู้นั้นมิเห็นค่านาง เขาก็จะเป็นคนรักและทะนุถนอมอย่างดี จะไม่ปล่อยให้ใครมาทำร้ายนางหรือทำให้ต้องเสียใจเป็นอันขาด หลินอี้สัญญากับตัวเองในใจก่อนจะห่มผ้าให้นางและก้มลงจุมพิตที่หน้ามนของนางเเล้วเดินออกจากห้องนอนของนางไป

หลังจากที่หลินอี้เดินออกไปแล้ว หลี่ฝูงอวิ๋นที่หลับอยู่พลันลืมตาขึ้นและลุกขึ้นนั่งพิงที่หัวเตียง นางเอามือยกขึ้นแตะที่หน้าผากมนของตนตรงบริเวณที่หลินอี้จุมพิตเมื่อครู่ นางยังรู้สึกถึงริมฝีปากของหลินอี้อยู่เลย เดิมทีนางรู้สึกตัวตั้งแต่ที่หลินอี้อุ้มนางแล้ว 

แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงไม่ลืมตาขึ้น อาจจะนางเกียจคร้านจนมิอยากเดินกลับเองจึงปล่อยให้หลินอี้แถมตนมาส่งที่ห้อง แต่ผู้ใดจะไปคิดว่าคนผู้นั้นว่าจะเเอบกินเต้าหู้นางตอนที่หลับ ทันใดนั้นริมฝีปากบางของหลี่ฝูอวิ๋นพลันหลุดยิ้มออกมา โดยที่เจ้าตัวยังมิรู้ จากนั้นนางก็ล้มตัวลงนอนที่เตียงต่อ

     

           

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel