ตอนที่ 2 หัวใจที่ตายด้าน
ตอนที่ 2
หัวใจที่ตายด้าน
“จะกลับแล้วหรือลูก ทำไมไม่อยู่ที่นี่อีกสักสองสามวัน ย่ายังไม่หายคิดถึงเลย”
หญิงสูงวัยเดินมาส่งหลานชายที่รถ ตามหลังด้วยชายชราปู่และวิทยา ทั้งสามคนเดินมาส่ง ธาวินด้วยกัน พร้อมกับนำของฝากใส่ไว้ท้ายรถของเขา
“ผมต้องไปประชุมกับลูกค้าครับย่า”
เขาเอ่ยเสียงเรียบ ท่าทางเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากหุ่นยนต์ที่ไร้ความรู้สึก ไม่มีรอยยิ้ม ใบหน้าไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ สิ่งที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ต่อให้สุขภาพร่างกายของเขาจะแข็งแรงดีมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนในครอบครัวสบายใจ เพราะรู้ดีว่าหัวใจของธาวินนั้นแตกสลายและคงอยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
“ย่าขอให้วินประสบความสำเร็จนะลูก แล้วก็อย่าลืมกลับมาเยี่ยมปู่กับย่าแล้วก็พ่อบ่อยๆนะ”
“ครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยสั้นๆ เขาหันไปยกมือไหว้ทุกคน ก่อนจะขึ้นรถ เขามองทั้งสามผ่านกระจกที่สะท้อนภาพด้านหลัง ทุกคนโบกมือให้ด้วยท่าทางที่ดูอาลัยและห่วงใย
ธาวินขับรถกลับมาที่กรุงเทพฯ สถานที่แรกที่เขาแวะไม่ใช่บ้าน แต่เป็นตึกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเศรษฐกิจ บริษัทของเขาเป็นออฟฟิศเล็กๆซึ่งอยู่ในตึกนี้ ด้วยความที่ธุรกิจของเขานั้นเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน เขาจึงยังไม่ได้วางแผนที่จะซื้อตึกเพื่อเป็นที่อยู่ใหม่ของบริษัท ยังคงเช่าพื้นที่ของตึกแห่งนี้ เนื่องจากว่าตั้งอยู่ใจกลางเมือง พนักงานของเขาทุกคนเดินทางสะดวก และที่สำคัญค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็ไม่สูงมาก หากเขาแยกตัวออกไปซื้อตึกและปรับปรุงเป็นบริษัทของตัวเอง ค่าใช้จ่ายจะต้องเพิ่มขึ้นมากกว่า หลายเท่าอย่างแน่นอน
ชายหนุ่มไม่พร้อมที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายในส่วนนั้น เขาอยากรอให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มมากกว่านี้ แล้วค่อยหาทางขยับขยายในภายหลัง
ธาวินเดินเข้ามาในลิฟท์ ในระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ขอไปด้วยค่ะ”
หญิงสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา เธอถือแฟ้มเอกสารหลายอัน และสะพายกระเป๋าดูพะรุงพะรัง แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจ เขาก้มมองปลายเท้าตัวเองในขณะที่ยืนอยู่ในลิฟท์กับหญิงสาวแค่สองคน
“ไปชั้นเก้าเหมือนกันหรือคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าโดยที่ไม่ได้หันมองหญิงสาวที่คุยกับเขาแต่เธอก็ไม่ได้ถือสา ด้วยความที่เธอกับเขานั้นไม่รู้จักกัน การที่เขาจะรักษาระยะห่างจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกเลย
ในระหว่างที่ลิฟท์กำลังขึ้นไปด้านบน แพรไหมก็ได้ใช้นิ้วเกี่ยวผมทัดหู ด้วยความที่เธอนั้นรีบมาก จึงไม่ทันได้สังเกตความเรียบร้อยของตัวเอง
ในระหว่างที่หญิงสาวนั้นหันหน้าไปทาง ชายหนุ่ม ทั้งสองก็สบตากัน ดวงตาเดิมทีเรียบนิ่งเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ
“คุณ…”
ธาวินยังไม่ทันได้ทัก ลิฟท์ก็เดินทางมาถึงชั้น 9 พอดี หญิงสาวรีบเดินออกไปทันทีด้วยความเร่งรีบ ชายหนุ่มได้แต่มองตามหลังด้วยความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ทักทายเธอ
เหตุผลที่เขาอยากจะคุยกับเธอ มันเป็นเพราะว่าเธอมีใบหน้าที่คล้ายกับคนรักเก่าอย่าง พราวฟ้า หากเขาไม่รู้มาก่อนว่าอดีตคนรักของเขาเป็นลูกสาวคนเดียว เขาคงคิดว่าผู้หญิงคนนี้คือฝาแฝดของพราวฟ้าอย่างแน่นอน
ธาวินอยากจะเดินตามไป แต่บังเอิญว่าเขานัดผู้ช่วยเอาไว้และต้องรีบไปพบอีกฝ่าย
ชายหนุ่มเดินเข้ามาในออฟฟิศ บริษัทของเขามีพนักงานราวๆสามสิบคน ซึ่งถือว่าไม่เยอะมากเป็นบริษัทเล็กๆที่ไม่ได้มีทรัพยากรเยอะ
นอกจากพนักงานที่อยู่ประจำออฟฟิศแล้ว เขาก็ยังมีทีมงานที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่อีกจำนวนหนึ่ง
“คุณธาวินครับ ลูกค้ารออยู่ในห้องประชุมแล้วครับ”
ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ เขาเดินเข้ามาในห้องประชุมก่อนเอ่ยทักทายลูกค้าด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม แต่ดูเหมือนว่าทุกคนจะชินแล้ว เพราะก่อนที่ลูกค้าจะติดต่อมาทางผู้ช่วยของเขาก็จะแจ้งชัดเจนว่าธาวินนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชาและนิ่งเฉย แต่ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานอย่างแน่นอน
โชคดีที่ลูกค้าที่นี่ส่วนใหญ่สนใจผลงานมากกว่าบุคลิกส่วนตัวของ CEO บริษัท จึงทำให้การทำงานนั้นราบรื่นมาโดยตลอดและไม่เคยมีปัญหาใดๆ
การประชุมกินเวลาไปเกือบชั่วโมง ในระหว่างการประชุมธาวินมีเผลอคิดถึงผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้น จนทำให้บางครั้งเขานั้นไม่ได้ฟังรายละเอียดสำคัญที่ลูกค้ากำลังพูดอยู่ แต่โชคดีที่ทางผู้ช่วยนั้นได้จดรายละเอียดไว้เรียบร้อยแล้ว
“ถ้ามีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับงานเดี๋ยวเราจะติดต่อไปนะครับ”
ผู้ช่วยเอ่ยกับลูกค้า หลังจากที่ทุกคนทยอยออกจากห้องไปแล้ว ก็เหลือเพียงผู้ช่วยหนุ่มกับธาวินเท่านั้น
“คุณธาวินเป็นอะไรหรือเปล่าครับ เหมือนวันนี้ไม่ค่อยมีสมาธิเลย”
“ผมมีเรื่องจะถาม”
“เรื่องอะไรครับ”
ผู้ช่วยหนุ่มแปลกใจ ปกติธาวินจะพูดน้อยมากแทบนับคำได้ แถมยังไม่เคยแสดงอารมณ์ที่ดูตื่นเต้นแบบนี้มาก่อน
“เคยเห็นผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายๆผู้หญิงคนนี้ไหม”
ผู้ช่วยหนุ่มดูรูปในโทรศัพท์ของธาวิน เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นผู้หญิงหน้าตาแบบนี้บ่อยๆ
“อ๋อ ผู้หญิงคนนี้หน้าตาคล้ายๆกับคุณแพรไหมเลยนะครับ”
“แพรไหม”
“คุณแพรไหมเป็นซีอีโอของบริษัทที่ตั้งอยู่ชั้นเดียวกับเรานี่แหละครับ”
“ผมอยากได้รายละเอียดของผู้หญิงคนนี้”
“ผมก็ไม่ค่อยรู้อะไรมากครับ แต่เดี๋ยวผมจะไปหาข้อมูลมาให้”
ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นท่าทางที่ดูกระตือรือร้นของธาวิน ผู้ช่วยหนุ่มรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้เขาต้องรีบไปทำตามคำสั่งของเจ้านายก่อน
หลังจากที่ผู้ช่วยออกไป ธาวินก็นั่งเหม่อลอย ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นยังคงติดตรึงใจ ดวงตาของเธอกลมโต จมูกของเธอโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากอวบอิ่ม ใบหน้าของเธอดูสมส่วน ดูยังไงก็คล้าย พราวฟ้ามาก
ธาวินไม่สามารถสลัดภาพผู้หญิงคนนั้นออกไปจากความทรงจำได้ นับจากที่ได้สบตากันเขาก็เอาแต่นึกถึงเธอตลอดเวลา
ชายหนุ่มชะเง้อมองออกไปนอกห้อง เขารู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่เห็นว่าผู้ช่วยนั้นหายไปนาน
“เมื่อไหร่จะมา”
ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปเดินมา ท่าทางของเขาทำให้พนักงานที่นั่งอยู่ด้านนอกถึงกับมองด้วยความสงสัย ปกติธาวินไม่เคยเป็นแบบนี้ เขามักจะนั่งนิ่งๆตลอดเวลา แทบจะไม่คุยกับใครเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้เขาดูแปลกมาก เขาดูตื่นเต้น และดูเหมือนว่ากำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
เมื่อธาวินเห็นว่าผู้ช่วยหนุ่มนั้นกลับเข้ามาที่ออฟฟิศ เขาก็รีบเดินมาเปิดประตูทันที
“ว่ายังไง ได้ข้อมูลมาไหม”
“ได้มาเพียบเลยครับ”
“ว่ามาสิว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”
“คุณแพรไหมเป็นเจ้าของบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายอาหารเกี่ยวกับสุขภาพครับ ตอนนี้อายุยี่สิบแปดปี ที่สำคัญยังโสดและไม่มีแฟนครับ”
ธาวินรู้สึกพึงพอใจกับข้อมูลที่ได้รับ เพราะมันคือสิ่งที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับตัวหญิงสาว เมื่อเขารู้ว่าเธอนั้นยังโสดและไม่มีแฟน มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้ผู้ช่วยหนุ่มถึงกับตาโต ไม่คิดว่าจะได้เห็นรอยยิ้มของธาวินเป็นครั้งแรก
“ทำไมคุณวินถึงได้อยากรู้ข้อมูลของ คุณแพรไหมครับ”
“ผมคิดว่าผมชอบเขา”
ผู้ช่วยหนูอ้าปากค้างไม่คิดว่าเจ้านายของเขาจะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้ ถึงขั้นยอมรับโต้งๆว่าชอบผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่วินาที
“ทำไมก่อนหน้านั้นผมถึงไม่เคยเจอเขา”
“คุณแพรไหมเพิ่งมาเช่าสถานที่เปิดบริษัทได้ไม่กี่วันเองครับ”
ธาวินเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงไม่เคยเจอ หญิงสาว ก็เพราะว่าเธอนั้นเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในตึกนี้ได้ไม่นาน วันนี้จึงเป็นวันแรกที่เขาได้เจอเธอ
“แล้วปกติคุณแพรไหมเขาเลิกงานกี่โมง”
“ประมาณห้าโมงนะครับ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
ผู้ช่วยหนุ่มเลิ่กลั่กก่อนจะรีบอธิบาย
“ก็คุณธาวินให้ผมไปหาข้อมูลเกี่ยวกับคุณแพรไหมไม่ใช่เหรอครับ ผมก็ต้องถามมาอย่างละเอียดสิคะ”
“ก็แล้วไป”
ถึงเขากับแพรไหมจะยังไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่หากผู้ช่วยของเขาแอบชื่นชมเธอ เขาก็คงจะรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
“วันนี้ผมจะกลับห้าโมง”
“ครับๆ ผมจะได้แจ้งพนักงาน”
“ไม่เป็นไร ให้พนักงานกลับตามเวลาได้เลย ไม่ต้องรอให้ผมกลับก่อนก็ได้”
ปกติเวลาที่เขากลับช้าเท่ากับว่าเขานั้นยังต้องอยู่เคลียร์งานที่บริษัท และพนักงานส่วนใหญ่ก็จะขออนุญาตทำโอทีเพื่อรอให้เขาเดินทางกลับบ้านก่อน แต่วันนี้เขาต้องการความเป็นส่วนตัว ที่เขากลับช้าเพราะว่าเขาอยากจะไปดักรอผู้หญิงที่เขาสนใจ
ความรู้สึกพุ่งพล่านในใจเกิดขึ้นหลังจากที่หัวใจของเขานั้นเงียบสงบมานานหลายปี ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งประกายเป็นครั้งแรก เมื่อนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่มีใบหน้าคล้ายกับคนรักของเขา
