บทที่ ๓
วาทิตายืนนิ่ง ความสับสน มึนงง แทรกเข้ามาทันที เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นสามี ทำไมสามีที่รักถึงไม่ให้เธอเข้าใกล้ แล้วยังสายตาที่มองเธอเหมือนคนแปลกหน้านั้นอีกเล่า มิหนำซ้ำเขายังแสดงท่าทีเหมือนขยะแขยงตัวเธออย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะหยุดหรือห้ามเธอเข้าใกล้เหมือนครั้งนี้ มีแต่จะหาโอกาสใกล้ชิดเธอตลอดเวลา
‘มันเกิดอะไรขึ้นใครก็ได้ช่วยบอกที พี่ภีมของน้องวา เป็นอะไรไป’ วาทิตาได้แต่เพียงร่ำร้องหาคำตอบอยู่ในอกเท่านั้น
“พี่ภีม... เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงมองหน้าวาแบบนั้นคะ โกรธวาเรื่องอะไร วาทำอะไรให้พี่โกรธคะ”
และแล้วสิ่งที่เธอเฝ้าวนเวียนถามตัวเองเมื่อครู่ ก็พรั่งพรูออกมาทันที และยิ่งได้เห็นสีหน้าปั้นปึง อีกทั้งแววตารังเกียจที่แสดงออกชัดเจนของสามีนั้น น้ำใสๆ เริ่มเอ่อล้นจนไม่อาจกลั้นมันไว้ได้ เธอจึงปล่อยให้น้ำตาแห่งความสับสนรินไหลออกมาทีละน้อย
เสียงสะอื้นไห้นั้น ทำเอาภาคินใจหายวาบขึ้นมาทันที ก็จะไม่ให้เขารู้สึกเช่นนั้นได้อย่างไรกัน เมื่อเสียงนั้นมันมาจากภรรยาที่เขารักและหวงแหนมากที่สุด ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าภรรยาของเขาต้องเสียน้ำตาเหมือนเช่นวันนี้ แววตาที่ฉายความดุดัน โกรธแค้น เกลียดชัง ต่อหญิงสาวจางหายไป เปลี่ยนเป็นแววตาที่มีเพียงแต่ความห่วงหาอาทรหญิงสาวตรงหน้าแทน ทว่าเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ ประกายแสงแห่งความโกรธแค้น เกลียดชัง และผิดหวังก็เข้ามาแทรกแซงดังเดิม เมื่อจิตใต้สำนึกเขามันร่ำร้องอยู่ตลอดว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาเวลานี้คือ ‘หญิงหลอกลวง ทำได้แม้กระทั่งชายที่รักเธอหมดใจ’
“อย่ามาทำสำออยทำเป็นร้องห่มร้องบีบน้ำตาเลยวาทิตา”
เสียงเรียกชื่อจริงนั้นดูจงใจและต้องการเย้ยหยันเธออยู่ไม่น้อย สรรพนามที่เคยใช้เรียกกันแต่เก่าก่อนอย่างติดปากว่า ‘น้องวา’ ไม่มีอีกแล้ว
“พี่ภีมโกรธวาเรื่องอะไรคะ”
“หยุด! ต่อไปนี้เธอไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ ฉันมียายพลอยเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงดุกร้าวไม่แพ้แววตา
“นี่มันอะไรกันคะวางงไปหมดแล้ว พี่ภีมช่วยอธิบายให้วาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวร้องขอความกระจ่างจากเขา ยังคงสะอื้นไห้อยู่เช่นเดิม
“อธิบายเหรอ... ยังจะต้องให้ฉันอธิบายอะไรอีก หรือต้องการให้ฉันประจานต่อหน้าป้าอิ่มและนวลว่าเธอมันเลวชาติ... หน้าด้าน หน้าทน ขนาดไหน”
“คุณภีม! / พี่ภีม!”
วาทิตา นางอิ่ม อุทนทานเรียกชื่อเขาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากเขาได้
“อยากรู้ว่าตัวเองเลวยังไง ฉันว่าไอ้นี่คงจะอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงความเลวของเธอนะวาทิตา”
ภาคิน ปาก้อนกระดาษที่เขาขยำไว้ในมืออย่างโกรธแค้นจนกลายเป็นก้อนกลมๆ ใส่หน้าหญิงสาวอย่างแม่นยำ ทว่าหากเวลานี้ในมือเขาสามารถประจุไฟขึ้นมาได้กระดาษแผ่นนั้นคงไม่เป็นก้อนอยู่อย่างที่เห็น มันคงกลายเป็นเถ้ากระดาษไปนานแล้ว
