บท
ตั้งค่า

๒ ความจริงใจไม่มีสิ่งใดแอบแฝง (๑)

ความจริงใจ

ไม่มีสิ่งใดแอบแฝง

หลังจากวันนั้นที่เธอยอมให้เขามาส่งที่คอนโดมิเนียมก็ผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว บนรถไม่มีบทสนทนามากนักนอกจากถามถึงที่หมาย เขาบอกว่าจะมาส่งก็ส่งถึงหน้าคอนโดส่วนหล่อนเลือกจะขอบคุณแล้วคืนผ้าเช็ดหน้าให้อีกฝ่าย

เจอกันสองครั้งเหมือนมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายระหว่างเราจนไม่น่าเชื่อว่าจะบังเอิญขนาดนี้

ไม่นึกว่าเขาจะเป็นน้องชายของพีรัช คนทั้งสองหน้าไม่เหมือนกันด้วยซ้ำ พลิศมีความเป็นลูกครึ่งระหว่างไทยจีนขณะที่พี่ชายออกจะคมเข้มอย่างไทยแท้ แต่คิดว่าเขาน่าจะได้แม่มาเยอะกว่า ซึ่งโดยรวมคนทั้งสองก็หล่ออยู่ดี

ตรวจตราความเรียบร้อยของตัวเองหน้ากระจก แล้วรีบลงมาข้างล่างเพื่อจะได้ไปทำงาน กลัวไปช้าแล้วคนจะแน่นเพราะช่วงเช้ารถไฟฟ้าเต็มค่อนข้างเร็ว หล่อนไม่อยากเบียดเสียดกับผู้คนจึงต้องตื่นเช้าหน่อย ลงลิฟต์ออกมาข้างนอกก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าหล่อยืนพิงรถยนต์คันหรูพร้อมกอดอกแล้วหันมามองเธอ

เหมือนเป็นภาพในจินตนาการที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นแล้วและทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก

“เพ้นท์...มาทำอะไรที่นี่” เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย ขณะที่เขาก็เลือกจะเปิดประตูรถด้านหลังแล้วยื่นของบางอย่างให้เธอ ร่างบางกระพริบตาปริบไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ สมองประมวลผลไม่ทันด้วยซ้ำทำได้เพียงแค่มองหน้าเขาอย่างเดียว

“ซื้ออาหารเช้ามาให้ครับ แล้วก็จะมารับไปทำงานด้วย”

“รับทำไม” ไม่คิดว่าเราจะสนิทกันถึงขั้นที่เขามารับตนไปทำงาน ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมจนร่างสูงต้องอธิบายเหมือนว่าเตรียมคำตอบมาตั้งแต่บ้านแล้ว

“อ้าว ก็ที่ทำงานตาลเป็นทางผ่านไปมอผมพอดีไง ตาลจะขึ้นรถไฟทำไมให้เหนื่อยสู้นั่งไปด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอ ประหยัดเงินประหยัดน้ำมันไม่สิ้นเปลือง” เหตุผลฟังขึ้นแต่เธอรู้สึกทะแม่งกับคำเรียกของเขาที่ไม่มีคำว่าพี่นำหน้าชื่อตน กระนั้นก็ไม่อยากเรื่องมากทักท้วงเพราะตอนนี้สิ่งสำคัญคือปฏิเสธชายหนุ่มไม่ให้ไปส่งที่บริษัท

เธอยังไม่อยากตกเป็นหัวข้อการนินทาของคนในที่ทำงาน...

ที่สำคัญกว่านั้นคือกลัวจะเกร็งยามนั่งรถไปด้วย ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของเขาที่เข้าหาตนคืออะไร แต่ต้องยอมรับว่ามันทำให้คนที่ไม่เคยถูกชายใดจีบมาก่อนเขินอายเพียงแค่ได้สบดวงตาคม เธอไม่ชอบอาการตอนนี้ของตัวเองเลย

อยากถอยห่างแต่ก็อยากอยู่ใกล้เช่นเดียวกัน เจอกันไม่นานก็เหมือนเขาจะมีอิทธิพลในใจของหล่อนเสียแล้ว

อาจเป็นเพราะการแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมาของชายหนุ่ม มันค่อนข้างชัดเจนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่เหมือนพีรัชที่สถานะของเราเป็นเพียงเพื่อนสนิทอย่างเดียว ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ทักหาเขา อีกฝ่ายก็ไม่ส่งข้อความถึงเธอเช่นเดียวกัน

เราห่างกันไปโดยปริยาย...

“เกรงใจ” บอกเสียงเบา

“เต็มใจ” เขารีบพูดออกมาทันที

ทั้งสองสบตากันนิ่งเหมือนต้องการหยั่งเชิง หล่อนพยายามคิดหาเหตุผลที่จะมาปฏิเสธ ขณะที่เขาก็ไม่ยอมให้หล่อนได้เอ่ยสิ่งใด เลือกกำข้อมือเล็กก่อนพาเดินมายังประตูข้างคนขับ เปิดเพื่อให้เธอเข้าไปนั่งแล้วผายมือให้อีกต่างหาก ร่างบางยังคงยืนนิ่งไม่กล้าเข้าไปนั่งเหมือนเดิม จนเขาต้องรีบย้ำซ้ำอีกรอบ

“ไปได้แล้วครับ ยืนนานกว่านี้ผมจะปวดขาแล้วนะ” คำหยอกเย้ากับสายตาที่ส่งมา ทำให้หล่อนต้องรีบเข้าไปนั่งในรถไม่ลืมเอ่ยคำขอบคุณที่มาจากใจแท้จริง

“ขอบคุณนะ”

ยอมนั่งบนเบาะสีแดงข้างคนขับ มองตามร่างสูงที่เดินอ้อมมานั่งหน้าพวงมาลัย พาหนะเคลื่อนออกจากคอนโดมิเนียมที่เธออาศัยในช่วงเวลาเช้าที่รถไม่ค่อยติด หล่อนคงไม่รู้ว่าเขามารอที่หน้าคอนโดหลายวันแล้ว เพียงแต่ไม่ได้เจอกันเท่านั้น

จนนึกสงสัยว่าปานอัปสรไปทำงานเวลาใด จึงเลื่อนเวลาตื่นให้เร็วขึ้นมารอตั้งแต่ตีห้า จนพบว่าเธอออกจากที่พักตอนหกโมงครึ่งนี่เอง ซึ่งถือว่าเช้ามากสำหรับเขา

“มะรืนวันเกิดผมแล้ว มีของขวัญให้กันหรือเปล่า” ระหว่างนั่งรถยนต์ไปด้วยกันก็หันมาถามเธอ เปิดคลื่นวิทยุคลอไปด้วยเพื่อฟังเพลงยามเช้าพร้อมกับเสียงของดีเจที่เอ่ยทักทาย ความสนใจของเธอถูกเปลี่ยนมาเป็นคนที่อยู่ข้างกัน

ไม่รู้ว่าสนิทกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ ชายหนุ่มจึงไม่เกรงใจเอ่ยทวงของขวัญซึ่งหน้า แต่คนที่ไม่ได้เตรียมไว้ก็บอกตามตรง เพราะคิดว่าเราไม่ได้สนิทกันจนต้องให้ของขวัญสักหน่อย

“ก็...ที่ซื้อน้ำหอม...” พอพูดถึงน้ำหอมก็โดนเขาตัดบทรวดเร็ว

“อันนั้นของพี่พี ไม่เกี่ยวกับตาลสักหน่อย ผมอยากได้ของขวัญจากตาลมากกว่า” จอดรถติดไฟแดงพอดีแล้วหันมาบอกเธอ แววตาพราวระยับอย่างคนเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มละมุนที่แต้มริมฝีปาก คำเรียกชื่อหล่อนซึ่งไม่มีพี่นำหน้า

ไม่รู้ว่าการคาดเดาครั้งนี้จะถูกต้องหรือเปล่า แต่เธอก็อยากทำให้แน่ใจว่าสถานะของเราตอนนี้เป็นแค่พี่น้องหรือมากกว่านั้น จะได้ตั้งรับต่อความผิดหวังได้

“อันนี้...จีบเหรอ” ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดคำนี้ออกมา อาหารที่เขาบอกว่าซื้อให้หล่อนตั้งอยู่บนตัก ก่อนจะกอดถึงผ้าเอาไว้เพียงหลวมเหมือนต้องการที่เกาะอิง แม้จะทำใจกล้าถามออกไปแต่แท้จริงตนค่อนข้างประหม่าพอสมควร

เอ่ยออกไปแล้วก็นึกอายอยากเรียกคำพูดพวกนั้นกลับมา แต่กลายเป็นว่าพลิศเลือกจะตอบตามความจริง หันมามองหน้าเธอแล้วส่งสายตาหวานให้กันแบบไม่ปิดบัง เขย่าคนของคนถูกมองจนต้องหันออกนอกหน้าต่าง

“ชัดขนาดนี้ยังต้องถามอีกเหรอ จีบครับ...ผมกำลังจีบตาล”

เขาย้ำถึงการกระทำของตัวเอง ตั้งใจที่จะจีบเธอเป็นทุนเดิมจึงไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องเลี่ยง เห็นชัดเจนว่าเธอเขินกับคำตอบของเขามากแค่ไหน ซึ่งมันทำให้ชายหนุ่มดีใจเป็นอย่างมาก เพราะแสดงให้เห็นว่าหล่อนกำลังมีความรู้สึกดีต่อกัน

แค่เริ่มก็เหมือนจะเห็นชัยชนะอยู่ตรงหน้าแล้ว...

“อย่าลืมให้ของขวัญผมด้วยนะ หรือจะเป็นตาลผูกโบว์ก็ได้ ผมชอบทั้งหมดแหละ” เมื่อหล่อนไม่ยอมตอบอะไรแถมยังหันหน้าหนีกันอีก เขาก็รีบทวงของขวัญที่ควรเป็นของตน แต่ถึงเธอไม่ยอมให้ก็ไม่ได้โกรธ แค่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสายตาเท่านั้น

คำเรียกกับท่าทีฟังดูจะชวนเขินมากกว่าเดิม เธอจึงพยายามตีหน้าขรึมเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงหูด้วยซ้ำ รู้ทันทีว่าเขามีอิทธิพลต่อใจตัวเองมากเหลือเกินทั้งที่เพิ่งพบหน้ากันได้ไม่นาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel