บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 แม่สื่อ

ตอนที่ 3

แม่สื่อ

“ขึ้นไปเปลี่ยนชุด”

ทันทีที่วิไลเห็นชุดที่ลูกสาวใส่ เธอก็รีบไล่ให้ขึ้นไปเปลี่ยน ชนิกานต์และปิติต่างก็งุนงง แต่ไม่มีใครกล้าคัดค้านคำสั่งของหญิงวัยกลางคน

“ทำไมต้องเปลี่ยนล่ะคะคุณแม่ ชุดนี้ก็สุภาพแล้วนะคะ”

ชนิกานต์ก้มมองตัวเอง เธอสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวและกระโปรงทรงเอที่ไม่ได้รัดรูปมาก ใครๆก็บอกว่าชุดที่เธอใส่อยู่สุภาพเหมาะที่จะใส่ไปสัมภาษณ์งาน

“แม่บอกให้เปลี่ยนก็เปลี่ยน ไม่ต้องถามเหตุผลได้ไหม”

ทุกครั้งที่ชนิกานต์มีคำถาม ก็จะถูกพูดเป็นแม่ตอบกลับมาแบบนี้เสมอ แม้ว่าเธอจะชินกับนิสัยของแม่ แต่บางครั้งเธอก็อยากรู้เหตุผลจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“คุณแม่คิดว่าชุดนี้ไม่เหมาะสมเหรอคะ”

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้รับคำตอบจากวิไลอยู่ดี นอกจากสายตาดุๆของอีกฝ่ายแทน

“ขึ้นไปเปลี่ยนซะ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำ”

ชนิกานต์เดินคอตกขึ้นไปด้านบน ทิ้งให้พ่อแม่นั่งอยู่ด้วยกันตามลำพัง ปิติหันมองภรรยาก่อนเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ลูกสาวเดินเข้าห้องไปแล้ว

“นี่มันก็หลายปีแล้วนะ ผมว่าคุณเพลาๆบ้างก็ดี”

“คุณไม่ต้องพูด ไม่ต้องออกความเห็น”

วิไลปรายตามองสามี ก่อนจิบกาแฟด้วยท่าทางสบายใจ

“ลูกโตแล้วนะ ควรจะปล่อยให้ลูกมีชีวิตของตัวเอง ผมว่าคุณ…”

“ฉันบอกแล้วไงว่าคุณไม่ต้องออกความเห็น คุณก็รู้นี่ว่าถ้าฉันโมโหมันจะเป็นยังไง หรือคุณอยากให้ทุกอย่างพัง”

หญิงวัยกลางคนเลิกคิ้วใส่สามี เธอรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรปิติก็ไม่กล้าหือ เพราะบ้านหลังนี้เธอเป็นใหญ่ที่สุด และเป็นคนที่ทุกคนจะต้องเชื่อฟัง

“ผมไม่ได้จะขัดขวางอะไรคุณหรอกนะ แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงอยากให้ลูกไปทำงานที่นั่น”

วิไลยกยิ้ม แต่รอยยิ้มของเธอทำให้ปิติรู้สึกไม่สบายใจ

“ฉันก็แค่อยากให้กานต์มีอนาคตที่ดี”

ปิติไม่เชื่อเพราะคิดว่าภรรยาน่าจะมีเหตุผลอื่น

“แค่นั้นเหรอ”

“ฉันได้ยินมาว่าประธานบริษัทคนใหม่อายุมากกว่ากานต์ไม่กี่ปี และมันคงจะดีถ้าทั้งสองได้รู้จักกัน”

“แต่ผมไม่เห็นด้วย”

“คุณไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็น”

คำพูดเด็ดขาดของวิไลทำให้ปิติจำเป็นต้องเงียบ เขาไม่กล้าพอที่จะงัดข้อกับภรรยา ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ก็ตาม แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านี้ ไม่กล้าแม้แต่จะยับยั้งแผนการของเธอด้วยซ้ำ

“คุณควรจะดีใจนะ ฉันทำเพื่ออนาคตลูก คุณอย่าลืมสิถ้าลูกได้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้น คนที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดก็คือตัวลูกเอง”

ปิติถอนหายใจ อะไรก็ตามที่เป็นการฝืนใจลูกเขาไม่เห็นด้วย แต่เขาก็คงทำอะไรมากไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้ทุกคนต้องเชื่อฟังวิไล

ชนิกานต์เดินลงมาพร้อมกับชุดใหม่ที่วิไลเตรียมไว้ให้ เป็นชุดเดรสสีชมพู เปิดไหล่ หญิงสาวไม่มั่นใจไม่อยากใส่ชุดนี้เพราะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่เมื่อเป็นคำสั่งของแม่เธอจึงไม่กล้าที่จะขัด

“สวยมาก ชุดนี้แหละดีที่สุด”

ชนิกานต์มองตัวเองในกระจก ไม่ว่าอย่างไรชุดนี้ก็ไม่เหมาะที่จะใส่ไปสัมภาษณ์งาน

“แต่ถ้าสวมชุดแบบนี้ไปเขาอาจจะไม่รับก็ได้นะคะ”

“ได้ยินมาว่าประธานบริษัทจะสัมภาษณ์พนักงานใหม่ด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นเราจะพึ่งความรู้ความสามารถอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องทำตัวเองให้โดดเด่นให้สะดุดตาเข้าไว้”

ชนิกานต์รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่แม่แนะนำ ในใจของเธอต่อต้านแต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับ

“ค่ะคุณแม่”

“รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวไปสัมภาษณ์ไม่ทัน”

หญิงสาวนั่งแท็กซี่มาลงหน้าบริษัทใหญ่ ด้านหน้าผู้คนพลุกพล่านเพราะแถวนี้เป็นเขตเศรษฐกิจ มีทั้งห้างสรรพสินค้าและออฟฟิศมากมาย

ชนิกานต์สูดลมหายใจลึกเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองก่อนก้าวเดินเข้าไปด้านใน

“มาสัมภาษณ์งานค่ะ”

“เชิญด้านบนเลยค่ะ ชั้นสิบ”

หญิงสาวเดินมาถึงลิฟต์ ระหว่างที่เธอกำลังหลับตาทำสมาธิ ก็ได้ยินเสียงใครบางคนเดินมาหยุดข้างๆ เมื่อลืมตาก็เห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังมองเธออยู่

“มาสัมภาษณ์งานเหรอ”

“ค่ะ”

หญิงสาวยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกเธอก็เดินตามผู้ชายคนนั้นเข้าไปด้านใน

ชนิกานต์ไม่ค่อยใส่ใจสิ่งรอบตัวสักเท่าไหร่ เธอจึงไม่ทันได้สังเกตผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ชั้นสิบสินะ”

ผู้ชายคนนั้นพึมพำ ดูเหมือนว่าเธอกับเขาจะไปชั้นเดียวกัน เมื่อมาถึงหญิงสาวก็เดินตามเขามาเรื่อยๆจนถึงห้องสัมภาษณ์ก่อนเห็นว่าผู้ชายคนนั้นกำลังเดินเข้าไปด้านใน

“หรือว่าจะเป็นคนที่สัมภาษณ์เรา”

ชนิกานต์พึมพำกับตัวเอง เธอนั่งรออยู่หน้าห้อง ด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คนมากมายรุ่นราวคราวเดียวกัน ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีคนมาสัมภาษณ์งานไม่ต่ำกว่ายี่สิบคนเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่ประธานบริษัทจะลงมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเองในวันนี้

“เชิญคุณชนิกานต์ค่ะ”

หญิงสาวรีบลุกขึ้นมองดูความเรียบร้อยของตัวเองก่อนเดินตามพนักงานเข้าไปด้านใน เธอชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้ชายคนเมื่อครู่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้า

“นี่คือประธานบริษัทค่ะ คุณภูธเนศ”

ชนิกานต์รีบยกมือไหว้ นึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อครู่ว่าตัวเองได้ทำอะไรแปลกๆลงไปหรือเปล่า แต่เมื่อคิดได้ว่าเธอกับเขาแค่โดยสารลิฟท์ด้วยกันในระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น จึงค่อยๆผ่อนลมหายใจออกมา

ระหว่างสัมภาษณ์ หญิงสาวรู้สึกถึงแรงกดดัน แต่เธอก็ตอบคำถามได้ดีจนทุกคนนั้นประทับใจ

“คุณมีทัศนคติที่ดี มีความมุ่งมั่น ดูเป็นคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ตั้งแต่สัมภาษณ์มาผมยังไม่เคยเจอใครเหมือนคุณเลย”

ภูธเนศเอ่ยขึ้น เขายอมรับว่าประทับใจหญิงสาวมาก ภายนอกเธอดูเหมือนคนใสซื่อ แต่ทุกครั้งที่เธอตอบคำถามมันทำให้เขารู้ว่าเธอเป็นคนฉลาด เธอเป็นผู้หญิงที่ดูน่าสนใจ น่าค้นหา ทำให้ชายหนุ่มนั้นไม่อยากปฏิเสธเธอ

แม้ว่าข้างนอกจะมีคนที่มีความสามารถอีกมากมาย แต่น้อยคนนักที่ทำให้เขารู้สึกอยากร่วมงานด้วย

“คุณพร้อมเริ่มงานเมื่อไหร่”

ทุกคนในห้องหันมองภูธเนศเป็นตาเดียว

“ถ้าพร้อมเริ่มงานก็ติดต่อกลับมานะ ผมอยากร่วมงานกับคุณ”

ทุกคนต่างก็งุนงงที่จู่ๆภูธเนศก็ลัดขั้นตอน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel