บทย่อ
ชนิกานต์ถูกแม่บังคับให้เข้าหาภูธเนศ ประธานบริษัทหนุ่มรูปหล่ออนาคตไกล แม้ว่าเธอไม่อยากทำแต่เธอก็ต้องทำ เพราะความต้องการของแม่ทำให้หญิงสาวไม่มีทางเลือก ตั้งแต่เล็กจนโตเธอไม่มีสิทธิ์เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง แม้ว่าเธอจะทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่แม่ร้องขอ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อชีวิตของเธอต้องพบเจอกับความเจ็บปวดแม้จะเป็นความเจ็บปวดที่เกิดจาคำว่ารักก็ตาม เธอกลับต้องผ่านมันไปให้ได้แค่เพียงคนเดียว ความรัก งานวิวาห์ ทุกอย่างควรจะเป็นแบบนี้แต่สำหรับชีวิตของชนิกานต์ เธอมีสิทธิ์แค่ปล่อยให้ ทุกอย่างเป็นไปตามชะตาลิขิต */*/* “คุณอย่าใช้ลูกสาวผมเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ให้ตัวเอง ผมจะไม่ยอม ผมจะไม่ยอมอีกแล้ว!” “ไม่ยอมก็ไม่ยอมสิ คุณก็ไปบอกมันเลย ไปบอกความจริงมันเลย!” “ผมบอกแน่ แต่คุณรู้ใช่ไหมว่าถ้าผมบอก ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม และแผนการชั่วๆที่คุณกำลังจะทำมันก็พังไม่เป็นท่า!” เมื่อวิไลนึกขึ้นได้ว่ากำลังท้าทายปิติอยู่เธอก็ชะงัก แต่เพราะความอยากเอาชนะเธอจึงไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
ตอนที่ 1 น้อยใจ
ตอนที่ 1
น้อยใจ
ภายในมหาวิทยาลัยรัฐบาลอันดับ 1 ของประเทศ วันนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เนื่องจากว่ามีบัณฑิตจบใหม่หลายร้อยคนมาร่วมงานรับปริญญา ทั้งยังมีพ่อแม่ผู้ปกครองและครอบครัวของบัณฑิต ทำให้ในวันนี้บรรยากาศในมหาวิทยาลัยค่อนข้างแออัด เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาจากทั่วทั้งประเทศ
หลังออกจากหอประชุมใหญ่ ชนิกานต์ก็ แยกย้ายกับเพื่อน เธอเดินมาหยุดยืนใต้ต้นไม้ กวาดสายตามองหาครอบครัวของตัวเอง
“คุณพ่อ!”
หญิงสาวตะโกนเรียกพ่อด้วยความดีใจ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนสวมกอด
“คุณพ่อรออยู่ตรงนี้นานแล้วเหรอคะ”
หญิงสาวเอ่ยถาม ก่อนยกมือไหว้ลุงกับป้าที่เดินทางมาด้วย และหันไปทักทายลูกพี่ลูกน้องอีก สามคนที่มาร่วมแสดงความยินดี
“สักพักแล้วล่ะ โชคดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อน”
ปิติไม่อยากให้ลูกสาวคิดมากหรือเป็นห่วง เนื่องจากเขามีโรคประจำตัว ชนิกานต์จึงจะไม่อยากให้เขามาร่วมงานรับปริญญา กลัวว่าเขาจะเป็นลมเพราะอากาศร้อน แต่งานสำคัญของลูกสาวทั้งทีจะให้เขาเมินเฉยได้อย่างไร
“คุณพ่อโอเคใช่ไหมคะ หนูเป็นห่วง”
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก พ่อบอกแล้วไงว่าวันนี้อากาศไม่ร้อน”
ผู้เป็นพ่ออยากให้ลูกสบายใจ ความจริงเขารู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่แต่ก็พยายามเก็บอาการ
ปิติมีโรคประจำตัวหลายอย่าง เนื่องจากเขามีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีสมัยก่อน ทำให้ตอนนี้ร่างกายของเขาค่อยๆทรุดโทรมลงเรื่อยๆ
สมัยยังหนุ่มๆเขาเป็นนักธุรกิจไฟแรง มีงานสังสรรค์กับเพื่อนบ้างกับลูกค้าบ้างไม่เว้นวัน ร่างกายเมื่อใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง แก่ตัวลงโรคภัยจึงรุมเร้า
“ยินดีด้วยนะกานต์ พอพวกเรารู้ว่าวันนี้กานต์ต้องรับปริญญาก็เลยรีบลงมาจากเชียงใหม่”
ปิติมีพี่ชายและพี่สาว ทั้งสองเป็นลุงและป้าของชนิกานต์ แม้ว่าสองครอบครัวจะไม่ได้เจอกันบ่อยๆ แต่ความสัมพันธ์ของชนิกานต์กับลูกพี่ลูกน้องก็ถือว่าแน่นแฟ้น ถึงจะไม่ได้ติดต่อกันทุกวัน แต่ทุกคนก็สนิทสนมกันดีและพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ชนิกานต์ก็กวาดตามองไปรอบๆ
“มองหาอะไรเหรอลูก”
หญิงสาวยกยิ้ม แต่แววตาหม่นลง“คุณแม่ไม่มาด้วยเหรอคะ”
หญิงสาวเอ่ยถาม วันสำคัญของเธอทั้งทีแต่ทำไมแม่ถึงไม่มาร่วมแสดงความยินดี ทุกคนมองหน้ากัน พวกผู้ใหญ่ดูอึดอัดจนหญิงสาวรู้สึกได้
“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณพ่อ”
ชนิกานต์ไม่ได้คิดอะไรนอกจากเป็นห่วงผู้เป็นแม่ เธอคิดว่าแม่อาจจะไม่สบายกระทันหัน หรือติดธุระจึงไม่ได้มางานรับปริญญาของเธอในวันนี้
“พอดีว่าแม่เขาติดงานด่วน ลูกไม่โกรธแม่ใช่ไหม”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจ ตอนแรกเธอคิดว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับแม่ก็เลยรู้สึกกังวล แต่พอรู้ว่าแม่แค่ติดงานเธอก็สบายใจขึ้น
“ไม่โกรธหรอกค่ะ คุณแม่ทำงานหนูเข้าใจ”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปถ่ายรูปตรงนั้นกันดีไหม มีซุ้มดอกไม้สวย เหมาะที่จะถ่ายรูปมากๆ”
หนึ่งในนั้นเห็นว่าตรงซุ้มกำลังว่างจึงได้ชวน ทุกคนไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ชนิกานต์มีความสุขมากเพราะวันนี้เป็นวันที่เธอเรียนจบ หลังจากมุ่งมั่นตั้งใจเรียนมานานถึง 4 ปี ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้สวมชุดครุยและทำให้ครอบครัวภูมิใจในตัวเธอ
“พ่อยินดีด้วยนะลูก ลูกเก่งมาก เก่งเหมือนแม่เลยรู้ไหม”
หญิงสาวยิ้มไม่ได้คิดอะไร
“หนูอาจจะเก่งเหมือนคุณพ่อก็ได้นะคะ”
ปิติยิ้มก่อนมองกล้อง ยิ่งมองลูกสาวเขาก็เหมือนเห็นเงาของใครบางคนซ้อนทับอยู่ตลอดเวลา
“ไหนๆก็เรียนจบแล้วลูกอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชนิกานต์เป็นเด็กดี เรียนเก่ง ได้รับคำชื่นชมมาตลอดตั้งแต่เล็กจนโต ชนิกานต์เป็นความภาคภูมิใจของเขา จนกระทั่งวันนี้ลูกสาวคนนี้ก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกผิดหวังเลยสักครั้ง
ชายวัยกลางคนอยากจะตอบแทนที่ลูกเป็นเด็กดี เขาอยากให้ของขวัญตามที่ลูกร้องขอ แต่ชนิกานต์ก็ไม่เคยขออะไรแพงๆ นอกจากพวกสมุด ปากกาและดินสอเท่านั้น
อาจเป็นเพราะว่าหญิงสาวถูกแม่สอนให้ประหยัดมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงไม่กล้าซื้ออะไรฟุ่มเฟือย
“อยากได้รถไหม พ่อจะซื้อให้”
หญิงสาวยิ้มก่อนส่ายหน้า ถ้าแม่รู้จะต้องโกรธมากแน่ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะคุณพ่อ เดี๋ยวหนูก็ทำงานแล้ว หนูจะออกรถเองค่ะ”
“แล้วช่วงที่ไปทำงานล่ะลูก จะเดินทางไปยังไง”
ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าลูกสาวสามารถเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นพ่อก็อดห่วงลูกไม่ได้
“คุณพ่อลืมไปหรือเปล่าคะว่าหนูนั่งรถเมล์มาเรียนมหาลัยตลอดเลยนะคะ”
ปิติเหมือนจะนึกขึ้นได้ เขาหัวเราะเบาๆ
“สงสัยว่าพ่อจะลืม ช่วงนี้ลืมง่าย”
สองพ่อลูกพูดคุยกันพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีรับปริญญาบัตร ทุกคนก็ไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารริมแม่น้ำ
“ยินดีด้วยนะจ๊ะหลาน ป้ามีของขวัญให้ด้วยนะ”
หญิงวัยกลางคนยื่นกล่องของขวัญเล็กๆให้กับหลานสาวคนโปรด เมื่อชนิกานต์เปิดดูก็เห็นว่าเป็นแหวนทองหนา
“ขอบคุณนะคะคุณป้า เกรงใจจังเลยค่ะ”
“รับไปเถอะลูก ป้าอยากให้จริงๆ”
ทุกคนในที่นี้ต่างก็รักและเอ็นดูชนิกานต์ เนื่องจากว่าหญิงสาวเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก ทั้งลุงและป้าจึงรักและเอ็นดูเป็นอย่างมาก ลูกพี่ลูกน้อง ทุกคนก็รักชนิกานต์เช่นกัน
“ไหนๆก็เรียนจบแล้ว ช่วยแชร์เคล็ดลับให้บ้างสิ”
หญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยขึ้น เธอเรียนปริญญาตรีมา 5 ปีแล้วแต่ก็ไม่จบสักที จึงได้ตัดสินใจขอคำแนะนำจากชนิกานต์
“เธอต้องหาเวลาว่างไปเรียนบ้างนะ ไม่ใช่เอาแต่ทำงาน”
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเรียนไม่ได้เรื่อง แต่ก็เป็นคนที่ทำงานเก่ง หารายได้เดือนนึงไม่ใช่น้อย ถึงจะยังเรียนไม่จบ แต่ชีวิตก็ถือว่าประสบความสำเร็จกว่าเธอ ชนิกานต์จึงไม่รู้ว่าจะให้คำแนะนำอะไรดี เพราะ อีกฝ่ายดูเหมือนจะไปได้ดีกว่าเธอด้วยซ้ำ
“ก็อยากเรียนนะ แต่งานมันรัดตัว”
“ฉันไม่อยากให้เธอทิ้งการศึกษา แต่ชีวิตเธอตอนนี้มันลงตัวมากเลยนะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ฉันก็อยากให้พ่อแม่ภูมิใจเหมือนกันนี่นา”
หญิงสาวโอดครวญ ถึงพ่อแม่จะไม่เคยกดดันแต่เธอก็อยากรับปริญญาให้พ่อแม่รู้สึกภูมิใจบ้าง
“พ่อแม่เธอภูมิใจในตัวเธอมากนะ ฉันดูออก”
ชนิกานต์เอ่ย เธออยากให้ญาติผู้พี่มองเห็นคุณค่าในตัวเองมากกว่านี้ จะได้ไม่รู้สึกด้อยกว่าเธอ
“เธอนี่เป็นพลังบวกให้กับทุกคนจริงๆ ขอบใจนะที่พูดให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”
บรรยากาศในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข ทุกคนต่างก็ยินดีกับวันสำคัญของชนิกานต์ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็แยกย้าย
ปิติและชนิกานต์มาส่งญาติๆที่สนามบิน ก่อนเดินทางกลับบ้าน

