๔ สัญญาเลิกจ้าง (๓)
แต่กระนั้นก็ไม่มีใครกล้าปีนเกลียวสักคน แน่ล่ะใครจะกล้าล่วงเกินลูกชายคนเล็กของประธานบริษัทกันล่ะ กลัวจะถูกไล่ออกก่อนน่ะสิ
“ไม่มีอะไรหรอก กูแค่เครียดเรื่องงานนิดหน่อย แล้วมึงมีอะไรถึงเรียกกู งานเสร็จแล้วเหรอหรือว่าคิดจะอู้” บอกปัดแล้วปิดหน้าจอสี่เหลี่ยมเมื่อมองเวลาเห็นว่าเลยช่วงเลิกงานมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครกลับบ้านจนนึกเกรงใจพนักงานของตัวเองที่ต้องให้อยู่ดึกตลอด
แผนกของพวกเขาบางทีก็มีงานเข้าอย่างไวรัสที่ต้องกำจัดแล้วดันยากจนลากยาวไปถึงเที่ยงคืนก็มี บางครั้งข้อมูลหายก็ต้องนั่งกู้หลายชั่วโมง จึงบอกให้ทุกคนสำรองข้อมูลไว้ก่อนปิดเครื่องทุกครั้ง แต่ช่วงหลังกำลังทำเว็บไซต์ใหม่ให้บริษัทจึงต้องอยู่ดึกหน่อย
“เสร็จแล้วครับ พวกผมว่าจะไปฉลองวันเกิดไอ้ใหม่ที่ผับแถวทองหล่อเลยมาชวนพี่เนี่ยแหละ เดี๋ยวรู้ทีหลังจะงอนผมอีกว่าไม่ชวน ตกลงจะไปด้วยกันหรือเปล่า” เหลือบมองเจ้าของวันเกิดที่ทำงานด้วยกันมานาน จากนั้นจึงพยักหน้ารวดเร็วมีข้ออ้างให้กลับบ้านดึกแล้ว เขาแอบยิ้มมุมปากมีความสุขนึกโล่งใจที่ไม่ต้องกลับ้อง
บอกตามตรงว่ายังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับร่างบาง แค่สายตาตัดพ้อตอนเช้าก็ติดตาไปทั้งวันแล้ว
“ไป อยากดื่มเหมือนกัน”
“หือ ไหนบอกว่าจะลดละเลิก มีเรื่องเครียดหรือเปล่าครับพี่ชาย ปรึกษาผมได้นะครับ” คราวนี้เป็นโจ๊กที่ต้องท้วงถาม เคยไปนั่งดื่มกับเจ้านายหลายต่อหลายครั้งเพราะฟรีตลอด แต่ช่วงหลังคีตภัทรบอกจะเลิกดื่มเด็ดขาดจึงไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันอีก น่าแปลกที่คราวนี้หวนกลับวงการ
“กูเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว สั่งงานพวกมึงเพิ่มให้เลิกสักตีสองตีสามดีกว่า” หงุดหงิดกับคำถามจึงแกล้งพูดหยอกแต่ก็ทำให้คนฟังรีบยิ้มประจบ เข้ามานวดบ่าไหล่ให้เขาคลายความหงุดหงิดลง ก่อนเลื่อนเก้าอี้ออกห่างแล้วกำชับถึงเวลา
“ล้อเล่นครับผมเจ้านาย เจอกันที่ผับเดิมตอนสองทุ่มนะครับ ไปเร็วจะได้อยู่กันยาวหน่อย” เหลืออีกแค่ชั่วโมงกว่าก็ถึงเวลานัดแล้ว เขาพยักหน้าเข้าใจแล้วตอบเสียงแข็ง รู้ดีว่าไม่ควรเอาอารมณ์หงุดหงิดไปลงที่คนอื่นแต่มันก็อดไม่ได้
“เออ” ไอ้โจ๊กมันทำหน้าล่ออารมณ์โมโหเขาเสียเหลือเกิน
นัดหมายกันเรียบร้อยคนเป็นลูกน้องก็คิดจะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเอง หากแต่สายตาเหลือบไปเห็นเอกสารที่วางอยู่เครื่องปริ้นจึงเผลอหยิบมาอ่านอย่างถือวิสาสะ ทำให้ร่างสูงต้องรีบเอื้อมมือมาแย่งกระดาษแผ่นนั้นไปอย่างรวดเร็ว
“เอกสารการเลิกจ้าง...ของพี่เหรอ” ถามด้วยสีหน้าเหลอหลา เริ่มกลัวว่าตัวเองอาจถูกเลิกจ้างเพราะไปกวนบาทาเจ้านายมากเกินไป
“ยุ่ง” เขาไม่ตอบแต่เลือกหยิบกระดาษแผ่นนั้นใส่ซองอย่างรวดเร็ว ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายเมื่อมองหน้าคนที่เริ่มกังวล ตอนแรกคิดจะแยกไปหาเพื่อนกลับต้องขยับเข้ามาใกล้ร่างสูง ถามเพื่อความสบายใจของตัวเอง
“พี่จะไล่ใครออกอ่ะ พี่จะไล่ผมออกเหรอ” ทำงานที่นี่ตั้งแต่เรียนจบ เงินเดือนดีสวัสดิการก็ไม่เหมือนใคร ไหนจะโบนัสประจำปีที่ได้เยอะจนหายเหนื่อยอีกต่างหาก ความมั่นคงไม่ต้องพูดถึงเพราะบริษัทไม่มีทางล้มอย่างแน่นอน อำนาจมากล้นแทบจะกินรวบประเทศขนาดนี้
มองร่างสูงด้วยประกายความรักที่พยายามสื่อออกไป เขาเห็นก็นึกหมั่นไส้จึงผลักหน้าของลูกน้องออกห่าง
“ถ้ามึงยังไม่หยุดถามกระดาษใบนี้อาจจะเป็นของมึงก็ได้ไอ้โจ๊ก” พอได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกยืนพลางยิ้มแหยะไม่กล้าถามต่อ แค่รู้ว่าเอกสารการเลิกจ้างไม่ใช่ของตัวเองก็พอแล้ว เรื่องอะไรจะแหย่เท้าเข้ากรงเสือให้โดนขย้ำกันล่ะ
เขาไม่ได้บ้าขนาดนั้นสักหน่อย...
“แหะๆ ไม่ถามแล้วครับ”
ทุกคนแยกย้ายกันเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มีเพียงเขาที่แวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของขวัญให้เจ้าของวันเกิด เดินเลือกไม่นานก็ได้นาฬิกามาหนึ่งเรือน ใช้บริการห่อของขวัญจากทางร้านแล้วค่อยเดินกลับมายังรถยนต์ของตัวเอง ใช้เวลานานพอสมควรในการฝ่ารถติดมาถึงร้านที่หมาย
พบว่าตัวเองสายแล้วก็รีบเดินเข้ามาข้างใน มาเร็วจึงยังไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ เดินผ่านโซนธรรมดาไปยังห้องวีไอพี พบลูกน้องที่อยู่กันเต็มห้องก็พยักหน้าให้เป็นการทักทาย เจ้าของวันเกิดเดินมารับหัวหน้าของตัวเองก่อนชะงักเมื่อถูกยื่นของขวัญมาตรงหน้า
“สุขสันต์วันเกิดไอ้ใหม่ นี่ของขวัญ...มันรีบกูเลยหาได้เท่านี้แหละ” ใหม่รับของแล้วเชิญคนมาให้นั่งลงยังที่ว่างซึ่งพวกเขาพร้อมใจกันเว้นไว้ให้คีตภัทรโดยเฉพาะ
“โหพี่ นี่ก็โคตรหรูแล้วครับ ขอบคุณมากๆ ครับ” เจ้าของวันเกิดเปิดของขวัญก่อนพบว่าเป็นนาฬิกาเรือนหรูราคาไม่ใช่น้อย เบิกตากว้างด้วยความตกใจแล้วรีบใส่พลางเอ่ยขอบคุณคนให้ไม่หยุด เขาพยักหน้าแล้วหยิบน้ำเมาขึ้นมาดื่ม
“วันนี้กูเลี้ยงเอง ถือว่าฉลองให้มึง” ยกแก้วให้ใหม่พลางเอ่ยกับทุกคน เล่นเอาลูกน้องพากันโห่แซวในความใจปล้ำของเขากันอย่างเสียงดัง แต่เจ้ามืออย่างใหม่นึกเกรงใจเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเสียเงินซื้อของขวัญให้แล้ว ไม่อยากให้เสียเงินเลี้ยงอีก
“เกรงใจ...” ยังพูดไม่ทันจบก็โดนแย้งรวดเร็ว
“กูรวย” เพียงแค่ประโยคเดียวทำให้ไม่มีใครกล้าค้านอีก โจ๊กได้ยินอย่างนั้นก็ชงเหล้าเข้มให้พี่ชายพร้อมยัดใส่มือไปเลย
“จัดไปครับพี่คีน...สั่งเต็มที่เลยเว้ยป๋าคีนเลี้ยง!” สิ้นเสียงตะโกนของโจ๊กทุกคนก็เฮลั่น บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขแล้วเขาก็ค่อนข้างเอนจอยพอสมควร ยกดื่มไม่หยุดแล้วก็มีคนขอชนแก้วไม่ขาด กว่างานเลี้ยงจะเลิกราก็เข้าสู่วันใหม่แล้ว
เขารู้ดีว่าตัวเองเมาจึงตัดสินใจเรียกใช้บริการคนขับรถแทน มาถึงหน้าคอนโดมิเนียมก็นำรถเข้าไปจอดในช่องบริการจอดรถ แล้วเดินเข้ามาในอาคารสูง คิดว่าป่านนี้หล่อนคงนอนหลับไปแล้วไม่ได้เจอกันหรอก
เท้าซ้ายขวาก้าวแทบไม่ตรง ยังดีที่ขึ้นมาถึงห้องของตัวเองก่อนจะแสกนนิ้วแล้วประตูเปิดออกเชื่องช้า แล้วเสียงของมันก็ทำให้คนที่นอนหลับบนโซฟาตื่นเต็มตา เธอค่อยลุกนั่งแล้วมองชายหนุ่มที่เพิ่งถึงห้องด้วยแววตาฉงน
แอด
แทบสร่างเมาเมื่อเห็นร่างบางเดินเข้ามาใกล้ คิดว่าเธอนอนหลับไปแล้วแต่ทำไมหญิงสาวจึงยังอยู่ที่นี่ ตอนแรกคิดว่าจะไม่ได้เผชิญหน้าเพราะกลับมาดึก ทว่าหล่อนกลับรอเขาเกือบค่อนคืนจนนึกสงสารจึงเดินเข้ามาใกล้ ทรุดกายนั่งลงยังโซฟาที่เมื่อครู่เธอใช้เป็นเบาะนอน
