๔ สัญญาเลิกจ้าง (๔)
“คุณคีน...มาแล้วเหรอคะ” น้ำเสียงที่ถามยังงัวเงีย ก่อนจะนั่งลงที่ปลายโซฟาเว้นระยะห่างระหว่างเราเอาไว้
“ง่วงทำไมไม่เข้าไปนอนในห้อง” ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรือเปล่าน้ำเสียงที่เอ่ยจึงอ่อนลงกว่าปกติ
กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาทำให้รู้ว่าเขเพิ่งไปดื่ม แล้วดูท่าน่าจะดื่มเยอะเสียด้วย เมื่อครู่เข้ามาในห้องชายหนุ่มก็เดินไม่ตรง ไม่รู้เหตุผลที่เขาไปดื่มเป็นเพราะเธอหรือเปล่า แต่ก็พยายามไล่ความคิดนั้นออกแล้วลุกยืนเพื่อไปเตรียมอาหารให้เผื่อเขายังไม่ได้กินข้าว ลืมดูเวลาว่าตอนนี้ตีหนึ่งเข้าให้แล้ว
“เผื่อคุณมาถึงแล้วหิวน่ะค่ะ กินข้าวมาหรือยังคะ หนูทำอาหารไว้เดี๋ยวเอาออกมาอุ่นให้คุณ...”
“ไม่ล่ะ ฉันกินมาจากข้างนอกแล้ว” เขาปฏิเสธรวดเร็วจนเธอทำได้เพียงยืนนิ่ง รับคำเสียงเบาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
“อ่า ค่ะ”
ระหว่างพวกเราไม่มีประโยคใดเอ่ยออกมา ความเงียบยิ่งทำให้กดดันจนหายใจไม่ออก เธอจึงคิดจะเลี่ยงเข้าห้องเมื่อเห็นว่าร่างสูงกลับถึงบ้านด้วยความปลอดภัย ทั้งอยากเห็นหน้าและอยากหลีกหนีในคราวเดียวกันจนสงสัยตัวเอง
หญิงสาวคิดว่าตัวเองควรยอมแพ้ได้แล้ว แต่อีกใจก็ยังอยากลองพยายามดูสักครั้ง...
“ถ้า ถ้าอย่างนั้นหนูไปนอนก่อนนะคะ ถ้าคุณคีนมีเรื่องอะไรก็เรียกได้ตลอด...” คิดจะเดินเลี่ยงเข้าห้องกลับถูกเขาสั่งเสียงเรียบ จึงชะงักฝีเท้าแล้วเดินมานั่งลงที่โซฟาเหมือนเดิม ไม่คิดว่าเขาจะมีเรื่องอยากพูดกับตัวเอง
“นั่งลงก่อนสิ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอพอดี” ถึงจะเมาแต่ก็ยังมีสติ อยากพูดทุกอย่างให้จบในคืนนี้ไม่อยากคาราคาซัง พูดตอนที่เมาอาจจะกล้ากว่าปกติก็ได้ จึงไม่รอช้ารีบหยิบเอกสารสำคัญออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง
“ค่ะ”
เธอรับคำแล้วรอคอยว่าเขาจะพูดอะไร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญพอสมควร ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงเลี่ยงที่จะพบหน้าหล่อนแล้ว
น่าจะเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ นั่นแหละ...
กระทั่งเขาหยิบเอกสารบางอย่างออกมา แล้ววางไว้ตรงหน้าเธอพร้อมปากกาหนึ่งแท่ง ดวงตากลมไล่อ่านอักษรทุกอย่างด้วยหัวใจสั่นไหว ดวงตาร้อนผ่าวไม่คิดว่าเวลาที่ได้อยู่กับเขามันจะสั้นขนาดนี้ เรื่องเมื่อคืนเป็นตัวจุดชนวนให้ทุกอย่างพังลงในพริบตา
ถ้าเธอไม่ยอมโอนอ่อนเขาก็คงไม่ผลักไสกันใช่ไหม ตนก็อาจจะยืดเวลาที่ได้อยู่กับเขา ให้นานกว่านี้อีกสักหน่อย
“นี่เป็นเอกสารเลิกจ้าง ถึงเธอจะไม่ได้เซ็นสัญญาจ้างงานแต่ถ้าจะเลิกจ้างก็อยากทำเป็นลายลักษณ์อักษรให้ชัดเจน” เขาบอกตามความตั้งใจของตนให้ทราบ
“เลิกจ้างเหรอคะ”
นอกจากสัญญาเลิกจ้างแล้วยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่เขาเอ่ยทีล่ะข้อ ไม่ให้เผยแพร่เรื่องส่วนตัว เก็บทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาเป็นความลับ หากแพร่งพรายออกไปจะเอาเรื่องเธอทันที แล้วยังมีจำนวนเงินที่จะมอบให้หลังเลิกจ้างอีกต่างหาก
อยากหัวเราะก็ไม่อาจเปล่งเสียงได้ เธออ่านจนจบก่อนจะวางแผ่นกระดาษลงที่เดิม ยังไม่ยอมเซ็นชื่อตัวเองลงไป เลือกจะฟังสิ่งที่เขาเอ่ยซึ่งดูเหมือนว่าจะดีกับตัวหล่อน
แต่ความจริงไม่เลยสักนิด...เธอไม่อยากได้เงินจำนวนนี้
“ใช่ แต่ฉันจะให้เงินเธอจำนวนหนึ่งเพื่อไปตั้งตัวหรือจะกลับบ้านก็ตามใจเธอเลย แต่ว่าฉันคงให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
“ทำไมคะ” ถามกลับรวดเร็ว แววตาเต็มไปด้วยความอยากรู้
“ฉันไม่เคยสานสัมพันธ์กับคนที่นอนด้วยแค่ครั้งเดียว” คนเมาเริ่มตื่นเต็มตาบอกกับเธอไปอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งหญิงสาวก็คิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นเรื่องเมื่อคืนที่เราต่างล้ำเส้น สร้างความสัมพันธ์ที่ยากต่อการควบคุม อีกทั้งความรู้สึกของเธอที่มีต่อชายหนุ่มก็รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
จนตอนนี้ไม่อาจควบคุมได้อีกต่อไป...
เมื่อเขาเมาแล้วเธอก็อยู่ในช่วงเสียใจ จึงไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกของตัวเอง กำปากกาเอาไว้แน่นแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ละล่ำละลักบอกความในใจของตัวเอง ซึ่งชายหนุ่มก็พอจะทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเธอคิดเช่นไร
“แต่ แต่ว่าหนู...ชอบคุณ” ประโยคนั้นสั่นคลอนเขาได้ไม่ยาก มือหนากำเข้าหากันแน่นเช่นเดียวกัน ไม่ได้อยากทำร้ายจิตใจคนแสนดีอย่างเธอ แต่เขาก็ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใครในตอนนี้เช่นเดียวกัน แววตาเศร้าสร้อยส่งมาให้กันจนไม่กล้ามอง
“ฉันมีคนที่รักแล้ว” บอกเสียงเบาแล้วเพ่งสายตาไปยังโต๊ะแทนที่จะมองใบหน้าสวย
“หรือเพราะว่าหนูจนคะ คุณคีนเลยไม่สนใจหนู” ตั้งข้อสังเกตที่พอจะนึกออก เขาส่ายหน้าเชื่องช้าพลางหลับตาแน่นไม่กล้าบอกความจริงทั้งหมด ความอึดอัดที่สุมแน่นในอกตอนนี้ ทำให้เขาเลือกที่จะปล่อยมือจากเธอ
เลิกคิดตั้งแต่ตอนนี้ที่ยังไม่ผูกพันกันมาก ดีกว่าต้องตัดสัมพันธ์ตอนที่ใจถลำลึกแล้ว...
“ไม่เกี่ยวที่ฐานะหรอก เรื่องความรักมันอยู่ที่หัวใจต่างหาก” ปากอวบอิ่มเม้มแน่นสูดลมหายใจแล้วปาดน้ำตาที่คลอเบ้า เกลียดตัวเองที่อ่อนแอกับความรักมาโดยตลอด เมื่อรู้ว่าเขามีคนในใจแล้วตนก็ไม่สามารถเข้าไปแทนที่ได้
สิ่งที่ต้องทำคงมีเพียงอย่างเดียวคือตัดใจ อย่างไรผู้ชายก็ไม่ได้มีคนเดียวเสียหน่อย ไม่แน่ว่าอีกไม่นานเธออาจเจอคนที่รักจริงก็ได้
จรดปลายปากกาเซ็นลงบนเอกสารเลิกจ้าง ยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้เขาพร้อมกับปากการาคาแพง ก่อนจะถามถึงผู้หญิงที่อยู่ในใจของชายหนุ่ม อยากรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ทำไมถึงเอาชนะใจของคีตภัทรได้
“เธอคือคนที่ทำให้คุณต้องดื่มจนเมาเพื่อลืมหรือเปล่าคะ”
“ใช่” ยิ้มเยาะสมเพชตัวเองที่หวังไปไกล
ความจริงทุกอย่างกระจ่างแล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปทำไม
“คุณจะให้หนูไปวันไหน”
“มะรืนแล้วกัน ฉันว่างพอดีจะไปส่งเธอที่ขนส่งเอง...จะกลับลาวเลยใช่ไหม” เมื่อหญิงสาวบอกว่าจะไปจากกันทำให้เขานึกวูบโหวงในอก นึกโหยหากับที่ความอบอุ่นที่ได้รับ เสียงหวานที่เอ่ยทักทายยามถึงห้อง รอยยิ้มสดใสที่มอบให้กันเสมอ อาหารมื้ออร่อยและการพูดคุยในแต่ละวัน
ทำไมเขาถึงเคยชินไปแล้วทั้งที่เราสองคนพบกันได้ไม่นาน...
มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ
“คงต้องเป็นแบบนั้นล่ะค่ะ” พยักหน้าบอกเขาไม่ได้ขยายความมากกว่านั้น
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แล้วก็ขอโทษที่ฉันรู้สึกแบบเดียวกับเธอไม่ได้ ขอให้โชคดีนะ” เป็นการลาที่หญิงสาวไม่อยากได้ยินแต่ก็ต้องยอมรับความจริง
“ค่ะ”
เรื่องของเราจบลงไปแล้ว พร้อมกับความรักของเธอเช่นเดียวกัน
