๔ สัญญาเลิกจ้าง (๑)
๔
สัญญาเลิกจ้าง
น้ำเมาหมดฤทธิ์ทำให้หัวหน้าแผนกไอทีได้สติกลับคืนมาครบถ้วน ยามเช้าที่แสนสดใสของเขากลับดูมืดมนเมื่อรับรู้ว่ามีคนในอ้อมกอด ชาไปทั่วแขนคิดว่าคงนอนท่านี้นานพอสมควร ตั้งแต่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็ไม่เคยนอนกอดใคร กระทั่งผู้หญิงที่ผ่านมาชั่วครั้งคราวก็แยกย้ายตั้งแต่เสร็จกิจ
ต่างจากผู้หญิงที่นอนหลับสนิทข้างกันอยู่ในตอนนี้
เพียงแค่ลืมตาแล้วเห็นใบหน้าหวานอยู่ใกล้เพียงคืบก็เผลอกลั้นหายใจชั่วขณะ เขาไม่ได้นอนตัวเปลือยยังสวมกางเกงขาสั้นหัวยืด เช่นเดียวกับเธอที่ใส่ชุดนอนลายการ์ตูนสีหวาน หลับตาพริ้มคล้ายเจ้าหญิงนิทราที่กำลังฝันหวาน
ตื่นเต็มตาไม่มีอาการแฮงค์เลยสักนิด นอกจากความกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความอ่อนแอของตัวเอง รู้ทันทีว่าจะต้องมีเรื่องยุ่งยากตามมาแน่นอน ไม่รู้หล่อนจะทวงถามถึงความรับผิดชอบหรือเปล่า แต่ให้บอกตามตรงเขาคงไม่พร้อม
นอนด้วยกันคืนเดียวจะให้พัฒนาความสัมพันธ์คงเป็นไปไม่ได้...
“กูทำอะไรลงไปวะ...” พึมพำเสียงเบาแล้วพยายามดึงแขนของตัวเองออกมาให้เบาที่สุด กลัวคนอยู่ในห้วงนิทราจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน บอกตามตรงว่ายังไม่พร้อมพูดคุยกับเธอตอนนี้ เขายังต้องการเวลาทบทวนเรื่องของเราให้ชัดเจน
แต่ที่มั่นใจอย่างหนึ่งคือไม่พร้อมรับผิดชอบ เขาเชื่อว่าความรักต้องศึกษาเรียนรู้กันผ่านระยะเวลา ซึ่งเราสองคนเพิ่งเจอกันแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ แทบไม่รู้เรื่องของหญิงสาวด้วยซ้ำ การจะให้พัฒนาจากคนแปลกหน้าเป็นคนรักก็คงจะยากสักหน่อย
เผลอถอนหายใจเสียงดังอย่างคิดไม่ตกว่าจะเอาเช่นไรต่อไป เป็นจังหวะเดียวกับที่หล่อนค่อยเปิดเปลือกตาแล้วสบเข้ากับเขาพอดี หญิงสาวยังคงงัวเงียแต่เพียงครู่เดียวก็เบิกตากว้างเมื่อความทรงจำยามค่ำคืนหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ใบหน้าหวานแดงก่ำแทบจะเป็นผลมะเขือเทศสุก
ผุดลุกนั่งบนเตียงกว้างก่อนจะคว้าผ้าห่มมากอดเอาไว้ เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองสวมชุดนอนไม่ได้เปลือยเปล่าค่อยโล่งอก ก่อนสายตาจะมองไปยังเตียงที่ยับย่นจากกิจกรรมที่ทำร่วมกันเมื่อคืน ซึ่งใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควรกว่าเขาจะปล่อยเธอเป็นอิสระ ยิ่งคิดก็ยิ่งเขินอายไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับอีกฝ่าย
เพิ่งเคยนอนกับผู้ชายครั้งแรก ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน จึงคิดไม่ออกว่าคนตรงหน้าจะพูดอะไร แล้วต่อจากนี้สถานะของเราจะพัฒนาหรือเปล่า ซึ่งเธอก็แอบคาดหวังจะเป็นมากกว่าเจ้านายและลูกน้อง
“เมื่อคืนฉันเมาแล้วก็อารมณ์อ่อนไหวไปหน่อย ขอโทษที่ล่วงเกินเธอแต่ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น คือว่า ฉัน...ฉันพูดตามตรงเลยแล้วกันว่าให้มันจบไปได้ไหม เธอลืมๆ มันไปก็ได้” ปล่อยให้ห้องเงียบอยู่หลายนาทีจนไม่อาจทนความอึดอัดไหว ร่างสูงจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนแม้ว่าจะเรียบเรียงประโยคได้ไม่ดีเท่าไหร่ก็ตาม
เขาอาจจะกลายเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวในสายตาเธอก็เป็นได้ บังคับเอาแต่ใจแล้วยังปัดความรับผิดชอบอีกต่างหาก มองคนตัวเล็กที่ทำอะไรไม่ถูก เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไรสักคำหลังจากได้ฟังคำขอโทษ
พยายามประมวลผลกับประโยคยาวเหยียดที่เขาเอ่ยออกมา
ชายหนุ่มต้องการให้ลืมเรื่องเมื่อคืน ทั้งที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ แล้วเธอจะมีความสามารถลบความทรงจำได้อย่างไร
“จะได้ลืมยังไงล่ะคะมันเกิดขึ้นแล้ว” ไม่รู้ว่าตัวเองใช้ความกล้าจากไหนมาพูดโต้ตอบ จ้องตาเขานิ่งด้วยความผิดหวัง เมื่อคืนเขาเป็นผู้ชายอ่อนโยนที่เรียกร้องเอาจากเธอไม่หยุด ตื่นเช้ามากลับกลายเป็นคนเย็นชาที่พยายามผลักไสกัน
ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเหตุใดชายหนุ่มถึงได้เปลี่ยนไป เป็นเพราะแอลกอฮอล์ใช่หรือเปล่าที่ทำให้เขากลายเป็นคนละคน ปวดหนึบที่หัวใจก่อนนึกขึ้นได้ว่ามีเพียงเธอที่คิดฝันไปคนเดียว เห็นได้ชัดเจนเรื่องเมื่อคืนที่คีตภัทรร้องไห้คงเพราะช้ำใจจากความรัก พอเธออยู่ใกล้จึงคว้ามาคลายเหงา
หัวใจที่เคยฟู่ฟ่องกลับมาเหี่ยวเฉาอีกครั้งเมื่อตระหนักถึงความจริงข้อนี้
“ฉันมีคนที่ชอบแล้ว เรื่องเมื่อคืนมันแค่อารมณ์พาไปแล้วก็เมาด้วย เธอคงไม่ถือสาฉันหรอกนะ” รู้ดีว่าตัวเองเหมือนปัดความรับผิดชอบแต่ทำอย่างไรได้เขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปมากกว่าเจ้านายลูกน้อง
ไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องยุ่งยากอีกมากมายตามมา ตนคงรับไม่ไหวเป็นแน่จึงรีบออกตัวเป็นอย่างแรก ดวงตากลมสั่นไหวกับคำพูดของอีกฝ่าย เผลอกัดปากแน่นก่อนตอบรับเสียงแผ่ว เธอไม่มีสิทธิ์ที่จะไปค้านอยู่แล้ว ลงจากเตียงได้ก็แทบจะไม่มองตาเขา
“ค่ะ” พูดจบก็รีบเดินออกจากห้องใหญ่ที่ใช้หลับนอนเมื่อคืน
ภาพร่วมรักยังจำได้ขึ้นใจเพราะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ความอบอุ่นที่ได้รับจากเขา รสชาติหวานล้ำที่ไม่เคยพานพบ ความสุขสมที่เรามีร่วมกันยากจะลืม แต่เมื่อคืนวันผ่านพ้นสติของเขากลับมาอีกครั้ง ก็เหมือนชายหนุ่มจะต้องการลืมหมดทุกสิ่ง ราวเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตราบาปของเขา ทั้งที่มันคือความทรงจำที่ดีของหล่อน
แล้วแบบนี้จะให้ลืมได้อย่างไร คิดแล้วก็นึกสะท้านในอกแล้วยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้ม บอกตัวเองไม่ให้ร้องไห้จึงรีบเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาทำอาหารเหมือนทุกวันเพื่อให้เขาได้รับประทาน แต่เมื่อร่างสูงออกมากลับเดินเลยไปยังหน้าประตูจนหล่อนต้องรีบเดินตาม
“ใกล้จะสายแล้วฉันต้องไปทำงาน เธอก็ตามสบายเลย” ยังไม่ทันที่เมษาจะเอ่ยปาก เขาก็เป็นฝ่ายบอกก่อน ยิ้มให้หล่อนเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตู แต่มือหนากลับถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน พร้อมคำเรียกขานเสียงแผ่วที่ออกมาจากปากจิ้มลิ้ม
“คุณคีนคะ” สถานการณ์น่าอึดอัดจนคีตภัทรนึกอยากหายตัวได้ เมื่อคืนตัวเองทำผิดพลาดที่เมาจนเผลอทำตามใจ อาจเนื่องมาจากไม่มีหญิงอยู่ข้างกายนาน พอได้กอดเธอในยามอ่อนแอแล้วยังมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้เตลิดไปไกล
ลงท้ายที่สร้างเรื่องให้ตัวเองจนได้...
ดวงตาคมมองที่มือบางซึ่งจับข้อมือเขาเอาไว้ จนเธอต้องรีบปล่อยอย่างรวดเร็วเหมือนกำลังจับของร้อนก็ไม่ปาน สบตาเขาด้วยแววตาแฝงความเศร้า ทำให้คีตภัทรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นชายโฉดที่ทำร้ายหญิงบริสุทธิ์
