๓ ระหว่างเราแสนห่างไกล (๕)
เขาเจอเรื่องหนักหนาอะไรมาหรือเปล่า คงกระทบกระเทือนใจพอสมควรไม่อย่างนั้นคงไม่เงียบหายไปเช่นนี้
ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรเขาได้บ้างหรือเปล่า เธอไม่อยากเห็นคีตภัทรเศร้าเลย...
กุกกักๆ
คนที่กำลังนอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงของตก เหลือบมองเวลาพบว่าเป็นช่วงเที่ยงคืน จึงค่อยหย่อนเท้าลงจากเตียงแล้วย่องไปยังประตู แง้มดูข้างนอกว่าเกิดอะไรขึ้น ผ่อนลมหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นเจ้าของห้องนั่นเอง
“คุณคีน...หาอะไรเหรอคะ” คนที่กำลังหยิบแอลกอฮอล์ออกมาจากตู้เย็นถึงกับชะงัก หันมามองหญิงสาวที่เดินออกมาด้วยชุดนอนแปลกตา เขาไม่เคยออกจากห้องตอนกลางคืนจึงไม่เห็นว่าเธอสวมชุดนอนลายการ์ตูนแสนน่ารักสีสันสดใส
เผลอหลุดยิ้มกับความน่ารักของอีกฝ่าย แต่ก็ยังหยิบเครื่องดื่มมาถือไว้แล้วปิดตู้เย็นแล้วตอบคำถามของเธอไปด้วย ผ่านมาหลายชั่วโมงดวงตาที่ควรปิดกลับเปิดสว่าง ทำอย่างไรก็หลับไม่ลงจนต้องออกมาพึ่งน้ำเมา หวังให้อารมณ์ผ่อนคลายตัวเองจะได้นอนหลับสบาย
“ฉันนอนไม่หลับเลยว่าจะหาอะไรดื่มสักหน่อย” นึกเป็นห่วงร่างสูงเพราะจำได้ว่าตอนเย็นเขายังไม่ได้รับประทานอาหาร เธอตื่นเต็มตาแล้วยังเอ่ยปากจะทำอาหารให้ชายหนุ่มรับประทานระหว่างดื่มอีกต่างหาก
“เบียร์เหรอคะ...ดื่มตอนท้องว่างจะดีเหรอ เดี๋ยวหนูทำกับแกล้มสักสองสามอย่างให้ดีกว่าค่ะ”
“ไม่...” เอ่ยปากเตรียมปฏิเสธแต่ดูเหมือนเมษาจะไม่ยอมฟัง เดินไปที่ครัวพร้อมกับนำอาหารบางส่วนออกมาจากตู้ แล้วอย่างนี้เจ้าของห้องจะทำอะไรได้นอกจากเลยตามเลย
“แปบเดียวค่ะ คุณคีนดื่มรอได้เลย” จัดการอาหารเพื่อกินกับเบียร์อย่างขะมักเขม้น แล้วดูเหมือนว่าจะไม่ยอมฟังคำปฏิเสธของเขาเสียด้วย ชายหนุ่มถอนหายใจเสียงหนัก จำยอมให้หญิงสาวทำตามความต้องการ
“ฉันไปรอที่ระเบียงนะ”
“ค่ะ” ผงกศีรษะเป็นการรับคำ แล้วสาละวนอยู่หน้าเตาเพื่อทำกับแกล้มให้คนที่นอนไม่หลับ
หล่อนไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาเพราะรู้ว่าชายหนุ่มคงไม่ตอบ อีกอย่างมันเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ควรไปยุ่มย่าม จึงอยู่เพียงในที่ของตัวเองเท่านั้น อุ่นอาหารที่ทำไว้ช่วงเย็นและทำยำเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ของครบก็พร้อมเสิร์ฟจึงถือไปวางไว้บนโต๊ะที่ระเบียงห้อง
เธอชอบระเบียงของเขาที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร แต่ดูเหมือนคีตภัทรจะไม่ค่อยได้ใช้พื้นที่ในส่วนนี้เท่าไหร่ ยังดีที่มีโต๊ะและเก้าอี้พับวางไว้ ตอนนี้เบียร์เกือบสิบกระป๋องวางตรงหน้าและมีกับแกล้มอีกสามอย่างเรียกน้ำลายได้ในทันที
“นั่งด้วยกันสิ” เอ่ยชวนเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินเข้าห้อง ไม่รู้ทำไมถึงทำแบบนั้นเพียงแค่รู้สึกว่าไม่อยากอยู่คนเดียว
“ค่ะ” ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างเขา
ระหว่างนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เธอกินยำที่ตัวเองทำส่วนเขาก็แค่จิบเบียร์ไปพลางมองบรรยากาศยามค่ำคืน ฝนไม่ตกอากาศก็เย็นสบาย น่าเสียดายที่ไม่มีดาวให้มองนอกจากพระจันทร์เสี้ยวที่ส่องแสงสีนวลอุ่นตา
มุมปากหยักยกยิ้มแล้วหลับตาลง ทั้งที่ดื่มไปแค่สองกระป๋องแต่เหมือนว่าเริ่มจะเมาเสียแล้ว ปล่อยให้ความเงียบโอบล้อมมาได้สักพักก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมา
“วันนี้อากาศดีนะ...อากาศดีมากเลย” หล่อนหันมองเขาไม่รู้ว่าคีตภัทรกำลังชวนคุยหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรร่างหนาก็เดินไปหยิบกีต้าร์ที่อยู่ในห้องนอนมาบรรเลง เธอทำได้เพียงมองอย่างสงสัยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“อยากฟังเพลงไหม เดี๋ยวเล่นให้ฟัง วันนี้ขอทบทวนความจำหน่อยแล้วกัน ไม่ได้เล่นกีต้าร์มานานแล้วไม่รู้จะจำวิธีเล่นได้หรือเปล่า” เพียงแค่เริ่มตั้งสายก็เห็นถึงความเท่ห์ของเขาจนเผลอมองไม่หยุด หัวใจเต้นโครมครามไม่สามารถระงับอาการไว้ได้
เธอชอบเขา...แล้วก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้อยู่ใกล้กัน
เสียงทุ้มเอ่ยร้องคลอไปตามเสียงดนตรี หล่อนมีความสุขจนปิดไม่มิด ยิ้มแก้มปริพลางร้องคลอไปตามเพลงที่เขาเล่น เหลือบมองใบหน้าคมที่เหม่อมองไปยังท้องฟ้า สายตาเศร้าจับใจจนเธอนึกเจ็บปวดไปด้วย
“ดื่มเยอะไปแล้วนะคะ” เขาวางกีต้าร์ไปนานแล้ว ที่ทำอยู่ตอนนี้คือยกแอลกอฮอล์ขึ้นดื่มไม่หยุด เหมือนว่ามีเรื่องราวรบกวนจิตใจเกินกว่าจะควบคุมตัวเองได้ ทั้งที่ตลอดมาเขาเก็บความรู้สึกเก่งมาตลอด กลับต้องพ่ายแพ้เมื่อรู้ว่าต้องปล่อยมือแล้วจริงๆ
ไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่เธอพูด เขาทำเพียงแค่ดื่มให้ตัวเองไม่เจ็บปวด แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งดื่มความรู้สึกกลับยิ่งชัดมากกว่าเดิม จนไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ เขาปล่อยให้มันไหลออกมาทั้งที่มือก็ถือเบียร์เอาไว้แล้วยกดื่มไม่หยุด
“คุณคีน ร้อง ร้องไห้ทำไมคะ...” ตกใจจนลุกมาจากเก้าอี้ นั่งลงตรงหน้าเขาพร้อมจับมือหนาเอาไว้ ดวงตาคมจึงจ้องมาที่หล่อนผ่านม่านน้ำตา เขาวางเครื่องดื่มไว้บนโต๊ะแล้วคว้ามือบางก่อนดึงให้หล่อนเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม
“คุณคีน...” นอกจากจับมือแล้วยังถูกดึงเข้าไปกอดจนร่างบางเกยอยู่บนตักแกร่งโดยไม่ตั้งใจ เธอเบิกตากว้างเรียกชื่อเขาเสียงแผ่ว ไม่เคยอยู่ใกล้กันขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเมาจนแทบไม่มีสติก็ตาม ทั้งยังร้องไห้ซุกใบหน้าลงที่ลาดไหล่เล็กอีกต่างหาก
“ขอกอดก่อนได้ไหม อย่าเพิ่งถามอะไรเลยนะ” ไม่ว่าหล่อนจะอนุญาตหรือไม่แต่เขาก็กอดไปแล้ว หญิงสาวจึงไม่คิดปฏิเสธแล้วเลือกจะยกมือกอดตอบ พลางตบแผ่นหลังกว้างที่สั่นไหว ลูบแผ่วเบาเพื่อให้กำลังใจชายหนุ่ม
เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว...
“หนูอยู่ตรงนี้นะ อยู่กับคุณตรงนี้...”
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะอยู่ข้างเขา เหมือนที่ครั้งหนึ่งคีตภัทรเคยอยู่ข้างเธอ ช่วยฉุดรั้งให้ออกมาจากความเจ็บปวดได้
“อย่าทิ้งฉันไปไหนนะ ฉันไม่อยากต้องอยู่กับความเจ็บปวดอีกแล้ว ไม่เอาแล้ว บอกว่าไม่เอาแล้วไง” ซุกใบหน้าลงที่ซอกคอขาว กอดรัดเอวบางแน่นกว่าเดิมโดยที่พร่ำถึงเรื่องที่เธอไม่เข้าใจ แต่ก็พอเดาได้ว่าคงเจ็บปวดจากเรื่องความรัก
แววตาสั่นไหวเมื่อนึกได้ว่าหัวใจของเขามีคนอื่นจับจอง แต่เธอก็พยายามตัดความรู้สึกนั้นออกไป สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือปลอบคนที่อ่อนไหว
“ค่ะ ไม่ทิ้งไปไหนหรอก จะอยู่กับพี่ตลอดไปเลยดีไหม” ใช้โอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังเมาเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกขาน แล้วดูเหมือนร่างหนาจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ เขาผละใบหน้าออกจากไหล่เล็กแล้วเชยคางมันให้หันมามองหน้า ทันใดนั้นดวงตากลมก็เบิกกว้างเพราะเขาจู่โจมเข้ามาจุมพิตอย่างรวดเร็ว เล่นเอาหัวใจสั่นไหวไปทั้งดวง
“อื้อ” ริมฝีปากที่ประกบลงมาทำให้เธอตัวแข็งทื่อ เขาไม่ได้แช่ค้างเอาไว้กลับขบเม้มปากของเธอแล้วดูดดึงคล้ายกำลังจะกลืนกินจนเมษารู้สึกสั่นไปทั่วร่าง มือไม้เกะกะไปหมดไม่รู้ว่าควรจะวางไว้ตรงไหนดี ความรู้สึกท้วมทนจนไม่อาจเก็บไว้ได้ เผลอลูบแผ่นหลังกว้างแล้วบดเบียดตัวเข้าหา แสดงออกถึงความต้องการเช่นเดียวกัน
“เมษา...เมษา” เขาผละริมฝีปากออกแล้วเรียกเธอเสียงแผ่ว
“คะ” หญิงสาวขานรับเหมือนกำลังล่องลอย ดวงตากลมหวานเชื่อมสบกับดวงตาคมที่จ้องกลับเช่นเดียวกัน หัวใจเต้นแรงอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไรกับตน
“มากกว่าจูบได้ไหม” รู้ทันทีว่าเรื่องของเราจะจบลงที่ไหน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความต้องการไม่ต่างจากหล่อนเลยสักนิด
ความต้องการที่ตรงกันขับเคลื่อนให้หล่อนเลือกจะเงียบ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพราะเขินอายเกินกว่าจะตอบตกลงในทันที คีตภัทรเห็นเช่นนั้นก็ตัดสินใจอุ้มหล่อนด้วยท่าเจ้าหญิง เดินเข้าไปในห้องนอนใหญ่ของตัวเอง
“ไม่ตอบถือว่าตกลงแล้วกัน”
หลังจากนั้นห้องก็กลายเป็นสนามรบขนาดย่อม มีเสียงครวญครางดังไม่หยุดตั้งแต่เที่ยงคืนจนเกือบรุ่งสาง เล่นเอาคนตัวสูงนอนหอบหมดแรงโดยที่แขนก็เกี่ยวเอวบางมากอดเอาไว้ไม่ห่าง
เข้าสู่ห้วงนิทรากับฝันแสนหวาน...
