บท
ตั้งค่า

๒ แม่บ้านชั่วคราว (๓)

ไม่ทันได้สังเกตว่ามีคนสนิทอยู่ในลิฟต์ด้วย กระทั่งได้ยินชื่อตัวเองกับน้ำเสียงที่คุ้นเคย จึงสะดุ้งเงยหน้าจากเครื่องมือสื่อสาร

“เชี้ย! พี่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” เผลอสบถออกไปก่อนเม้มปากแน่นเพราะเห็นว่ามีบุคคลอื่นอยู่ด้วย นึกก่นด่าอีกฝ่ายที่เข้ามาไม่ให้สุ่มให้เสียงบ้างเลย

“ฉันเข้ามาก่อนนายอีก ไม่ดูสิ่งรอบข้างบ้างเลยหรือไง” กอดอกแล้วมองน้องกลับ ส่วนสูงที่ใกล้เคียงกันทำให้สามารถสบตาได้ถนัดโดยไม่ต้องก้ม เพราะพวกเขาเป็นคนร่างใหญ่ทั้งส่วนสูงยังเกือบถึงสองเมตร ซึ่งโดยปกติค่าเฉลี่ยความสูงของคนไทยไม่ได้มากขนาดนี้ การพูดคุยจึงค่อนข้างลำบากในบางครั้ง

เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอพี่ชายเท่าไหร่ ตั้งแต่อีกฝ่ายประกาศหมั้นหมายก็แทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ เห็นหน้าของกวินก็นึกหงุดหงิดแล้ว จึงเลือกไม่มองดีกว่าเพราะรู้ดีว่าพี่ชายก็ไม่ได้ทำอะไรผิด

การแต่งงานครั้งนี้ผ่านการพูดคุยของสองครอบครัว เพื่อผนึกกำลังสองครอบครัวให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม คำว่ารักไม่มีความหมายเหมือนผู้ใหญ่ต้องการแค่ผลประโยชน์เท่านั้น จึงไม่ได้ถามความสมัครของลูกๆ

เขารู้ดีว่าฝ่ายเจ้าบ่าวไม่เต็มใจ ต่างจากฝ่ายเจ้าสาวที่มีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

คิดถึงตรงนี้แล้วก็ปวดหนึบในใจ...

เพราะคนที่เป็นคู่หมั้นของพี่ชายเขา คือผู้หญิงที่เขารักหมดหัวใจนั่นเอง

“ใครจะไปเห็นล่ะ คนเต็มลิฟต์ขนาดนั้น แล้วพี่มีอะไรมาคุยกับผมทำไม” น้ำเสียงไม่ค่อยยินดีเมื่อได้เจอหน้าสักเท่าไหร่ แต่เหมือนกวินจะไม่สนใจเพราะมีธุระสำคัญจะคุยกับน้องพอดี ตอนแรกคิดจะเดินไปหาที่แผนกแต่เหมือนจะไม่จำเป็นแล้ว

เขารอให้พนักงานออกจากลิฟต์ไปจนหมด ห้องโดยสารจึงเหลือเพียงแค่สองคน ก่อนเอ่ยสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา

“อาทิตย์นี้ว่างหรือเปล่า อยากรบกวนหน่อย” วันอาทิตย์จะถือเป็นวันครอบครัวซึ่งส่วนมากก็ถูกบิดาลากไปรู้จักกับบรรดานักธุรกิจเพื่อสร้างคอนเนคชั่นในอนาคต เพราะอย่างไรเขาก็ต้องขึ้นตำแหน่งสูง ไม่สามารถเป็นเพียงหัวหน้าแผนกได้ตลอดไป

ถึงไม่อยากไปก็ต้องทำตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้นก็จะถูกบังคับให้ขึ้นนั่งเก้าอี้บริหารเร็วกว่าเดิม เขาเพียงแค่ต้องทนสองถึงสามชั่วโมงเพื่อเล่นกอล์ฟหรือทำกิจกรรมอื่นก่อนถูกปล่อยกลับบ้าน

“รบกวนเรื่อง?” เลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย มีไม่บ่อยที่พี่ชายจะเข้ามาขอความช่วยเหลือ

กวินเป็นคนสมบูรณ์แบบหมดทุกด้าน ไม่ว่าจะหน้าตาหล่อเหลา ความฉลาดเป็นที่ประจักษ์ มาดนิ่งดูผู้ดีต่างจากน้องชายสิ้นเชิง ทำทุกอย่างสำเร็จด้วยตัวเองตั้งแต่เด็ก ไม่ทำให้พ่อแม่ลำบากใจเหมือนเขา จึงไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะต้องมาขอร้องตัวเอง

“ไปลองชุดแต่งงานกับแยมให้หน่อยสิ ฉันไม่ว่างต้องไปดูงานที่หัวหิน พ่อบอกว่านายว่างเลยจะรบกวนหน่อย ยังไงนายก็เป็นเพื่อนของแยมน่าจะช่วยได้ดีกว่าฉัน อีกอย่างเราสองคนก็ตัวใกล้เคียงกัน” ได้ยินอย่างนั้นก็หันหน้าหนีทันที เอนกายพิงผนังลิฟต์ที่เลื่อนขึ้นชั้นบนแต่ก็ยังไม่ถึงชั้นของเขาสักที

ใบหน้าหล่อเหลาบูดบึ้งไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยินเช่นนั้น “ผมไม่สะดวก” ปฏิเสธทันทีโดยไม่ต้องคิด เรื่องอะไรต้องให้เขาไปทำแทนด้วยล่ะ เมื่อฝ่ายหญิงอยากแต่งงานกับกวินใจแทบขาด หากคนที่ไปลองชุดด้วยไม่ใช่เจ้าบ่าวตัวจริง หล่อนคงผิดหวังน่าดู

“ทำไม”

“ไม่ชอบเป็นตัวแทนใคร” ตอบเสียงเรียบเจือความน้อยใจ ไม่พูดอะไรอีกทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารยิ่งน่าอึดอัดมากกว่าเดิม ความรู้สึกของเขาไม่ใช่ความลับ ดูเหมือนว่าทุกคนในครอบครัวก็น่าจะทราบเป็นอย่างดี

ว่าคีตภัทรตกหลุมรักว่าที่พี่สะใภ้ของตัวเอง...

แต่ทุกคนก็ยังให้กวินแต่งงานกับเธอ ผู้หญิงที่เขาชอบมากว่าเก้าปี โดยที่ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ยังเป็นแค่เพื่อนกันเหมือนเดิม

เพราะเขารู้ดีว่าหญิงสาวชอบพี่ชายของตนมากเพียงใด

“ถ้างั้นแยมก็คงต้องไปคนเดียว เพราะฉันก็ไม่ว่างเหมือนกัน” กวินไม่คิดจะสนใจใยดีว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง เมื่อน้องชายไม่ตกลงก็คงให้หล่อนไปลองชุดคนเดียว ไม่คิดจะทิ้งงานเพื่อบริการผู้หญิงอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่ตัวเองไม่ได้รัก

“ทำไมพี่ทำแบบนี้วะ แยมเป็นคู่หมั้นของพี่นะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้พี่ทำให้คนที่จะแต่งงานด้วยไม่ได้เหรอ” นึกโมโหคนที่ยังทำหน้านิ่งไม่รู้สึกรู้สา ทั้งที่คนแอบรักอย่างเขาร้อนรุ่มเมื่อคิดว่าหล่อนจะต้องเสียใจมากแค่ไหน

ถึงเขาจะเจ็บที่เธอต้องแต่งงานกับคนอื่น แต่มันก็ไม่เจ็บเท่าเห็นคนที่มีค่าในใจเรา กลับไร้ค่าในสายตาของคนอื่น

ติ้ง

ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นทำงานของคีตภัทร แต่เขาก็ยังไม่ได้ออกไปไหน เลือกจะกดเปิดประตูค้างไว้แล้วจ้องหน้ากับพี่ชาย ความจริงพวกเขาไม่ได้เกลียดกันและตนก็เข้าใจทุกอย่างดีว่าความรักไม่อาจบังคับได้

การที่กวินไม่ชอบเพื่อนเขาไม่ใช่เรื่องผิด เพียงแค่ไม่ชอบที่อีกฝ่ายไม่เคยให้เกียรติคู่หมั้นเลยต่างหาก

“ถ้าเป็นคนที่ฉันรักฉันก็ทำให้ได้ทุกอย่าง แต่พอดีฉันไม่ได้รัก...เลยทำตามที่นายขอไม่ได้” คนพูดไม่ได้รู้สึกผิดสักนิด ยังคงยืนนิ่งสบตากับน้องชายที่ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ ยอมรับว่าอยากชกหน้าพี่ชายของตัวเองสักครั้งแต่ก็ยังเลือกระงับอารมณ์ ไม่อยากใช้ความรุนแรงจนเกิดเป็นเรื่องใหญ่

“วันอาทิตย์ก็ฝากด้วยแล้วกัน” ตบบ่าหนักเป็นการย้ำพร้อมผายมือให้น้องออกจากกล่องโดยสาร สุดท้ายเขาก็ต้องเดินออกมาพร้อมมองหน้าคนอายุมากกว่าตัวเองสามปีด้วยความหงุดหงิด ถ้าไม่ติดว่าเป็นพี่ชายคงได้แลกหมัดกันบ้างแล้ว

“ไอ้พี่บ้าเอ๊ย!” ยีศีรษะตัวเองระบายอารมณ์ ค่อยเดินเข้าไปในแผนกเพื่อทำงานในหน้าที่ คิดจะลืมเรื่องที่คุยกับกวินแต่คำขอร้องแกมบังคับก็ยังตามมาหลอกหลอน

ถ้าเขาไม่ไป...เธอก็ต้องร้องไห้คนเดียวใช่หรือเปล่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel