บทที่ 2-2
ด้านคนที่กำลังตกเป็นประเด็นเดินจ้ำอ้าวกลับมาที่บ้านท้ายไร่อ้อยด้วยความโกรธ แค้นที่ตัวเองกลับกลายเป็นเมียน้อยไปเสียได้ทั้งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน พ้อถึงความแสบและเลวเกินบรรยายของกวิน ร่างระหงเดินไปด่าไปตลอดทาง นึกอยากเจอหน้าคนลวงโลกเสียเดี๋ยวนี้
ทว่าระยะทางนั้นไม่ใช่ใกล้ๆ กว่าจะเดินถึงบ้านก็คงบ่ายคล้อย ระหว่างนั้นได้ยินเสียงรถเครื่องดังมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งตรงดิ่งมาจ่อพร้อมกับร่างเล็กยิ้มหวานให้
“คุณหวายใช่มั้ยคะ?” หญิงรายนั้นถามชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็พอจะดูออกว่าไม่ใช่คนไทยโดยกำเนิด
ร่างระหงพยักหน้ารับอย่างงงๆ รายนั้นถึงเรียกตนให้ขึ้นมาซ้อนท้ายก่อนจะแนะนำตัวเองว่าเป็นใครอยู่ที่ไหน
“มยะหนี่ชอบให้คนเรียกว่ามณีค่ะ ทุกคนที่นี่ก็เลยเรียกว่าแม่มณีหมดเลย แม้แต่คุณกวิน” รายนี้ดูเหมือนจะชอบใจ แต่พอได้ยินชื่อชายหนุ่มแล้วชมหวายก็เจ็บจี๊ดทันที
“ทำไมคุณหวายถึงไปอยู่ที่เรือนท้ายไร่ล่ะคะ?” คนขับถามอย่างใคร่รู้ รายนี้ไม่สนว่าคนซ้อนท้ายจะใช่ชมหวายตัวจริงหรือไม่ แต่ในเมื่อเจ้าตัวบอกว่าใช่ก็ยอมเชื่อ
“คุณหวาย? ทำไมเงียบไปล่ะคะ?” มยะหนี่ทัก ร่างระหงถึงสะดุ้งและปฏิเสธว่าไม่มีอะไร
ส่วนเรื่องที่กวินให้ตนไปอยู่เรือนท้ายไร่นั้นตนไม่ทราบ ชมหวายไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้เพราะยังอายสารรูปตัวเองไม่หาย เสียงหัวเราะของคนงานยังดังก้องอยู่ในหัว หิ่งห้อยไม่ผิดที่ทำให้เธอตาสว่าง คนต้นเหตุต่างหากที่จงใจจะหลอกลวงให้เธอหลวมตัวแต่งงานด้วย
มือเล็กกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ แต่แล้วก็สะดุดเมื่อล้อกลมๆ ของรถเครื่องคันนี้กระแทกเข้ากับก้อนดินจนกระเด้งเล็กน้อย แต่มยะหนี่ก็สามารถประคองมันเข้าที่ได้ด้วยความชำนาญ
“ว่าแต่มณีมาทำอะไรแถวนี้ล่ะจ๊ะ?” นึกอยากขอบใจที่รายนี้ไม่เซ้าซี้ถามอะไรเรื่องสถานภาพ เพราะนั่นคงจะทำให้ชมหวายรู้สึกเจ็บและอายเข้าไปอีก
“อ๋อ มณีจะเอาปิ่นโตไปให้ตาสง่าที่กระท่อมท้ายไร่ค่ะ ต้องเอาไปให้ทุกวันแหละ บางวันก็ต้องพ่วงยาไปด้วย แกไม่ค่อยสบาย แต่ปกติจะไปทางลัดผ่านคันนานะคะ แต่วันนี้ชาวบ้านวิดน้ำเข้านากันเลยต้องเลี่ยงมาทางนี้ ไม่อยากไปเกะกะเขา” คนช่างเจรจาตอบด้วยเสียงใสอารมณ์ดี
ชมหวายไม่รู้ว่าสง่าที่พูดถึงเป็นใคร แต่คิดว่าคงเป็นคนงานในไร่ที่มีอาวุโสมากแล้ว พลันทำให้นึกไปถึงยายอ่อนที่เธอคอยให้การดูแลและรับมาอยู่ที่บ้านพักคนงานในรีสอร์ต ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าเสน่ห์และทินกรหลานชายคงจะให้การดูแลเป็นอย่างดี
“เอ่อมณีจ๊ะ ตลาดหรือว่าร้านค้าในเมืองอยู่ไกลจากที่นี่มากมั้ย?” ที่ถามเพราะเป็นข้อมูลทางหนีทีไล่ แต่มยะหนี่บอกว่าไกลจากที่นี่พอสมควร แต่ทุกเช้าตรู่จะมีรถออกไปในเมือง ถ้าใครอยากได้อะไรก็มารอขึ้นรถไม่ก็ฝากซื้อเอา
“เหรอ? งั้นถ้าฉันจะฝากให้ไปทำธุระล่ะจะได้มั้ย?” หญิงสาวน้ำเสียงมีความหวังขึ้นทันที
“คุณหวายจะให้ไปทำธุระอะไรเหรอคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ามณีไปให้ก็ได้”
“จริงนะ?!” ชมหวายโพล่งเสียงดัง มยะหนี่พยักหน้าแต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจะต้องดีใจขนาดนั้น ปกติคนเป็นนายก็มักไหว้วานสาวใช้ให้ไปซื้อนู่นซื้อนี่ให้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะแปลก
ได้ยินที่สาวพม่าอาสาก็พอจะมีหวังขึ้นมาบ้าง ชมหวายไม่เซ้าซี้อะไรต่อนอกจากชำเลืองมองทางไปเรื่อยๆ ดูเหมือนใกล้จะถึงที่หมายแล้วเพราะจำเศษไม้ที่ปักทำสัญลักษณ์ไว้ได้ คนซ้อนท้ายบอกให้มยะหนี่จอดรถก่อนจะถอดแหวนทองกลมเกลี้ยงที่ติดตัวมาออกจากนิ้ว ความจริงไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะมันเป็นแหวนที่มารดาให้เธอไว้ แต่หญิงสาวจำเป็นเพราะเธอต้องการเอาเงินมาใช้จ่ายและซื้อของใช้บางอย่าง
“ช่วยเอาแหวนนี้ไปขายในเมืองให้ทีได้มั้ยจ๊ะ?”
“หา?!” มยะหนี่ทำหน้าแปลกใจ แต่ชมหวายจนปัญญาจริงๆ ที่จะหาเงินมาได้
คนขัดสนขอร้องสาวใช้ให้ช่วยเอาแหวนไปขายให้ที ยังไงก็ได้ให้ได้เป็นเงินมา ซึ่งรายนี้ก็แปลกใจว่าชมหวายอยากได้อะไรทำไมไม่บอกกวินไปตรงๆ ถ้ารายนั้นรู้ว่าภรรยาลงทุนถอดแหวนไปขายคงจะแปลกใจน่าดู
“ฉันรู้นะมณีว่ามันดูน่าสงสัย แต่ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย ฉันจำเป็นจริงๆ แล้วก็อย่าบอกคุณกวินเด็ดขาดนะ” ชมหวายรู้สึกสมเพชตัวเองไม่น้อยแต่ก็ต้องทำ
สาวใช้ทำหน้าอึ้งๆ ตอนที่รับแหวนวงดังกล่าวไปจากมือ นอกจากนี้ชมหวายยังรบกวนให้ตนนำเงินที่ได้มาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าที่จำเป็นให้ด้วย
“ยังมีเมล็ดพันธ์แล้วก็อะไรอีกหลายอย่างเลย ไว้ถึงบ้านแล้วแวะแป๊บนึงนะจ๊ะ ฉันจะเขียนรายการให้” คนเป็นนายกล่าวก่อนจะบอกคนข้างหน้าให้ขับต่อไป แต่พอถึงบ้านปรากฏว่ารถของกวินจอดอยู่ที่ลานก่อนแล้ว
ชมหวายเริ่มหน้าเสีย ไม่อยากให้มยะหนี่มารับรู้เรื่องนี้จึงบอกปัดว่าให้แวะมาใหม่พรุ่งนี้ เธอจะเขียนรายการทิ้งไว้ให้
“ขอบใจมณีมากนะจ๊ะ เลยไปทำธุระต่อเถอะ” ชมหวายพยักหน้ายิ้มจางๆ มองปราดเข้าไปในบ้านด้วยสายตาเอาเรื่อง ในที่สุดคนต้นเหตุก็โผล่หน้ามาเสียที
“ไปไหนมา?!” กวินถามเสียงดุและท่าทางไม่พอใจ
ชมหวายไม่พูดแต่เดินดิ่งเข้าไปแล้วตบหน้าเขาฉาดเบ้อเร่อ
เพี้ยะ!!
“นี่สำหรับการที่คุณหลอกลวงฉันและครอบครัว” เจ้าของมือเล็กมองตากร้าว คนถูกตบถึงหันขวับแทบจะทันที นิ้วหนักกดตรงบริเวณที่ถูกปะทะอย่างรุนแรง กระชากคนร่างระหงเข้ามาใกล้
“เป็นบ้าอะไร?!” กวินตะคอกตาขวางด้วยความโกรธ จู่ๆ หญิงสาวก็ปรี่เข้ามาตบหน้าอย่างไร้เหตุผล ทั้งที่เขาควรจะเอาเรื่องเธอด้วยซ้ำที่หนีออกไปข้างนอกโดยพละการ
“คนเลว! คุณมีลูกมีเมียอยู่แล้วมาหลอกฉันทำไม?...ห๊า! มาหลอกกันทำไม?!” เสียงแหวดังลั่นด้วยความโกรธ กวินถึงเม้มปากแน่นอย่างไม่พอใจ
“นี่คุณไปเจอมุกกับลูกมาแล้วเหรอ?...ใครใช้ให้ออกไปเพ่นพ่าน กลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเป็นเมียผม?”
“ใช่! ไม่งั้นฉันจะรู้เหรอว่าคุณมันเลวแค่ไหน แต่เสียดายที่ฉันไม่ได้เจอลูกกับเมียคุณ ไม่งั้นฉันจะบอกพวกเขาถึงวีรกรรมชั่วๆ ที่คุณทำ!” สายตากร้าวมองอย่างไม่ละ
กวินถอนใจหนักด้วยความโกรธ คว้าแขนคนปากกล้าไว้มั่น
“มันจะมากไปแล้วนะชมหวาย!”
“น้อยไปด้วยซ้ำ! แค่นี้มันยังไม่ได้ครึ่งที่คุณทำไว้กับฉันเลย คนชั่วๆ อย่างคุณมันควรจะต้องเจอมากกว่านี้” เธอตราหน้า
กวินถึงหน้าแดงด้วยความโกรธ ขู่ว่าถ้ายังขืนออกไปเพ่นพ่านอีกจะจับเธอล่ามโซ่ไว้กับเก้าอี้
“ฉันไม่ใช่สัตว์! คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับฉันแบบนี้!” ชมหวายขึ้นเสียง กวินอ้างสิทธิ์ในความเป็นสามี อีกทั้งท้าให้เอาทะเบียนสมรสมากางเพื่อยืนยัน
“คุณจดทะเบียนซ้อน ระหว่างเราถือเป็นโมฆะ” ชมหวายค้าน
“ผมไม่เคยจดทะเบียนสมรสกับใครนอกจากคุณ!” เขาย้ำ ท้าให้ชมหวายไปอ้างสิทธิ์และตรวจสอบเอาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนกลางได้ทุกเมื่อ
“ฉันจะประจานคุณให้คนทั้งไร่รับรู้ถึงพฤติกรรมเลวๆ นี่”
“ก็ลองดู ถ้าวันไหนหนีไปไม่พ้นจากป่าอ้อยเพราะถูกลากไปข่มขืนอย่าหาว่าไม่เตือน” เขาขบกรามแน่น หาว่าหญิงสาวอดอยากถึงขนาดต้องออกไปเดินล่อพวกคนงานกลัดมันถึงที่
เพี้ยะ!
“ต่ำ! อย่ามาคิดอะไรต่ำๆ กับฉัน ถ้าคนงานคุณมันจะชั่วก็เพราะมีนายจ้างชั่วๆ แบบคุณนั่นแหละ”
“ชมหวาย!!” เขากัดฟันอย่างเดือดดาล กระชากคนร่างแบบบางไปกลางห้องโถง
คนถูกจับกุมขัดขืนและสะบัดตัวออกด้วยความรุนแรง เข่าที่เป็นแผลกระแทกกับเก้าอี้จนเจ็บซ้ำอีก คนเป็นสามีไม่เหลือความปรานีเลยสักนิด
“โอ๊ย!” ชมหวายเจ็บจนร้องตอนถูกเขาบีบด้วยฝ่ามือหนัก ประกาศว่าเธอจะหย่ากับเขาให้เร็วที่สุด
“ก็เอาสิ! ถ้าคุณหย่ากับผมก่อนหนึ่งปีผมจะได้ที่ดินของคุณทันที ก็ดี ไม่ต้องเหนื่อย” เขาอ้างข้อสัญญาที่ทำร่วมกัน ซ้ำยังเสริมอีกว่าเวลานี้ตนเป็นคนดูแลกิจการของชมธารารีสอร์ต อำนาจทุกอย่างอยู่ในมือเขา เขาจะยึดเอามาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้
“เจตนาจะโกงตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ แต่อย่าหวังเลย ฉันไม่ให้คุณสมหวังง่ายๆ หรอก” ชมหวายเสียงหนัก พูดต่อหน้าเลยว่าเธอจะไม่ยอมให้รีสอร์ตตกเป็นของกวินเด็ดขาด
“อวดดี! หายเศร้าเรื่องแฟนเก่าแล้วสิถึงได้ปากเก่งนัก นี่ผมคงปรานีคุณมากเกินไปสินะ” เขาจับจ้องกับคนที่ไม่แม้แต่จะอยากมองหน้า
“ถ้าการกระทำป่าเถื่อนของคุณมันเรียกว่าปรานี งั้นการแก้แค้นบ้าบออะไรนี่ก็ถือเป็นความเมตตาสินะ” ชมหวายย้อน กวินถึงพลั้งมือบีบคอระหงอย่างแรง
ชมหวายทั้งตกใจและทั้งกลัว แต่สีหน้าไม่แสดงออกถึงความหวาดหวั่น มือเล็กพยายามเลาะนิ้วแน่นของเขาออก เหลือเชื่อว่าเธอจะหลงผิดยอมรับซาตานนี่มาเป็นสามี พอเห็นชมหวายดิ้นทุรนทุรายกวินถึงได้ยอมคลายมือออก
“ถ้าคุณยังไม่เลิกพยศผมจะฆ่าคุณทิ้งซะ”
“ก็เอาเลยสิ ฆ่าฉันให้ตายต่อหน้าอัฐิของพ่อคุณเลย ความแค้นมันจะได้จบๆ ไปสักที ทีนี้จะได้ถึงทีฉันแก้แค้นคุณบ้างล่ะ ต่อให้เป็นผีฉันก็จะไม่ยอมรามือ...เอาสิ ฆ่าฉันเลย!” ชมหวายท้าด้วยแววตาแข็งกร้าว
กวินถึงกำมือแน่นและทุบไปที่โต๊ะไม้สัก เสียงดังปังใหญ่จนคิดว่ากระจกหนาที่วางทับอยู่คงจะแตกแน่แล้ว
“ไม่! ตายง่ายๆ มันจะไปสนุกอะไร คุณยังต้องทรมานมากกว่านี้ชมหวาย ทั้งคุณและพ่อของคุณจะต้องเจ็บปวดมากกว่านี้ อีกนาน นับเดือนนับปี” แววตาเย็นเยือกอย่างกับน้ำแข็งบนยอดเขา ทว่าอุณหภูมิความโกรธเกรี้ยวทวีสูงกว่าจุดเดือด ภายใต้ความอบอ้าวภายในห้องเริ่มสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อผุดพรายตามใบหน้าคมเข้ม
“คุณมันชั่วชาติจริงๆ คุณกวิน”
เขาเบื่อจะฟังคำสรรเสริญถึงความเลวจากปากเธออีกเป็นครั้งที่ร้อย มือใหญ่เอื้อมมาปิดปากร้ายๆ ของคนที่ชื่อว่าเป็นภรรยาเสียให้รู้แล้วรู้รอด
รายนี้พยายามจะกัดมือจนถูกคนร่างใหญ่ผลักเสียกระเด็นไปกองกับพื้น น้ำตาเริ่มซึมเพราะความเจ็บจากการถูกกระแทก เขาไม่เคยคำนึงถึงเลยว่าแรงเหวี่ยงจากพละกำลังของเขาจะทำให้กระดูกเธอแตกหักเอาได้ง่ายๆ
“ดูท่าผมจะใจดีกับคุณมากเกินไปจริงๆ ผมจะตัดน้ำตัดไฟที่บ้านหลังนี้ให้หมด ดูสิว่าจะอยู่ยังไง...อ้อ! แล้วถ้าคิดจะหนีก็ขอให้โชคดีแล้วกัน อย่าให้พบว่าเป็นศพตายอืดอยู่ในป่าล่ะ” เขาเอ่ยเสียงเย็นเยียบ
ชมหวายสุดจะทนลุกขึ้นไปทุบตีเขาด้วยความโกรธแค้น เธอผิดอะไรถึงต้องทำกันขนาดนี้
“ฉันจะฆ่าคุณให้ตาย!”
“ก็เอาสิ! ใครมันจะตายก่อนกัน” เขาย้อนพร้อมกับยั้งมือที่กำลังฟาดลงมาอย่างแรง เสียงหอบของคนร่างบางเริ่มดังจนได้ยินชัด แขนแกร่งสะบัดมือเธอออกก่อนจะรวบตัวและกดให้นอนแนบกับพื้นกระด้าง
“อย่าลองดีกับผมชมหวาย คุณไม่มีทางสู้แรงผมได้หรอก” เขาย้ำ แววตาคมสีดั่งรัตติกาลฉายจรดนิ่ง
ร่างที่อยู่ใต้อาณัติพยายามดิ้นสู้แต่ไม่ไหว ตอนเขากดข้อมือเธอไว้ก็แทบจะหมดแรงยื้อ
“ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้คนอย่างคุณ” นี่ถือเป็นคำประกาศกร้าว เสียงหอบหายใจถี่รัวอย่างเคืองขุ่น
กวินขยักยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ ความหยิ่งทะนงของเธอเสมือนความท้าทายที่เขาจะต้องปราบลงให้ราบคาบ ความกระด้างกระเดื่องที่สักวันเขาจะต้องสยบเธอให้จงได้
“แค่ผมลงมือคุณก็ไม่มีทางสู้แล้ว” พูดจบก็ก้มหน้าต่ำลงมาใกล้ ชมหวายเบิกตากว้างด้วยความระแวง เบนหนีก่อนจะดิ้นขลุกขลักภายใต้เรือนกายหนาหนั่นที่คร่อมทับ
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
“ฮึ่! กลัวว่าผมจะปล้ำคุณงั้นเหรอ? ผมไม่ได้หื่นขนาดนั้นหรอก วิธีแก้แค้นแบบนั้นมันมีแค่เฉพาะในละครเท่านั้นแหละ อีกอย่าง คุณมันก็ไม่ได้น่าพิศวาสขนาดนั้นด้วย” เขาดูถูก ชมหวายถึงขบริมฝีปากบางแน่น
จังหวะที่เขาคลายมือออก หญิงสาวก็เสยหมัดเข้าที่ปลายคางทื่อ เฉียดแก้มคนที่ไม่ทันระวังไปเต็มแรง
“หนอย!” กวินโมโหจับคอระหงรวบและเขย่าแรงๆ ศีรษะทุยสวยได้รูปพลาดกระแทกพื้นไม้เสียงดังจนได้ยินเสียงหลุดร้องของฝ่ายหญิงด้วยความเจ็บ
“ถ้าขืนยังกล้าหือแบบนี้อีกได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เขาถือโอกาสเตือนก่อนยกตัวออกจากคนแบบบาง
เวลานี้หญิงสาวแทบจะระบมไปทั้งตัว หากนี่ถือเป็นการตักเตือนเธอยังรู้สึกว่ามันหนักหน่วง ถ้าวันไหนเขาเกิดนึกอยากจะลงโทษหรือหวังฆ่าแกงเธอขึ้นมาคงต้องตายอย่างทรมานแน่
กวินอยู่เฝ้านักโทษของเขาจนกระทั่งค่ำ รายนั้นไม่ยอมเจรจาอะไรด้วยได้แต่นั่งหน้าคว่ำ ยกขางอขึ้นไว้บนเก้าอี้ไม้สักและกอดเข่าอย่างหมดสภาพ เหม่อมองออกไปในป่าอย่างไร้จุดหมาย มีแต่เสียงชายหนุ่มเจรจาเรื่องงานผ่านโทรศัพท์ลอยแว่วออกมาเป็นระยะ หญิงสาวอยากให้เขากลับไปและออกไปให้พ้นจากสายตาเธอสักที
“พรุ่งนี้ผมจะให้คนเอากรอบรูปมาเปลี่ยนให้คุณพ่อ” เขาพูดก่อนมองไปที่รูปของทวีซึ่งชมหวายยังวางไว้บนเก้าอี้ตัวเดิม ดูเขาไม่โกรธที่เห็นกรอบรูปของบิดากระเด็นลงมาตั้งอยู่ข้างล่าง ไม่ถามสาเหตุหรือที่มาที่ไปแม้สักคำ
“เดี๋ยว! คุณเอากรอบรูปของธาราไปไว้ที่ไหน ฉันขอของๆ ฉันคืน” ชมหวายทวงก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านไป คนเป็นสามีเพียงผินหน้ามาเล็กน้อยก่อนตอบคำถาม
“เสียใจด้วย ผมขว้างมันทิ้งไปแล้ว” เสียงเรียบไม่ได้สะทกสะท้านอะไร ทว่าหัวใจคนฟังแทบสลายเมื่อได้ยิน
“คุณ! คนใจหิน!” เธอโกรธที่เขาทำแบบนั้น ทว่ากวินไม่สน เขายังมุ่งเดินต่อไปยังปากประตู ก่อนจะหันมาทิ้งท้ายกับภรรยาสาวคนสวยที่ดูโทรมจนไม่มีสง่าราศี
“คืนนี้จะเปิดไฟผลาญเงินไว้ทั้งคืนอีกก็ได้นะ เพราะตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคุณจะไม่มีโอกาสได้ใช้มัน” เขาสำทับ พูดจบก็หันหลังกลับไป
ชมหวายถึงปรี่ตามเขาไปติดๆ แต่แทนที่จะหยุดตรงหน้าหญิงสาวกลับแย่งกุญแจรถในมือแล้วเขวี้ยงทิ้งไปในพงหญ้าที่มืดสนิททันที
“เฮ้ย!!” กวินถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ เธอกล้าดียังไงถึงทำกับเขาแบบนี้
“โทษฐานที่คุณเขวี้ยงกรอบรูปของธาราทิ้ง!” พูดจบก็วิ่งไปที่กระถางต้นไม้แล้วหยิบพลั่วขนาดพอมือขึ้นมา เธอตรงดิ่งไปฟาดเข้าที่หน้ากระจกรถของกวินอย่างแรง เสียงดังเปรี๊ยะก่อนที่รอยบุบจะร้าวกระจายวงกว้าง ท่ามกลางความตกตะลึงของกวิน ชมหวายยังกระหน่ำซ้ำอีกหลายรอบจนพื้นผิวดังกล่าวแตกร่นเป็นเม็ดฝนและร่วงมา
“ยัยบ้าเอ๊ย!!” เขาเหลือจะทนกับความบ้าบิ่นของภรรยาตัวแสบ รีบปรี่เข้ามาคว้าด้ามพลั่วออกจากมือแล้วเหวี่ยงทิ้งไปห่างๆ
“โทษฐานที่คุณทรมานฉันต่างๆ นานา นอนตากยุงอยู่ข้างนอกนี่ก็แล้วกัน” พูดจบก็วิ่งไปที่ประตูและปิดล็อกขังกวินไว้ข้างนอก ทีนี้คนถูกเอาคืนเดือดพล่านเป็นน้ำร้อนในหม้อต้ม ทั้งทุบทั้งผลักบานกระจกจนราวกับว่าจะพังประตูทั้งบาน
ชมหวายไล่ล็อกหน้าต่างทุกบานและเอาม่านลงจนหมด ให้เขาได้รู้สึกเสียบ้างว่าเธอก็มีเลือดเนื้อเจ็บปวดเป็นเหมือนกัน
“อย่าให้ฉันเจอเธอนะชมหวาย! เธอตายแน่!” กวินขู่อาฆาตเสียงดังลั่น
ท่ามกลางความวังเวงของรัตติกาล ชมหวายไล่ปิดไฟด้านนอกทั้งหมดให้มืดสนิท เสียงกวินตะโกนเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียวด้านนอก เดาว่ารายนั้นคงจะเจ็บแค้นเธอหน้าดูถึงได้คาดโทษต่างๆ นานา จากสรรพนามที่เคยเรียก ‘คุณ’ อย่างสุภาพเริ่มเปลี่ยนไปเป็น ‘ยัย’ เป็น ‘นัง’ ตามอารมณ์ที่ขุ่นเคือง
“สมน้ำหน้า ให้ยุงดูดเอาเลือดชั่วๆ ออกซะให้หมด” ชมหวายเอามือปิดหูไม่สนใจ
ทว่าตอนหันมาเจอรูปภาพของทวีที่วางอยู่ หญิงสาวยกมือไหว้ขอขมาที่ทำกับบุตรชายสุดที่รักของเขาถึงเพียงนี้ แต่ถ้าฝ่ายนั้นไม่เริ่มก่อนเธอก็คงไม่จำเป็นจะต้องใจไม้ไส้ระกำหรอก
