เพลิงแค้น แสนพยศ

207.0K · จบแล้ว
สวาตี/ย่าหรัน
54
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขาลงทุนแต่งงานกับเธอก็เพื่อแก้แค้น... โทษฐานที่ชมหวายเป็นบุตรสาวคนทรยศ เธอจึงต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ครอบครัวเธอทำไว้ นอกจากจะเอาคืนคนชั่วแล้ว เขายังได้เอาชนะความอวดดีของเธอด้วย ความเจ็บปวดที่ชายหนุ่มเคยสูญเสีย เธอจะต้องสูญเสียยิ่งกว่าเป็นหลายเท่า หิรัณยรัศมิ์จะต้องย่อยยับด้วยน้ำมือของนายกวินคนนี้เท่านั้น ...เพราะการแต่งงานไม่ใช่การสิ้นสุด แต่มันคือจุดเริ่มต้น! เมื่อเธอทะนงในศักดิ์ศรีก็จะได้รับแต่ความอับอายและอดสู ความหยิ่งพยศของเธอทำอะไรเขาไม่ได้ อีกทั้งความจองหองอวดดีมันมีแต่จะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาน กวิน...ชายที่ไม่เคยคำนึงถึงผิดชอบชั่วดี เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้เธอเจ็บปวดแสนสาหัส การยืนดูหายนะของครอบครัวเธอเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เขามีความสุข แต่สำหรับชมหวาย เขาจะไม่มีวันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอได้ เธอจะขัดขวางเขาทุกวิถีทาง และคอยวันที่คนป่าเถื่อนเช่นเขาจะตกนรกหมกไหม้เพราะความแค้นในใจของตัวเอง “ฉันจะรอดูวันที่คุณพินาศย่อยยับ” “ผมก็จะลากคุณลงนรกไปด้วยกัน ถ้าอดุลย์อดิศัยหรือธนวรรธน์ต้องย่อยยับ หิรัณยรัศมิ์ก็อย่าหวังจะสงบสุข!”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักคนธรรมดาแต่งงานสายฟ้าแลบแก้แค้นแต่งงานก่อนรักดราม่า18+

บทนำ

“ยอมรับความจริงเถอะค่ะ เรื่องของเรามันจบแล้ว...”

ใบหน้าสวยอาบไล้ด้วยน้ำตาเอ่อสองข้างแก้ม สะอื้นไห้เบาๆ กับความทรมานที่ปริ่มอยู่ในใจ

“คุณจะลืมผมมั้ย?” สิ่งสุดท้ายที่ชายหนุ่มอยากจะถาม นัยน์ตาเศร้าหมองเจือไว้ซึ่งความจาบัลย์

ร่างระหงมองหน้าเขาเหมือนจะจดจำแววตาคู่นั้นไว้ตราบนานเท่านาน

ธาราคือทุกสิ่งทุกอย่างของชมหวาย เขารักเธอมากแค่ไหนเธอย่อมรู้ อีกทั้งเธอก็รักเขาท่วมท้นเช่นเดียวกัน หากแต่มันเป็นความรักที่ผิดพลาดระหว่างคนสองคน

มันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าเธอกับเขาไม่เคยพบกัน ต่างคนต่างไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตของอีกฝ่าย ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะยังคงเดิม ทว่าโชคชะตาเล่นตลกทำให้ชายหนุ่มต้องเข้ามาเกี่ยวพันในชีวิตของชมหวาย และมันคงจะจบลงด้วยความสวยหรู หากว่าฝ่ายชายไม่ได้มีคู่รักอยู่ก่อนแล้ว

“คุณจะอยู่ในใจหวายเสมอค่ะ คุณจะเป็นธาราของหวายตลอดไป” เธอยิ้ม นัยน์ตาที่จับจ้องมันย้ำให้เจ็บปวดลึกลงไป ฝืนน้ำตาไม่ให้ไหลแต่มันยิ่งทำให้เธอทรมาน

“ขอบคุณครับ ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ผมดีใจที่ได้รักคุณ และไม่ว่าวันข้างหน้าผมจะเป็นใคร ขอให้รู้ไว้อย่างหนึ่งว่าผมจะเป็นธาราของคุณเสมอ...” เขาย้ำ

ชมหวายสวมกอดร่างนั้นไว้แน่นอีกครั้ง แม้เขากระชับอ้อมกอดให้เธออบอุ่นหัวใจมากเท่าไหร่ ทว่าในความเป็นจริงก็ไม่สามารถที่จะรั้งเขาไว้ได้ตลอดกาล เช่นเดียวกัน แม้ชายหนุ่มอยากจะโอบประคองเธอไว้นานแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลา เขาและเธอก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี

สุดท้ายแล้วคนสองคนก็ต้องผันเดินกันไปคนละเส้นทาง เมื่อความรักไม่อาจครอบครองได้ทุกฝ่าย ฉะนั้นแล้วย่อมต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่เสียสละ

สำหรับชมหวาย ธาราคือผู้จัดการหนุ่มหล่อที่เข้ามากุมหัวใจเธอไว้ทุกซอกอณู เขาไม่เคยเลือนหายและมีตัวตนอยู่ในหัวใจเธอเสมอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนก็ตาม...

ใบหน้าสวยหมดจดที่ต้องแสงมลังเมลืองจากตะเกียงน้ำมันเริ่มขยับเมื่อคงสติสัมปชัญญะ แพขนตางอนงามพะเยิบไหวสะท้อนกับแสงเงายามค่ำคืน ร่างระหงนอนเหยียดกายอันบอบบางอยู่บนพื้นไม้อุ่นกระด้าง เริ่มรู้สึกถึงความวิบวับของเปลวไฟที่สะท้อนทางหางตาจึงเผยอตาเรียวงามมองขึ้นบน

“ธารา...” เป็นสำนึกที่ก้องอยู่ในจิตใจ

ชมหวายไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ด้านบนมองไปก็มืดหม่นเห็นแต่เงาลางๆ ของขื่อไม้ดำทะมึน เรือนกายที่บอบช้ำพลิกตะแคงขดงออยู่กับพื้น

ประหนึ่งร่างกายไม่ได้พักผ่อนมาหลายวันจนเรี่ยวแรงแทบจะไม่มีพยุงตัว แทนคำถามใดๆ คนร่างระหงค่อยๆ ใช้แขนเรียวยันตัวขึ้นนั่ง ช้อนสายตาคู่งามขึ้นเหนือผนังก็เห็นรูปภาพบานใหญ่ของชายวัยกลางคน ดวงตาจับจ้องมาที่เธออย่างเพ่งเล็ง

“กรี๊ด!!” เสียงร้องลั่นด้วยความตกใจ บนหิ้งนั้นยังมีโกฐอัฐิสีทองอร่ามตั้งอยู่ด้วย

คนขวัญหายกระถดกายถอยออกมาด้วยความหวาดหวั่น นี่เธอกำลังอยู่ที่ไหนกันแน่ รอบกายเงียบกริบไร้ซึ่งสรรพเสียงหรือความเคลื่อนไหว มีเพียงแสงสว่างจากตะเกียงดวงน้อยที่ฉาบสลัวไปในบริเวณ

ไม่ว่าเจ้าของรูปดังกล่าวจะเป็นใครก็ตาม เขากำลังทำให้เธอกลัวจับจิตจับใจ

ชมหวายขยับถอย กระทั่งรู้สึกว่ามือนุ่มไปสัมผัสโดนผิวหยาบเข้าเต็มๆ หญิงสาวร้องลั่นและผงะตัวหนีสุดชีวิต กระทั่งสัมผัสได้ว่ามีมือใหญ่คว้าแขนเธอเอาไว้แน่น

“ปล่อยนะ! ฉันกลัวแล้ว!” เสียงเครือทั้งน้ำตาเอ่อ ไร้ซึ่งคำพูดนอกจากแรงดึงที่หนักหน่วง ชมหวายส่ายหน้าเร่า ก้มงุดไม่กล้าเงยหน้ามอง รู้สึกได้ถึงแรงกระตุกที่ท่อนแขนข้างนั้น ร่างแบบบางแทบจะลอยไปติดเก้าอี้เพียงแค่ถูกดึงลากเข้าไปใกล้

“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัวแล้ว!” เสียงสะอื้นระคนสั่นไหว เห็นแต่ชายกางเกงยีนและท่อนขาของบุรุษ

หญิงสาวตัดสินใจปรายตามองไล่ขึ้นไปกระทั่งถึงใบหน้าคมเข้มใต้เงาสลัว ท่ามกลางหัวใจที่ตื่นตระหนกไปด้วยความหวาดกลัว

“คุณกวิน!” เสียงโพล่งดังขึ้นอย่างตกใจ ชมหวายผละออกจากแรงบังคับของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี

เขาจ้องมองเธอด้วยแววตาอาฆาต โดยปราศจากถ้อยคำปราศรัยใดๆ มือแกร่งยังบีบแน่นและเอื้อมมาดึงเธอไว้ด้วยแขนอีกข้าง

“ปล่อย!” พอรู้ว่าเป็นเขาเธอจึงออกแรงขัดขืน ความกลัวเริ่มหายไปถ้าเทียบกับความโกรธแค้นชิงชังคนตรงหน้า

ชายหนุ่มร้ายกาจเกินกว่าจะให้อภัย เขาหลอกลวงทุกคนแม้กระทั่งเธอ กวินทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจของชรินผู้เป็นบิดา ด้วยการเสแสร้งแกล้งแสดงละครตบตา

“คนเลว!” ถ้อยคำปรามาสของภรรยาก้องอยู่เต็มสองหู

ร่างสูงถึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้สักและลากตัวชมหวายไปกับพื้น ไม่สนแม้อีกฝ่ายจะต่อต้านและดิ้นรนให้พ้นการจับกุม เขากระชากกึ่งเหวี่ยงร่างบอบบางของเธอไปกองไว้ต่อหน้าหิ้งอัฐิของผู้เป็นพ่อ

“ดูซะ! รูปภาพและเถ้ากระดูกเพื่อนรักของพ่อคุณไงล่ะ พ่อที่แสนดีของคุณ” น้ำเสียงเย็นเหยียบเค้นออกมาจากปากหยักของชายหนุ่มผู้มีใจอาฆาต กวินก้มต่ำมองดวงตาเบิกกว้างของผู้เป็นภรรยาอย่างสาแก่ใจ

“คุณอาทวี” ชมหวายเปรยขึ้นเบาๆ ถึงตอนนี้รู้แล้วว่าบุคคลในภาพคือใคร

ทวีคือเพื่อนรักของชรินบิดาเธอ ซึ่งเวลานี้ชรินตั้งใจจะออกบวชและหันหน้าเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ ปวารณาตนมุ่งรับใช้พระพุทธศาสนา ส่วนหนึ่งก็เพื่อแผ่เมตตาและอานิสงค์ให้กับทวีผู้ล่วงลับ

แววตาแดงก่ำของหญิงสาวช้อนมองคนร่างสูง เธอจำอะไรไม่ได้เลยหลังจากที่จับได้ว่ากวินโกหกทุกคน ความจริงถูกเปิดเผยในคืนวันส่งตัวเข้าหอ ชมหวายแทบช็อกเมื่อรู้ว่าเจตนาที่แท้จริงของชายหนุ่มคือเพื่อแก้แค้น เขาทำทุกอย่างเพื่อให้คนในครอบครัวหิรัณยรัศมิ์ไว้วางใจ กระทั่งวางแผนหลอกล่อให้เธอยอมแต่งงานด้วย สุดท้ายธาตุแท้ของคนใจทมิฬก็แย้มพราย เขามัดเธอไว้และขังให้อยู่ในแต่ห้องนอน กระทั่งวันรุ่งขึ้นกวินก็วางยานอนหลับชมหวาย กระทั่งหญิงสาวมารู้สึกตัวอีกครั้งที่นี่

“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม?” น้ำเสียงเคลือบแค้นอยู่ในที

“ก็พามากราบพ่อสามีไง คนที่ถูกพ่อคุณหักหลังและวางแผนฆ่าอย่างแนบเนียน...ลูกคนทรยศ!” เขากดเสียงต่ำด้วยความโกรธ คนได้ฟังเย็นวาบถึงสันหลังอย่างทันทีทันใด

“ไม่จริง!”

“จริง!” กวินข่มตาดุ เขาพาเธอมาเพื่อแก้แค้นและชดใช้ความผิดที่ชรินก่อไว้

ก่อนหน้าเขาต้องทนฝืนใจแค่ไหนที่ต้องแสร้งทำดีและให้ความช่วยเหลือครอบครัวหิรัณยรัศมิ์ เขาต้องอดทนอดกลั้นแค่ไหนที่จะกักเก็บความโกรธแค้นไว้กระทั่งวันนี้

“รึคุณอยากให้ผมไปไล่เบี้ยกับพ่อคุณ?” แววตากร้าวระคนเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

“อย่านะ!” ชมหวายรีบออกปาก เธอยอมแม้เขาจะเข่นฆ่าให้ตายคามือ แต่นั่นต้องไม่ใช่การแตะต้องคนในครอบครัว ซึ่งนี่เองที่ทำให้กวินสะใจ ชรินรักบุตรสาวคนเดียวของเขามาก การใช้ชมหวายเป็นเครื่องมือจะทำให้รายนั้นเจ็บยิ่งกว่าตายทั้งเป็น

“ป่านนี้พ่อคุณคงบวชเป็นพระไปเรียบร้อยแล้วมั้ง ฮึ่! อันที่จริงพ่อคุณนี่ฉลาดนะ หนีไปบวชเอาตัวรอด คิดเหรอว่าจะชดเชยความผิดที่ทำได้” มุมปากหยักยิ้มอย่างจะเย้ย กวินเสริมอีกด้วยว่าถึงชรินจะบวชตลอดชีวิตก็ไม่ช่วยลบล้างผลกรรมที่ทำมา

“คนใจบาป! ขนาดพระสงฆ์องค์เจ้าก็ไม่เว้น พาฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” ร่างระหงพยายามเหยียดตัวขึ้นนั่งแต่ถูกกวินผลักให้ล้มลงไปกองอย่างเก่า

ดูเขาไม่มีความปรานีกับภรรยาอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเจ็บสิดี เจ็บให้สาแก่ใจกับความเจ็บปวดที่เขาเคยได้รับ

“ใช่ผมมันเลว และยังจะเลวได้มากกว่านี้กับผู้หญิงอวดดีอย่างคุณ ผมจะไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น คุณต้องอยู่ที่นี่เพื่อรับกรรมในสิ่งที่พ่อคุณก่อไว้...อันที่จริงพ่อคุณควรจะได้รับรู้ถึงวิธีการที่ผมจะทำกับคุณ”

“ไม่นะ! อย่าทำอะไรอย่างนั้น” ชมหวายแหงนหน้ามองเขาด้วยความเคียดแค้น เธอจะไม่ยอมให้กวินแตะต้องบิดาเธอเด็ดขาด เธอเองที่ต่อต้านพฤติกรรมเขามาตลอด ถึงวันนี้ก็จะไม่หยุดที่จะขัดขวาง แม้ตัวเองจะต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ตาม

“ฮึ่! มีแรงผยองแล้วเหรอ เมื่อวันก่อนยังเห็นทำจะเป็นจะตาย” เขาปรามาส

ชมหวายมองหน้าคมสันอย่างเอาเรื่อง น้ำตาที่ปรี่ไหลมันสั่งสมและคั่งไปด้วยความโกรธเคือง ถึงตอนนี้เธอก็ยังเชื่อว่าบิดาเป็นผู้บริสุทธิ์ ชรินที่เป็นเพื่อนรักจะหักหลังและวางแผนสังหารทวีได้อย่างไร

“ฉันไม่เชื่อ คุณพ่อท่านไม่มีวันทำอย่างที่คุณกล่าวหา การเสียชีวิตของคุณอาเป็นอุบัติเหตุ” ร่างระหงยืนกราน หากคนฟังอย่างกวินยิ่งนึกแค้น

“อุบัติเหตุเหรอ?! แล้วการที่พ่อคุณอยู่ในเหตุการณ์แต่รอดมาได้มันเป็นเรื่องบังเอิญด้วยรึเปล่า การที่พ่อผมถูกไฟคลอกตายคารถทั้งที่พ่อคุณช่วยได้ อย่างนี้มันเป็นอุบัติเหตุด้วยมั้ย?!!” เขาเสียงดังลั่นจนชมหวายสะดุ้ง

ชายหนุ่มดึงแขนภรรยาขึ้นมาเขย่าแรงๆ ด้วยความโมโห ลึกๆ แล้วเธอกลัวแต่ทำใจกล้ามองหน้าเขาอย่างไม่สะทก แม้ในใจจะสะท้านแทบระส่ำ ชมหวายบอกจะพิสูจน์ให้ได้ว่าชรินไม่ได้เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้

“ดี! ไปขุดมาสิพยานน่ะ” เขาท้าเสียงขรม

ชมหวายขอพบกัญญาอาหญิงของเขา นางเป็นน้องสาวของทวีและเป็นคนเดียวที่พอจะทราบถึงสาเหตุในตอนนั้น หากกวินกลับยิ้มเยาะ

“ทำใจได้เหรอที่ต้องรู้ว่าพ่อตัวเองเป็นคนทรยศ” เขาเม้มปากหยักอย่างเย้ยหยัน

ชมหวายเกลียดสีหน้าและแววตาเช่นนี้ เกลียดเหมือนที่เคยเกลียด และเกลียดกระทั่งวินาทีปัจจุบัน

“พ่อฉันไม่ใช่คนทรยศ!” ชมหวายเน้นเสียงหนัก ไม่หวั่นแม้มือใหญ่จะเค้นท่อนแขนเธอแรงแค่ไหน กริยาอาการและแววตาที่ยังฉายให้เห็นถึงความทระนง

กวินเม้มปากแน่น จะทำให้เธอยอมสยบและรับความจริงให้ได้ว่าเธอคือลูกสาวคนทรยศ

“ความอวดดีของคุณ สักวันมันจะทำร้ายตัวคุณเอง ชมหวาย” เขาเตือนด้วยความหมั่นไส้ไม่ใช่ปรารถนาดี หญิงสาวก็ขอเตือนเขาด้วยเหมือนกัน ว่าสักวันความแค้นจะทำลายร้างกวินให้มอดไหม้ไปพร้อมกับไฟพยาบาท

“ฉันจะรอดูวันที่คุณพินาศย่อยยับ”

“ผมก็จะลากคุณลงนรกไปด้วยกัน...ถ้าอดุลย์อดิศัยหรือธนวรรธน์ต้องย่อยยับ หิรัณยรัศมิ์ก็อย่าหวังจะสงบสุข!” เขาประกาศกร้าว สะบัดแขนของหญิงสาวออกไปด้วยความเคืองขุ่น

แววตาที่มองภรรยาหาได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความทะนุถนอม ไร้ซึ่งความปรานีหรือเสน่หา ทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่คือความเคียดแค้นและชิงชัง

“คุณจะไปไหน?!” ชมหวายเห็นเขาเดินไปทางประตู ร่างระหงวิ่งตามไปแต่ถูกกวินผลักออกห่าง

เขาปิดประตูและดิ่งไปที่รถซึ่งจอดอยู่ตรงลานหน้าบ้าน ชมหวายรวบรวมกำลังอันอ่อนโรยวิ่งตามไป ทว่าชายหนุ่มกลับเคลื่อนรถออกไปอย่างไม่ประวิงถึงคนที่ร้องเสียงหลงอยู่ข้างหลัง

“กลับมานะ! คุณจะทิ้งฉันไว้แบบนี้ไม่ได้นะ!!” เสียงแหลมลั่นบริเวณที่เงียบสนิทของรัตติกาล เธอวิ่งตามรถเขาออกไปยังทางลูกรังที่สองข้างเป็นป่าอ้อย เปลี่ยว วังเวงและน่ากลัวเกินบรรยาย

“ไอ้บ้า! กลับมา!” ชมหวายตะโกนทั้งเสียงสั่นเครือ ยอมรับว่ากลัวจริงๆ กับสภาพแวดล้อมที่ไม่รู้ว่าคือที่ไหน

เสียงรถและแสงไฟท้ายเลี้ยวหายลับไปแล้ว ท่ามกลางความเวิ้งว้างมีเธอยืนอยู่เพียงลำพัง แสงจันทร์คืนแรมพอส่องริบหรี่ให้เห็นเงาทาง ร่างระหงรีบวิ่งกลับมาที่ลานบ้านอย่างหมดอาลัย นั่งกองไปกับพื้นชานไม้สักยกสูงด้วยความหมดแรง

“คนชั่ว! คนใจบาป! แกทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง” หญิงสาวร้องไห้ไปพร้อมกับความคับแค้นที่อยู่ภายใน

คำว่าภรรยาไม่ได้มีความศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิดเดียว แม้แต่เกียรติที่สมควรจะได้รับก็ยังไม่มี ผินมองรอบกายเห็นแต่เงาทะมึนของต้นไม้จนไม่คิดว่าละแวกนี้จะมีบ้านคน หลังเรือนไม้สักแห่งนี้มีแต่ความเงียบเหงาของราตรีที่น่าวังเวง มองผ่านเรือนกระจกรายรอบเข้าไปในบ้านเห็นเพียงแต่แสงส้มของไฟตะเกียง นี่ก็แทบจะมองไม่เห็นอะไรอีกแล้วนอกจากความรันทดใจ

“ฉันเกลียดแก นายกวิน!!” ชมหวายตะโกนลั่นด้วยความคับแค้น พลันเสียงร้องโหยหวนเหมือนปีศาจก็แว่วมาตามสายลม เป็นผลให้คนเสียขวัญขนลุกชันทั้งตัว

ชมหวายแข็งใจวิ่งพรวดและเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ล็อกอย่างแน่นหนาและดึงม่านปิดไว้ไม่ให้เห็นเงาของพุ่มไม้ด้านนอก แต่เสียงนั้นยังดังอยู่เป็นระลอก จนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเสียงของภูตผีที่โหยหวนหากินยามค่ำคืน

น้ำตามันปรี่ไหลออกมาด้วยความอดสูเหลือประมาณ เงยหน้าขึ้นมองภาพของทวีอย่างหวาดหวั่นระคนเสียใจ เมื่อวานยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าสาว แต่วันนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปสิ้นเชิง เธอมีสภาพยิ่งกว่าคนรับใช้ กวินไม่คำนึงว่าหญิงสาวเป็นภรรยาแต่กำลังคิดว่าเธอคือเชลย

ในบ้านมีโคมไฟแต่ไร้ซึ่งแสงสว่าง เธออยู่ได้ด้วยแสงจากตะเกียงน้ำมันดวงเดียวเท่านั้น ความรันทดปรี่ขึ้นในหัวใจดวงน้อยของหญิงสาวที่ต้องเผชิญแต่เรื่องร้ายๆ ความรักที่ผ่านมาก็ไร้ซึ่งความสมหวัง กระทั่งการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ครั้งนี้ก็ดูท่าจะเลวร้ายกว่าที่คิด เมื่อเบื้องหลังของมันคือการแก้แค้น

“พ่อขา แม่ขา ช่วยหวายด้วย” เธอถวิลหาปริ่มจะขาดใจ

ท่ามกลางความหวาดกลัวที่มีแต่เธอเดียวดายอยู่ในบ้านอันเวิ้งว้าง ทุกความกลัวความสิ้นหวังวิ่งปรี่เข้ามาเกาะกุมจิตใจที่อ่อนแอนี้ น้ำตาเป็นสิ่งเดียวที่ระบายได้ถึงความรู้สึกต่างๆ ที่อุบัติอยู่ภายใน เรือนกายอ่อนระทวยเอนตะแคงไปกับพื้นไม้กระด้าง ทันทีที่ศีรษะสัมผัสถึงความแข็งพลันน้ำตาก็หยดติ๋ง ดวงตาบอบช้ำข่มปิดลงอย่างช้าๆ แทบจะหมดใจแล้วจริงๆ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง จะมีใครช่วยเธอได้หรือไม่ในวินาทีเช่นนี้

“ธารา...คุณอยู่ที่ไหน”