บทที่เจ็ด พบพาน100%
ภายในท้องพระโรงอันยิ่งใหญ่ของต้าเว่ย
ถัวปาลั้วเจินสตรีนางนี้ นางก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยืนเคียงข้างอี้เทียน..... นางย่อกายเคารพอย่างอ่อนน้อม
"หม่อมชั้นถัวปาลั้วเจินน้อมถวายพระพรฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปีเพคะ" ลั้วเจินนางเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานซึ้ง ดวงตาที่เผยออกมานอกผ้าคลุมหน้านั้น ดูใสซื่ออย่างที่สุด นางเก็บซ้อนความรู้สึกที่เเท้จริงของนางเอาไว้
คราวเเรกที่เกาหยวนได้สบตากับนางในหนเเรก.... เเววตานี้ เกาหยวนเหมือนเคยพบที่ใด เหมือนเคยพบที่ใด เเต่เขาก็สลัดออกไป จะเป็นไปได้อย่างไร หนทางพันลี้มิบังเอิญเพียงนั้นหรอก
............
ชั่วเวลาผ่านไป
คณะทูตถูกจัดให้พำนักในวังส่วนหน้า เว้นเสียเเต่ลั้วเจิน ผู้ที่ทุกคนต่างทราบดีว่านางมาในฐานะใด นางถูกจัดให้พำนักยังตำหนักส่วนใน
ในส่วนของจำหนักเหรินกง
เวลานี้ลั้วเจินนางนั่งมองใบหน้าของตนผ่านกระจกสีขุ่นนั้น..... หากว่าเกาหยวนพบใบหน้าที่เเท้จริงของนางเเล้วจะปฏิบัติต่อนางเช่นไร
จะปฏิบัติต่อสตรีที่มีใบหน้าละหม้ายสตรีที่ช่วยชีวิตเขาด้วยใจซื่อ.... จะทำอย่างไรกับสตรีวัยเเรกเเย้มที่มีใจรักที่จริงเเท้ต่อเขาในปีนั้น จะทำอย่างไร เขาจะทำอย่างไรกับสตรีนางนั้น สตรีที่ถูกเขาสังหารอย่างเลือดเย็นฝั่งนางทั้งเป็น
ลั้วเจินเมื่อนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นกลับทำให้นางรู้สึกเจ็บเเน่นที่หน้าอกอย่างประหลาด ช่วงเวลาที่นางอยู่ในโลงเเก้วใสนั้น..... ช่วงเวลานั้นนางยังคงลืมตา นางยังคงมีลมหายใจ ดวงตานางยังคงเบิกกว้าง.... ความทรงจำที่ก้อนดินค่อยๆ ถูกผลักลงบนฝ่าโลงนั้น.... เเละทุกอย่างก็มืดดับลง
ลั้วเจินนางเจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด
"ไม่.... ข้าจะทำให้อยู่ไม่สู้ตาย.... อยู่อย่างตายทั้งเป็น เกาหยวน บุรุษไร้ใจเช่นท่าน ข้าจะทำให้ท่านมอบหัวใจให้กับข้า เเละข้าจะเหยียบย่ำมันอย่างที่ท่านทำ ให้ท่านเจ็บให้ทุกข์ทรมมารกว่าข้าพันเท่าหมื่นเท่า" ลั้วเจินนางกำมือเเน่น
......
คล้ายกับสวรรค์เข้าข้าง วันนี้เกาหยวนโดยการเเนะนำจากขันทีคนสนิทดั่งเคย ให้ความเห็นว่าตัวเขาควรมาพบนาง.... นางซึ่งเป็นเครื่องบรรณาการจากมองโกล
สตรีนางนี้ไม่ว่าเกาหยวนจะพึงใจนางหรือไม่ วันหน้าเขาก็ต้องมอบโอรสให้แก่นาง เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์สองเเค้วน ดังนั้น วันนี้ก็ให้มาพบพูดคุยกับนางสักหน่อย หากทำให้ตัวนางนี้รักใคร่ในเกาหยวนอย่างจริงเเท้ เเล้ววันหน้าเรื่องที่จะให้นางสั่งสอนบุตรให้เชื่อฟังให้มีใจเอานเองมาทางเว่ยเราก็มิยากเย็น เกาหยวนฟังความเห็นในข้อนี้ก็คิดตามนั้น ทางมองโกลคงหมายให้นางมายั่วยวนเขาเเละทำให้เขาลดการเรียกเคื่องบรรณาการเช่นนั้น จะลองทำตามเเผนเขาสักหน่อยให้ตายใจ
ณ ตำหนักเหรินกง
เกาหยวนโดยที่มีขันทีเเละนางกำนัลตามมาด้วยเพียงสี่.... เขาเดินทางมาที่ตำหนักนี้มาพบนางอย่างเงียบๆ หากเเต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วเเล้ว
เมื่อเกาหยวนมาถึง....
นางกำนันก็ได้รายงาน ลั้วเจินได้ฟังดังนั้นในคราเเรกก็ตกใจไม่น้อย เขามาพบนางเร็วกว่าที่คาด ดูท่าหมากการเมืองกระดานนี้เกาหยวนร้อนใจ เป้นผู้เริ่มเดินก่อนเเล้ว เเต่ก็ดีในเมื่อเป็นเช่นนี้ นางก็จะทำตามเเผนนางเช่นกัน
ลั้วเจินนางรีบใส่ผ้าคลุมใบหน้ากลับดังเคย ออกไปต้อนรับการมาถึงของเกาหยวนอย่างอ่อนน้อมเเละสุภาพ
"ถวายพระพรฝ่าบาทเพคะ" ลั้วเจินนางย่อกายอย่างอ่อนน้อม
ในตอนนั้นเกาหยวนก็ได้เดินเข้ามาใกล้นาง.... เขาประคองมือที่นางประสานเคารพเขาขึ้นมา ดวงตามที่เขาใช้มองนางนั้น หากเป็นสตรีที่ใสซื่อนางคงคิดว่าเกาหยวนผู้นี้มีใจต่อนางเข้าเเล้ว หากเเต่นางผ่านเรื่องร้ายมามาก เรียนรู้มาไม่น้อย สายตาเช่นนี้มิมีทางหลอกลวงนางได้ เขาเพียงเเต่เเสร้งทำเพียงเท่านั้น ลั้วเิจหลุบตาลงเเสร้งทำเขินอาย นางเอ่ยปากขอบพระทัยเขาไป
ในตอนนั้นเขาเเละนางก็ได้ไปในตำหนักเหรินกงนั้น....
บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง.... เกาหยวนเอ่ยปากถามนางก่อน
"ที่นี้อยู่ดีหรือไม่? ขาดตกบกพร่องไปบ้างขอให้พอเราจะจัดการให้เจ้าเอง" เกาหยวนเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มจิ้งจอกนั้น
"มิได้เพคะ ที่พระองค์จัดไว้ให้หม่อมชั้นถือว่าดีมากเเล้ว หากเทียบกับฐานะของหม่อมชั้น" ลั้วเจินนางยิ้ม นางสบตากบเกาหยวนเพียงครู่ก่อนที่จะหลุบตาลงดั่งเคย
เกาหยวนฟังดังนั้นเขาก็ยิ้มมุมปาก.... นางเอ่ยขอบใจเขาเเต่นัยหนึ่งก็เอ่ยย้ำเขาถึงสถานะของนางภายในวังหลังนี้
"เจี่ยยวี่" เกาหยวนเอ่ยขึ้น
ลั้วเจินได้ฟังดังนั้น.... นางเงยหน้าขึ้นมาอีกหน เจาหรงคำนี้?
" ตำเเหน่งเจี่ยยวี่นี้คิดว่าเหมาะเเล้ว" เกาหยวน เขาพระราชทานตำเเหน่งสนมให้กับนาง หากเเต่นับดูเเล้วนางเพิ่งเข้าวังมาได้รับตำเเหน่งเจาหรงนี้ถือว่าเกินความคาดหมายของนาง.... ที่นางคาดเดาไว้เป็นเพียงกุ้ยเหรินก็นับว่ามากเเล้ว.... หรือเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างระหว่างต้าเว่ย เเละเผ่ามองโกลการเเต่งการเมืองนับว่ามีอยู่มากหากเเต่เเต่งเพื่อการเมืองระหว่างสองเเคว้นเช่นนี้นับว่ายังน้อย หมากการเมืองนี้เกาหยวนเริ่มเดินก่อนเเละดูท่าจะลงพนันไว้หนักเสียด้วย
"เป็นพระมหากรุณาธิคุณเพคะ" ลั้วเจินนางย่อกายเคารพเกาหยวนอีกครา
เกาหยวนลุกเดินมากล่าวกับนางใกล้ๆ ....
"เจ้ารู้ความหมายของตำเเหน่งเจี่ยยวี๋นี้หรือไม่? " เกาหยวนยิ้ม ใบหน้านั้นเขาเอ่ยกับนางในระยะที่ใกล้มาก
"เพคะ หญิงงามผู้ได้รับความโปรดปราณจากองค์จักรพรรดิ" ลั้วเจินนางเเสร้งสบตาใสซื่อของนางอย่างอ่อนน้อม
"มิใช่เเค่เพียงตำเเหน่งเท่านั้น" เกาหยวนเอ่ยด้วยเเววตาเจ้าเล่ห์ชอบกลนัก มือนั้นก็ไม่อยู่สุข ยกขึ้นมาหมายจะดึงผ้าคลุมหน้าของนางออกหากเเต่ลั้วเจินนางก้มือนั้นได้ทัน
"ขออภัยฝ่าบาทหม่อมชั้นเดินทางมาไกล.... ใบหน้ามีผื่นเเดงขึ้นเกรงว่าจะไม่เหมาะ" ลั้วเจินนางเบียงกายหลบ
เกาหยวนก็เพียงเเต่ยิ้ม..... เขามิกล่าวอะไรอีก เพียงเเต่สั่งให้นางกำนัลยกน้ำชาเเละของว่างเขามา
"หม่อมชั้นจะเล่นพิณถวายนะเพคะ" ลั้วเจินนางลุกขึ้นไปบรรเลงเพลง
"เจ้าเล่นเป็น?? "
"เพคะ หม่อมชั้นให้ครูฝึกชาวเว่ยมาสอนหม่อมชั้น"
เกาหยวนก็นั่งดื่มน้ำชากับของว่างมองนางอยู่อย่างนั้น.... เเววตาที่เขามองนางนั้นไม่ต่างกับเเววตาจิ้งจอกเลยเเม้นเเต่น้อย หากใครมาได้พบคงคิดว่าเขาเป็นบุรุษจำพวกหลวงไหลในสตรีหากเเต่เป็นนาง นางดูเขาออกว่าที่เเสดงออกมามิจริงเลย
หากเเต่ในเเววตาของเกาหยวนนั้นเขาได้เก็บซ่อนความรู้สึกบางสิ่ง.... ดวงตาคู่นั้น.... ดวงตาคู่นี้เหตุใดจึงคุ้นเคยยิ่ง เหมือนเคยพบกันที่ใด เเววตาของนางก็ไร้ซึ่งพิษสงค์ ความใสซื่ออ่อนหวานในเเววตานี้?
......
โปรดติดตามตอนต่อไป
