บท
ตั้งค่า

บทที่ 7

เพราะในเมื่อน้องสาวเขาเห็นปาร์คเฮริมแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบังใดๆ อีกรวมทั้งเรื่องงานเองก็ด้วย เมื่อได้ยินทุกอย่างปาณิสราก็ตาโตอ้าปากค้างทั้งตกใจและสงสารไอดอลคนโปรดของเธอ ที่ตอนนี้ถูกขู่ทำร้ายจากใครก็ไม่รู้ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นได้ละ

“พี่มัตต์ต้องบินไปเกาหลีพรุ่งนี้เหรอ” ปาณิสราเอ่ยด้วยความตกใจ เพราะถึงพี่ชายเธอจะทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา แต่ก็ไม่เคยอยู่ห่างไกลกันนานแบบนี้มาก่อน มากสุดก็แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้นเอง

“โทษทีมีน มันงานด่วน นายสั่งมาพี่ปฏิเสธไม่ได้”

“พี่ต้องดูแลเฮริมให้ดีนะคะ” หญิงสาวจับมือพี่ชายเขย่าไปมา แทนที่จะค้านแต่กลับไม่มีท่าทีให้เห็น

“อ้าว…ไม่คิดจะห้ามพี่เหรอ”

“ไม่ค่ะ พี่มัตต์เกิดมาเพื่อสิ่งนี้แล้ว อย่าให้ไอดอลของมีนเป็นอะไรไปเป็นอันขาดเชียวนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของน้องสาวก็ทำเอาคนเป็นพี่อยากจะบ้า นี่จะไม่ห่วงพี่ ไม่ห่วงตัวเองอย่างนั้นเลยใช่ไหม

“แต่พี่ต้องไปอยู่เกาหลี ยังไม่มีกำหนดกลับ มีนจะอยู่ยังไง”

“มีนอยู่ได้ค่ะ อยู่ได้สบายมาก” ผู้เป็นน้องสาวส่งยิ้มให้พี่ชาย เพราะเธออยู่ได้แน่นอน อย่างน้อยก็ฝึกเอาไว้ก่อนได้ทำงานจริง เพราะถ้าเรียนจบแล้วตั้งใจว่าจะออกไปทำงานต่างจังหวัดเหมือนกัน เธอจะให้ชนาธิปคอยดูแลไปตลอดเวลาได้ยังไง อีกอย่างช่วงเวลาที่พี่ไม่อยู่ เธอจะได้ทำงานพิเศษหาเงินมาซื้อประกันชีวิตให้ แบบนี้ก็คงดีเหมือนกัน เพราะงานที่ชนาธิปรับทำตอนนี้ก็เสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว

“แน่ใจนะ พี่ว่า…” ชนาธิปอยากพาปาณิสราไปเกาหลีด้วย แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะน้องสาวเขากำลังเรียนและก็กำลังสอบด้วยขืนไปด้วยมีหวังต้องเรียนซัมเมอร์เพื่อซ่อมตัวที่ตกแน่นอน

“พี่มัตต์ไปทำงานเถอะค่ะ มีนอยู่คนเดียวได้จริงๆ”

“โอเค…พี่จะวานให้เพื่อนที่สน. มาตั้งจุดตรวจที่หน้าบ้านแล้วกัน เขาจะได้แวะมาบ่อยๆ พี่ก็คงหายห่วงเราได้บ้าง”

“ค่ะ…พี่มัตต์มีประกันชีวิตไหมคะ”

“ถามทำไม กลัวพี่ตายเหรอ”

“คนเขาเป็นห่วง ยังมีหน้าพูดแบบนั้นอีก”

“มี…พี่มีประกันของตำรวจ ไม่ต้องห่วง” ชนาธิปวางมือลงไปบนศีรษะน้องสาวก่อนจะโยกไปมาอย่างเอ็นดู มีแค่ประกันชีวิตของปาณิสราคนเดียวก็เกินพอแล้ว ส่วนของเขานั้นไม่จำเป็นหรอกเพราะดูแลตัวเองได้

หลังคุยกันจนเข้าใจสองพี่น้องก็เดินออกมาจากครัว ปาร์คเฮริมที่รอคำตอบอยู่นั้นเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นทั้งคู่

“ตกลงว่า.....”

“พี่มัตต์จะไปดูแลเฮริมที่เกาหลีนะ” ปาณิสราเอ่ยขึ้น คนฟังและรอคำตอบอยู่ยิ้มออกมานิดหน่อย เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันทำให้ปาร์คเฮริมเริ่มไว้ใจชนาธิปมากขึ้น ว่าชายหนุ่มจะสามารถดูแลเธอได้ ยิ่งได้เห็นความอ่อนโยนของชายหนุ่มที่แสดงกับน้องสาวด้วยแล้ว มันทำให้เธออิจฉาปาณิสรานิดๆ ที่มีพี่แบบนี้

ไม่เหมือนเธอที่เป็นลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง การเป็นไอดอลต้องซ้อมร้องซ้อมเต้นแทบไม่ได้หยุดพัก ไหนจะต้องไปโชว์ตัวเป็น พรีเซ็นเตอร์สินค้าและอื่นๆ อีกมากที่ตามมากับความโด่งดัง บางครั้งก็ท้อจนอยากเลิกแต่เธอกลับทิ้งเวทีไม่ได้ บนเวทีการแสดง เธออยากอยู่บนนั้นไปนานๆ

“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ โอ-ปา” เสียงใสๆ ของปาร์คเฮริมเอ่ยเรียกชนาธิป

“หืม!” ชายหนุ่มอุทานออกมาสั้นๆ สีหน้าดูงุนงงกับคำท้ายๆ ของประโยคที่ได้ยิน นั่นเพราะไม่เข้าใจความหมายของคำที่เธอพูดสักเท่าไหร่ การไปอยู่เกาหลีท่าทางจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ไหนจะเรื่องภาษาและอื่นๆ ที่สำคัญคนที่เขายังห่วงคือปาณิสรา แม้น้องสาวจะเอ่ยเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าอยู่คนเดียวได้ แต่คนเป็นพี่ก็ชักไม่มั่นใจเหมือนกัน

“พี่ชาย เฮริมเรียกพี่ว่าพี่ชาย เพราะคำว่าโอ-ปา ในภาษาเกาหลีแปลว่าพี่ชายค่ะ” ปาณิสราแปลคำพูดของปาร์คเฮริมให้ชนาธิปฟังชายหนุ่มได้ยินแล้วก็หัวเราะหึหึในลำคอ ทีอย่างนี้ทำเป็นตีสนิทเชียวนะ

“ออน-นี่ น่ารักจังเลย” คราวนี้ปาร์คเฮริมก็ได้ทีอ้อนปาณิสราบ้าง

“ภาษาเกาหลีวันละคำ โอ-ปา แปลว่าพี่ชาย ออน-นี่แปลว่าพี่สาว เข้าใจ๋” ปาร์คเฮริมหันมาตอบชายหนุ่มที่ตอนนี้เธอจะเรียกเขาได้สนิทใจว่าพี่ชาย เพราะเธออยากมีพี่ชายที่คอยปกป้องแบบนี้มานานแล้ว ความคิดของเด็กสาวเริ่มเปลี่ยนไป

“ภาษาไทยวันละคำ แก่แดด” พูดจบก็ส่ายหน้าใ เพราะครั้งแรกที่ได้พบหน้ากันชนาธิปคิดว่าปาร์คเฮริมจะอายุมากกว่านี้เสียอีก แต่สุดท้ายหญิงสาวก็เป็นน้องของปาณิสราอีกต่างหาก ผู้หญิงสมัยนี้จะรีบโตเป็นสาวไปไหนกัน แก่เร็วตายชัก

“อะไรคะออน-นี่ โอ-ปาว่าอะไรเฮริมค่ะ” ปาร์คเฮริมเข้าไปเกี่ยวแขนปาณิสรา เพื่อหาแนวร่วมทันทีเพราะอยากน้อยปาณิสราคือแฟนคลับของเธอ หญิงสาวต้องเข้าข้างไอดอลคนดังอย่างเธอแน่นอน

“อ้อ…คำที่พี่มัตต์พูดเมื่อกี้ มันแปลว่าเฮริมน่ารัก”

“หา…” ปาร์คเฮริมยิ้มเขินไปแล้ว ก่อนจะตีหน้าบึ้งใส่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชนาธิปแยกเขี้ยวใส่น้องสาวที่แปลความหมายไปคนละทางกับที่เขาพูดเลย

คืนนั้นปาร์คเฮริมก็นอนกับปาณิสราในห้อง ความเป็นไอดอลของเธอไม่ได้มาง่ายๆ ทำเอาเจ้าของห้องเกร็งเหมือนกัน แต่ปาร์คเฮริมก็ทำตัวเป็นกันเอง เธอต่างหากที่ต้องเกรงใจ เพราะวัฒนธรรมไทยที่มารดาคอยสอนเป็นแบบนั้น

สองสาวดูจะเข้ากันได้ดีเลยทีเดียว ปาณิสราถามเรื่องเกาหลี ถามเรื่องความเป็นไอดอลของปาร์คเฮริม ซึ่งหญิงสาวก็ตอบทุกอย่าง แต่ปิดซ่อนความไม่ชอบไว้เพราะอยากให้ปาณิสรารักงานของเธอและตัวเธออย่างที่เห็นดีกว่าส่วนปาร์คเฮริมก็ถามถึงเมืองไทย แอบถามเรื่องชนาธิปด้วย เพื่อเป็นข้อมูลในการรับมือชายหนุ่ม

“ดึกแล้ว ยังไม่นอนกันอีกหรือไง” ชนาธิปที่ลุกมาเดินดูรอบๆ บ้านเพื่อหาความผิดปรกติเผื่อมีคนตามมา กำลังจะเดินผ่านห้องของปาณิสรา ตอนลงไปเขาก็ได้ยินเสียงคุยกัน ตอนกลับขึ้นมาเสียงนั้นก็ยังไม่หยุด จึงเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม

“มีน…นอนได้แล้ว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel