ตอนที่ 4 พญามารร้าย
4
พญามารร้าย
เช้าวันนี้ หลังจากที่ป้าทองเอาข้าวเช้ามาให้กินแล้ว พิมพ์มาดาก็เผลอหลับไปอีกครั้ง เพราะเมื่อไม่มีอะไรให้หล่อนทำ พอหนังท้องตึงหนังตาก็เลยหย่อน ดวงตาคู่สวยหลับสนิทอย่างง่วงงุน และต้องลืมตาสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงผลักประตูเข้ามาอย่างแรง
“คุณ! จะมาปล่อยฉันออกไปแล้วใช่มั้ย คุณเชื่อแล้วใช่มั้ย ว่าฉันไม่ใช่วีรดา”
“ใช่ ฉันเชื่อเธอแล้ว”
“งั้นคุณก็ปล่อยฉันไปได้แล้วสิ” พิมพ์มาดาถามอย่างมีความหวัง แต่เมื่อมองใบหน้าคมเข้มและสบกับดวงตาแวววาวคู่นั้น เธอก็ไม่พลันไม่แน่ใจ
“อย่าฝันลมๆ แล้งๆ ไปหน่อยเลยกระถิน ถึงเธอไม่ใช่วีรดา แต่ตอนนี้เธอกลับมีค่ามากว่าวีรดาเสียอีก”
“หมายความว่าไง คุณก็รู้ว่าฉันไม่ใช่วีรดา และรู้ด้วยว่าฉันเป็นใคร แล้วทำไมคุณไม่ปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ล่ะ”
“ก็หมายความว่า ตอนนี้ฉันกลับได้ตัวคนรักของไอ้ทินวิทย์มาแทน แล้วฉันก็คิดหาทางแก้แค้นไอ้ทินวิทย์ใหม่ได้แล้ว”
“คนรักของทินวิทย์ก็คือพี่ต้นอ้อ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย คุณนี่ท่าจะบ้านะ โยงเรื่องให้มาเกี่ยงเนื่องกันได้ง่ายๆ”
“อย่ามาทำปากดีนะ ฉันรู้เรื่องระหว่างเธอกับทินวิทย์หมดแล้ว เธอเป็นคนที่ทินวิทย์ต้องการจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่วีรดา”
“คุณมันบ้าจริงๆ ด้วย ฉันเพิ่งได้คุยกับทินวิทย์ครั้งเดียว และไม่ใช่คนรักของทินวิทย์”
ภูผาย่างสามขุมเข้าไปใกล้จนชิดขอบเตียง และดึงร่างบางขึ้นมาเผชิญหน้ากันใกล้ๆ ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งสวย ดวงตาตื่นตระหนกคู่นั้นจ้องมองมาเหมือนแววตาของนางกวางระแวงภัย กลิ่นกายของเธอก็หอมกรุ่น จนนายหัวหนุ่มหายใจติดขัดขึ้นมา ชายหนุ่มแสยะยิ้ม และเขย่าร่างบางแรงๆ จนพิมพ์มาดาหัวสั่นหัวคลอนไปหมด
“ฉันมีหลักฐานแน่นหนาว่าเธอเป็นคนที่ทินวิทย์รัก อย่ามาทำปากดีอีก ไม่งั้น...”
“ไม่งั้นอะไร คุณจะทำอะไรฉัน”
“ก็ทำแบบนี้ไงเล่า”
ภูผาบดขยี้จูบกระทั้นลงไปอย่างดุเดือด พิมพ์มาดาดิ้นรนยังไงก็ไม่หลุดพ้นจากกรงเล็บพญามารอย่างเขาไปได้ หล่อนรับรู้ถึงรสเค็มปร่าของเลือดที่ออกภายในปาก
ภูผาถอนจูบและผลักร่างบางลงนอน จับพลิกตัวหันหลังและแกะเชือกที่ข้อมือบางออก ก่อนจะจับพลิกกลับมาอย่างว่องไว และใช้มือเดียวจับข้อมือบางทั้งสองข้างของหญิงสาวไว้ชูขึ้นเหนือศีรษะของพิมพ์มาดา มือข้างที่ว่างของเขาบีบแก้มหญิงสาวจนพิมพ์มาดาต้องเผยอริมฝีปากออกอย่างเจ็บปวด ทำให้เขาสอดลิ้นอุ่นเข้าไปชอนไชอย่างรุนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความเร่าร้อนวาบหวาม
ชายหนุ่มถึงกับหัวใจกระตุกวูบ เมื่อรับรู้ถึงความหวานล้ำในโพรงปากของหล่อน ผู้หญิงคนนี้คงช่ำชองมาก ถึงได้มีวิธีการอันแยบยลปลดปล่อยความหวานออกมาล่อหลอกให้ผู้หญิงติดกับ มิน่าล่ะทินวิทย์ถึงได้ติดใจเจ้าหล่อนนักหนา
ภูผาตะปบมือหนาลงบนทรวงอกอวบ เคล้นคลึงความนุ่มหยุ่นอย่างรุนแรง ไม่สนใจว่าจะทำให้หญิงสาวเจ็บปวดมากแค่ไหน เขากำลังระบายความโกรธกับร่างกายของหล่อนอย่างบ้าคลั่ง พิมพ์มาดาน้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม จนเขารับรู้ถึงความเค็มของน้ำตา
นายหัวหนุ่มชะงักไปนิดและถอนริมฝีปากออก เงยหน้ามองใบหน้านวลที่อาบไล้ไปด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย
“มารยา แกล้งบีบน้ำตาจะเรียกร้องให้ฉันทำรุนแรงมากกว่านี้ หรือจะบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่อยากให้ฉันหยุดงั้นเหรอ”
“สารเลวที่สุด คุณมันไม่ใช่สุภาพบุรุษ รังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้ ผู้ชายดีๆ เขาไม่ทำกับผู้หญิงแบบนี้หรอก” หล่อนบริภาษเขาออกไปอย่างโกรธแค้น ตอนนี้พิมพ์มาดาโกรธจนหน้ามืดตามัว ไม่เกรงกลัวเขาอีกแล้ว ดีซะอีกถ้าเขาจะยิ่งโกรธแล้วฆ่าหล่อนซะเลย หล่อนจะได้หมดเวรหมดกรรมเสียที
ภูผาบดขยี้ริมฝีปากนุ่มอีกครั้งอย่างรุนแรง มือหนาเคล้นคลึงทรวงอกนุ่มหนักมือ ก่อนกระชากเสื้อชั้นในตัวสวยจนขาดวิ่น ปทุมถันคู่งามถูกมือใหญ่ตะปบและเคล้นคลึงบีบขยำอย่างหยาบคาย พิมพ์มาดาดิ้นรนหลีกหนีและผลักไสร่างสูงให้ออกห่าง แต่เรี่ยวแรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอหรือจะสู้เรี่ยวแรงมหาศาลของร่างสูง
หัวใจของหญิงสาวกำลังร่ำไห้อย่างเจ็บปวด แต่ร่างกายของเธอกำลังตอบสนองอย่างน่าอาย ยอดทรวงสีสวยนั้นแข็งเป็นไตสู้มือใหญ่อย่างเสียวซ่าน ภูผาผละริมฝีปากและครอบครองเม็ดทับทิมงามนั้นอย่างหื่นกระหาย กลิ่นกายของหญิงสาวปลุกเร้าอารมณ์ไฝ่ต่ำของภูผาให้พุ่งขึ้นสูง นายหัวหนุ่มกำลังลืมตัวลืมใจ ความต้องการจะลงโทษที่ถูกหญิงสาวบริภาษ กำลังล่าถอยลงไปทีละน้อยๆ
ความรุนแรงในคราแรกที่เริ่มอ่อนลงทำให้พิมพ์มาดาได้สติ หญิงสาวใช้โอกาสที่ภูผากำลังลืมตัว ผลักร่างหนาออกเต็มแรง และตวัดฝ่ามือขึ้นตั้งท่าจะฟาดไปที่แก้มสาก แต่ภูผาก็รับข้อมือบางเอาไว้ได้ก่อนที่มันจะกระทบกับแก้มสากของตน และเป็นฝ่ายเงื้อมมือขึ้นสูง
“เอาเลยสิ ตบหน้าฉันเลยสิ จะได้รู้ว่าคุณเองก็หน้าตัวเมียเหมือนกัน” หญิงสาวยังไม่หยุดบริภาษเขา
ภูผาขบกรามแน่น เขากระชากร่างบางขึ้นมาอีกครั้ง
“อยากลองดีกับฉันใช่มั้ย” เขาบอกเสียงลอดไรฟันออกมา
“ก็เอาสิ คุณจะทำอะไรกับฉันก็เอาเลย คุณก็ดีแต่ทำร้ายผู้หญิง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ”
“หยุดนะ แล้วไอ้ทินวิทย์มันเป็นสุภาพบุรุษนักหรือไง อย่างนั้นเหรอที่เขาเรียกว่าสุภาพบุรุษน่ะ หลอกให้ผู้หญิงหลงรักและทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ผู้ชายแบบนั้นถึงจะเรียกว่าหน้าตัวเมีย และเธอก็คงอยากเป็นเมียมันจนตัวสั่น”
พิมพ์มาดาสะบัดมืออย่างบ้างคลั่ง แต่เนื่องจากข้อเท้าที่ยังถูกมัดไว้แน่น ทำให้เธอขยับกายได้ไม่ดีพอ หญิงสาวถูกพันธนาการด้วยมือใหญ่ เธองอเข่าขึ้นหมายจะใช้เข่าดันร่างหนาออกห่าง แต่ภูผาใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่ากดบังคับไว้ด้วยท่อนขากำยำ
“เธอคิดว่าจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ”
“ได้หรือไม่ ก็ขอให้ฉันได้สู้ก่อนเถอะ ไม่งั้นฉันคงหมดความภาคภูมิใจ ถ้าตกเป็นของคุณจริงๆ โดยไม่ได้ต่อสู้”
“พิมพ์มาดา!”
“ตบฉันสิ ตบฉันให้ตายไปข้างหนึ่งเลย จะได้รู้กันไปว่านายหัวใหญ่แห่งเหมืองชัยเชษฐ์ เป็นคนขี้ขลาดชอบรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้”
“อยากให้ฉันรังแกนักใช่มั้ย ได้...ฉันจะสนองให้เธอรู้ ว่าคนที่รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้น่ะ มันเป็นยังไง”
ภูผาจบคำพูดด้วยจูบอันดุดัน กลีบปากได้รูปฉกเข้าหากลีบปากบวมอิ่ม แผลกระแทกเก่ายังไม่ทันจางหายก็ถูกซ้ำรอยอีกครั้ง และครั้งนี้เลือดสดๆ ก็ไหลซึมออกมาที่มุมปากอิ่ม พร้อมน้ำตาที่รินไหลไม่ขาดสาย ชายหนุ่มรับรู้รสชาติของเลือดสดๆ ก็ชะงักผละริมฝีปากออกเล็กน้อย ดวงตาคมหลุบลงมองมุมปากอิ่มที่มีหยดเลือดซึมออกมา เขาอึ้งไปนิดอย่างตกใจ เพราะไม่เคยใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงแบบนี้มาก่อน
ภูผาสบตากลมโตที่มองเขาอย่างเกลียดชังและเปิดเผย ความรู้สึกหนึ่งแล่นวาบมาที่ทรวงอก ก่อนหัวใจแกร่งจะกระตุกวูบโดยไม่รู้สาเหตุ ก่อนกดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่มที่เจ้าของเบี่ยงหนีอย่างรังเกียจ ท่าทีของพิมพ์มาดาปลุกให้อารมณ์โกรธลุกฮือขึ้นอีกครั้ง สันกรามของชายหนุ่มถูกขบเข้าหากันแน่น ดวงตาที่อ่อนแสงลงเมื่อครู่แดงก่ำวาวโรจน์ขึ้นมาอีกครั้ง
“รังเกียจฉันนักใช่มั้ย...ดี ฉันจะทำให้เธอต้องเกลียดฉันเข้ากระดูกดำเลย ยิ่งเธอเกลียดฉันยิ่งชอบ เพราะความเกลียดของเธอ มันจะทำให้ฉันรู้ว่า ไอ้ทินวิทย์มันกำลังเจ็บปวดแค่ไหน”
นายหัวหนุ่มกระชากเสื้อผ้าที่ยังหลงเหลือติดร่างบางออก ก่อนพลิกร่างบางอย่างรวดเร็วราวกับร่างของพิมพ์มาดานั้นเบาเป็นปุยนุ่น ภูผาใช้เข่ากดแผ่นหลังบางไว้ และแกะปมเชือกที่ข้อเท้าออก ไม่นานขาเรียวสวยก็เป็นอิสระ ดวงตาคมมองข้อเท้าเล็กที่เป็นรอยเชือกบาดจนเลือดซึม แต่เขาไม่รู้สึกเห็นใจ เพราะกำลังถูกอารมณ์ไฝ่ต่ำเข้าครอบงำ
กางเกงขาสามส่วนถูกกระชากลงจากสะโพกผายงอนสวย ก่อนมือหนากระตุกรวดเดียวจนหลุดพ้นปลายเท้า บัดนี้ร่างบางนวลเนียนเกือบเปลือยเปล่าที่ถูกกดนอนคว่ำหน้านั้น ช่างงดงามจนภูผาต้องไล่สายตาตั้งตาลำคอระหงแผ่นหลังนวลเนียนน่าสัมผัส จงอยก้นที่โผล่พ้นขอบชั้นในตัวน้อยออกมา ตลอดจนลำขาเรียวเสลาขาวนวล
พิมพ์มาดาสะอื้นฮักอย่างเจ็บใจ แต่ไม่มีเสียงร้องโวยวายออกมาให้ได้ยิน เพราะถ้าเธอร้องมันจะยิ่งเพิ่มพูนความสะใจให้ชายหนุ่ม ซึ่งกำลังกระทำการอันจาบจ้วงหยาบคายต่อหล่อนอยู่นี้
‘พ่อจ๋า แม่จ๋า เวรกรรมอะไรของกระถินกันนี่จ๊ะ พ่อแม่ช่วยกระถินด้วยนะ’
พิมพ์มาดานึกถึงบิดาและมารดาที่คงอยู่บนสรวงสวรรค์ ให้ลงมาช่วยเธอให้พ้นจากพญามารอันชั่วร้ายตนนี้ ปากอิ่มถูกเจ้าของกัดจนซีดขาวเพื่อกลั้นเสียงครวญคราง เมื่อริมฝีปากร้อนผ่าวแตะลงที่ลำคอด้านหลัง ความร้อนจากลมหายใจอุ่นๆ รินรดผิวเนื้อนวลเนียน จนหญิงสาวขนลุกซู่
ภูผาจับข้อมือบางทั้งสองข้างด้วยมือข้างเดียว และชูขึ้นเหนือศีรษะของหญิงสาว ไต่ริมฝีปากลากไล้ไปตามแผ่นหลังบอบบางจนทั่ว มือใหญ่ข้างที่ว่างสอดเข้าไปใต้ร่างระหงกอบกุมทรวงอกอวบเต็มมือและนุ่มหยุ่นราวสปริงเนื้อดี เคล้นคลึงหนักบ้างเบาบ้างสลับกันไป
“ปล่อยฉันนะ ไม่...” เสียงร้องปฏิเสธแผ่วหวิวดังออกมาจากกลีบปากนุ่ม เมื่อพิมพ์มาดาไม่อาจปิดกลั้นเสียงครางเอาไว้ได้อีก
ภูผาลากริมฝีปากอันร้อนผ่าวแผดเผาต่ำลงไปถึงสะโพกผายงอนงาม จูบถี่ยิบที่แอ่งเว้าระหว่างเอวบางและจงอยก้นงอนสวย หญิงสาวเสียวซ่านสะท้านไปถึงทรวงจนต้องงอตัวขึ้น เพื่อหนีความมือซุกซนที่บีบเคล้นและคีบดึงยอดอกสีสวย
เสียงฝีเท้าและเสียงพูดคุยที่ดังใกล้เข้ามา ทำให้ภูผาชะงักและหยัดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนถลาเข้าไปหาประตูบ้านและกดล็อกอย่างแน่นหนา พอหันหน้ามาอีกทีก็เห็นร่างบางที่นั่งกอดเข่าซุกตัวเข้าหามุมห้อง ราวกับการนั่งกอดเข่าของเธอนั้น จะสามารถปิดบังความงดงามเย้ายวนจากสายตาคมได้
ภูผาสาวเท้าเข้าไปหาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงเล็ก ร่างบางถูกกระชากเข้าหาอีกครั้ง ก่อนริมฝีปากนุ่มจะถูกเรียวปากอุ่นบดคลึงอย่างนุ่มนวล ความอ่อนโยนที่ได้รับทำให้พิมพ์มาดาอ่อนปวกเปียก ร่างบางถูกเอนลงนอนราบโดยไม่ได้ขัดขืน เพราะอารมณ์หวานที่กำลังถูกปลุกให้ตื่นเพริดขึ้น
“อุ๊ย! ทำไมประตูล็อกวะ นังหนู...นังหนู เอ็งล็อกประตูข้างในเหรอ” เสียงป้าทองร้องถามอยู่หน้าประตูทำให้ พิมพ์มาดาได้สติ
“ปล่อย” หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่ยังรุกไล่ เมื่อพลาดจากกลีบปากนุ่มที่แสนหวาน ก็ซุกซบเข้าหาซอกคอหอมกรุ่นกลิ่นสาบสาวแทน
“นังหนู ทำอะไรอยู่ เปิดประตูให้ข้าหน่อย อ้อ...เอ็งถูกมัดขาอยู่นี่หว่า แล้ว...เอ็งล็อกประตูได้ไงน่ะ หรือว่า...ห๊า! เอ็งคงไม่ได้หนีไปแล้วหรอกนะ” เมื่อคิดได้ดังนั้น ป้าทองก็ทุบประตูเรียกหญิงสาวถี่ยิบ ก่อนตะโกนโหวกเหวกเรียกให้คนช่วยเปิดประตูให้ “เฮ้ย...ใครก็ได้ช่วยพังประตูนี้ให้ข้าที นังหนูมัน...”
“มีอะไรป้า” ภูผาเปิดประตูออก ก่อนที่จะมีคนมาพังประตูเข้าไป
“อ้าว...นายหัว อยู่ในนี้ด้วยเหรอคะ” ป้าทองถามอย่างแปลกใจระคนสงสัย
ภูผาไม่ตอบ แต่เดินออกไปเงียบๆ ป้าทองมองตามร่างสูงที่เดินจากไปอย่างงงๆ ก่อนจะเข้าไปในบ้าน และต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อเห็นร่างบางเกือบเปลือยเปล่าที่นั่งกอดเข่าซุกตัวเข้าหามุมห้อง หญิงชรารีบปิดประตูลงกลอน และเดินเข้าไปหาร่างบางที่ร้องไห้เงียบๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้ก่อนที่หญิงชราจะเข้ามา
“นังหนู เอ่อ...เอ็งไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“ป้าจ๋า” พิมพ์มาดาเงยหน้าขึ้นมองป้าทองด้วยดวงตาแดงก่ำและบวมช้ำ
ป้าทองขึ้นไปนั่งบนเตียง และพิมพ์มาดาก็โผเข้ากอด ร่างบางร่ำไห้อย่างน่าสงสาร สะอื้นฮักจนตัวโยน หญิงชราลูบไล้แผ่นหลังเปล่าเปลือยอย่างปลอบใจ รู้สึกเห็นใจและสงสารหญิงสาวตรงหน้ามากมาย แต่ไม่อาจช่วยอะไรเธอได้เลยนอกจากให้กำลังใจและปลอบโยนเท่านั้น
“ร้องออกมาเถอะนังหนู ถ้าร้องแล้วมันทำให้เอ็งสบายใจขึ้น”
“ป้าทองจ๋า ทำไมเขาช่างใจร้ายเหลือเกิน” พิมพ์มาดาคร่ำครวญออกมาอย่างทนไม่ไหว
“นายหัวไม่เคยเป็นแบบนี้ หลายปีแล้วที่นายหัวไม่เคยควงผู้หญิง จนกระทั่งแต่งงานกับนายหญิง แต่เท่าที่ข้ารู้ นายหัวกับนายหญิงมีความสัมพันธ์กันแค่ทางนิตินัย นายหัวคง...เฮ้อ...ความสวยของเอ็งมันเป็นผลร้ายต่อตัวเอ็งจริงๆ”
พิมพ์มาดาไม่ตอบได้แต่ร้องไห้จนน้ำตาเป็นเผาเต่า แต่ความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นเขาเท่าโกรธตัวเอง ที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาเชยชม ถ้าเขาไม่หยุดหรือถ้าป้าทองไม่เรียก ป่านนี้เธอคงตกเป็นของพญามารตนนั้นไปแล้ว
“นายพญามาร หนูเกลียดเขาจ้ะป้า หนูเกลียดเขา” พิมพ์มาดาบอกว่าเกลียด แต่ใจเธอกลับไม่รู้สึกเกลียดเท่าคำพูด
“ข้าจะไปเอาเสื้อผ้ามาให้เปลี่ยน แต่รอยพวกนี้ คงจางหายไปเองนั่นล่ะ”
ป้าทองดันร่างบางออกห่าง และมองรอยแดงเป็นจ้ำๆ ที่เนินอกอวบและลำคอระหง พิมพ์มาดาหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย และก้มหน้างุดหนีสายตาที่มองมาอย่างเอ็นดูปนสงสาร
“เอ็งรอข้าอยู่ที่นี่นะ ห้ามหนีไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวข้ามา” ป้าทองบอก ก่อนลุกเดินออกไป โดยไม่ลืมปิดประตูให้แต่ไม่ได้ล็อกด้านนอก
พิมพ์มาดาเมื่อเห็นป้าทองเดินออกไป ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หญิงสาวสวมกางเกงที่ยังอยู่ในสภาพดี และเสื้อตัวเก่าที่ขาดวิ่น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ใส่อะไรเลย ดวงตาคู่สวยมองไปที่ประตูพลางคิดว่าถ้าออกไปทางประตูคงไม่ดี จึงเบนสายตาไปที่หน้าต่างที่มีเพียงคู่เดียวและปิดอยู่ หญิงสาวเดินไปเปิดหน้าต่าง และต้องยิ้มกว้างเมื่อมันเปิดออกอย่างง่ายดาย ก่อนจะรีบปีนขอบหน้าต่างและกระโดดออกไปอย่างคล่องแคล่ว
‘ป้าทองจ๊ะ กระถินขอโทษ แต่กระถินคงทนอยู่แบบนี้ไม่ได้ หวังว่าเขาคนนั้นคงไม่ทำร้ายป้าหรอกนะจ๊ะ’
พิมพ์มาดาคิดในขณะที่ออกวิ่งไปข้างหน้า เธอมองไปรอบๆ ก็เห็นเพียงต้นไม้ที่รกครึ้มหนาแน่น และแน่ใจว่ากำลังวิ่งเข้าป่าที่ไม่รู้จักและน่ากลัว
ป้าทองเข้ามาอีกครั้งในไม่กี่นาทีต่อมา ก็เห็นเพียงห้องโล่งๆ และบานหน้าต่างที่เปิดอยู่ มือเหี่ยวๆ ยกขึ้นทาบอกอย่างตกใจ ก่อนรีบรุดหมุนตัวเดินแกมวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ร่างอวบท้วมและสังขารจะเอื้ออำนวย
“นายหัว...นายหัว” ป้าทองวิ่งเข้าไปในบ้านใหญ่ และตะโกนเรียกภูผาเสียงลั่นบ้าน
“มีอะไรป้าทอง” นายหัวหนุ่มเดินลงมาจากห้องนอนชั้นบน หลังจากอาบน้ำดับความร้อนรุ่มเพราะไฟพิศวาสที่แผดเผา จนร่างแกร่งเริ่มเย็นลงเป็นปกติ
“กระถินค่ะ กระถินหนีออกหน้าต่างไปแล้ว”
ภูผาไม่ถามซ้ำรีบวิ่งออกไปจากบ้านตรงเข้าแนวป่าที่อยู่ด้านหลัง คนที่อยู่กับป่าเขามานานกับคนที่ไม่คุ้นเคยกับธรรมชาติแบบนี้ ความเร็วมันต่างกันอยู่แล้ว ทำให้ภูผาไล่ตามพิมพ์มาดาได้ทันในเวลาไม่นาน
“กรี๊ด...ปล่อยนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” พิมพ์มาดาดิ้นรนต่อสู้สุดแรงเกิด แต่ไม่อาจต้านทานแรงจากร่างกำยำที่ทั้งสูงกว่า หนากว่า และแข็งแรงกว่าเยอะ “ไม่นะ ฉันไม่กลับ”
“พิมพ์มาดา เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอก” ภูผารวบร่างบางจากด้านหลัง แต่หญิงสาวก็ยังมีฤทธิ์กระทืบเท้าบางเปล่าเปลือยลงบนเท้าใหญ่ในรองเท้าบู๊ท แต่ชายหนุ่มหลบทัน ทำให้เท้าบางกระทืบลงบนหนามแหลมคมเต็มที่
“โอ๊ย!” พิมพ์มาดาร้องเสียงหลง และทรุดฮวบลงนั่งกับพื้นดินทันที
“เป็นไงล่ะ ฤทธิ์เยอะนักนี่ ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว” ภูผาเอ็ดเสียงแข็ง มองพิมพ์มาดาที่นิ่วหน้าอย่างเจ็บปวด
ภูผานั่งยองๆ มองคนอวดดีและบ้าดีเดือดที่วิ่งเท้าเปล่าเข้าป่า และอดแปลกใจว่าเธอวิ่งมาไกลโดยไม่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้านี้ได้อย่างไร หากแต่เมื่อมือใหญ่ยกเท้าบางขึ้นดูแล้วก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ หลายแผล และบาดแผลใหญ่ที่เลือดหยดติ๋งเป็ดบาดแผลล่าสุด
นายหัวหนุ่มเห็นหนามแหลมคมชิ้นใหญ่แทงลึก ก็ต้องทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ ความเป็นห่วงแล่นวาบเข้ามาอย่างรวดเร็วและห้ามไม่อยู่ ภูผาจัดการดึงหนามแหลมออกอย่างว่องไว เรียกเสียง “ซี๊ด” จากเรียวปากนุ่มพร้อมทั้งมือบางที่ผลักร่างหนาให้ออกห่าง
“อยู่เฉยๆ สิ โบราณว่าไว้ไม่ผิด ที่ว่าคนสวยๆ มักจะโง่ ถ้าคิดจะวิ่งหนีเข้าป่าก็หัดเตรียมหารองเท้ามารอไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นแบบนี้”
“ทีหลังคุณก็เตรียมรองเท้าไว้ให้ฉันด้วยสิ ฉันจะใส่เวลาที่วิ่งเข้าป่าหนีพญามารอย่างคุณ” พิมพ์มาดาเถียงและขว้างค้อนคมให้ร่างสูง
ภูผาฉีกชายเสื้อตัวเองพันบาดแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือด และกระตุกเท้าอีกข้างขึ้นจนร่างบางเสียหลักหงายหลังตึง
“โอ๊ย! นี่คุณ ฉันเจ็บนะ”
“ถ้ากลัวเจ็บตัวจริง เธอคงไม่หนีฉันแบบนี้หรอก หุบปากและเตรียมรับโทษเวลาที่กลับไปถึงเหมืองได้เลย”
“คุณมันก็ดีแต่ข่มขู่ และรังแกผู้หญิงแค่นี้ล่ะ”
“ก็ผู้หญิงอย่างเธอมันต้องเจออย่างฉันไง เอ้า...ลุกขึ้นได้แล้ว อย่าทำสำออยให้มากนักเลย ฉันไม่หลงกลปล่อยเธอกลับไปหาไอ้ทินวิทย์หรอก”
ภูผายืนขึ้นและกระตุกร่างบางให้ลุกขึ้นตาม แต่พิมพ์มาดาก็ต้องทำหน้าเบ้เพราะเมื่อเท้าข้างที่เจ็บ เหยียบลงที่พื้นดินอีกครั้ง ความเจ็บแปลบก็ทิ่มแทงจนน้ำตาแทบเล็ด
“เจ็บล่ะสิ ฉันไม่อุ้มเธอหรอกนะ อยากวิ่งหนีมาเองก็ต้องเดินเอง สมน้ำหน้าอยากอวดเก่งดีนัก”
“คนบ้า ไม่ช่วยแล้วยังซ้ำเติมอีก เดินไปคนเดียวเลย ทิ้งฉันไว้ที่นี่แหละ ฉันไม่กลับไปกับคุณหรอก”
“พิมพ์มาดาอย่าท้าทายฉันให้มากนักนะ เธอก็รู้ดีนี่ว่าเวลาฉันโกรธแล้วเธอจะโดนอะไร หรืออยากเป็นเมียฉันมากจนตัวสั่นล่ะ ถ้าอยากนักก็บอกได้ ฉันจะได้ไม่ต้องออกแรงบังคับเธอในทีแรก และรอให้เธอสมยอมเองในทีต่อมา”
“ฉันเกลียดคุณ จำไว้ว่าฉันไม่มีวันสมยอมให้คุณเป็นอันขาด ฉันรังเกียจสัมผัสของคุณยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือเสียอีก”
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ยิ่งที่เธอเกลียด ฉันยิ่งชอบ เพราะฉะนั้นฉันจะยิ่งทำให้เธอเกลียดจนเข้าไส้เลยทีเดียว เพราะมันเป็นความสะใจของฉัน”
ภูผาผลักร่างบางเข้าหาต้นไม้ใหญ่ ก่อนเบียดร่างแกร่งเข้าแนบชิด ริมฝีปากได้รูปฉกวูบเข้าหากลีบปากบวมเจ่อจนไรฟันของทั้งคู่กระทบกัน เรียวลิ้นสากสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ตวัดไล้รัดแน่นเรียวลิ้นหวานนุ่มอย่างหลงใหล ดูดรัดควานหาความหวานซอกซอนไปทั่วโพรงปากอุ่น ดื่มด่ำน้ำผึ้งรวงทองที่หวานหยด จนเจ้าของรวงผึ้งหวานแทบขาดใจ
“อื้ม...” พิมพ์มาดาทุบตีไปทั่วอกกว้าง แต่ถูกอ้อมแขนกำยำรัดแน่น อกอวบเบียดแนบไปกับอกกว้าง มือบางจิกทึ้งกรีดปลายเล็บคมเข้าที่ลำคอแกร่ง
ภูผารู้สึกเจ็บและแสบที่ต้นคอ มือใหญ่จึงบีบขยำลอนสะโพกงอนงามหนักมือเป็นการทำโทษหญิงสาว แต่พิมพ์มาดายังไม่ยอมแพ้แม้ความรู้สึกต้านทานเริ่มอ่อนแรงลง หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีริมฝีปากที่รุกไล่ตามติดไปได้เพียงนิดเดียว ก็ถูกประกบกลั้นเสียงร้องที่กำลังจะเปล่งออกมาเพื่อห้ามปรามและต่อว่า
