บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 ดินแดนพญามาร

3

ดินแดนพญามาร

ภูผาขับรถพาพิมพ์มาดามาถึงเหมืองชัยเชษฐ์ในตอนค่ำ นายหัวหนุ่มแบกร่างบางพาดบ่า และเดินดุ่มๆ ไปยังบ้านหลังน้อยชั้นเดียวยกพื้นสูงด้วยบันไดสามขั้น โดยมีร่างท้วมหนาของป้าทองหญิงแม่บ้านวัยชรายืนรออยู่แล้ว

“ป้าทองออกไปก่อน ทางนี้ผมจัดการเอง” ภูผาบอก และป้าทองก็ถอยฉากออกไปตามคำสั่ง

ร่างบางของพิมพ์มาดาถูกเหวี่ยงลงบนเตียงแคบๆ ที่แข็งไม่นุ่มเลยสักนิด เธอรู้สึกจุกไปหมดแต่ยังคงพยายามดิ้นรนคิดจะหนีทั้งที่ยังถูกมัดมือมัดเท้าและปิดปาก

“เอ้า...ดิ้นเข้าไป ต่อให้เธอดิ้นจนตาย เธอก็ไม่มีวันหนีฉันพ้น”

“อื้อ...อื้อ...”

“นังตัวดี เธอต้องอยู่ที่นี่ ฉัน...จะลงโทษเธอยังไงดีนะ ให้มันสาสมกับสิ่งที่เธอร่วมมือกับไอ้ทินวิทย์ทำร้ายมธุรดา”

“อื้อ...อื้อ...”

“อะไร เธอจะพูดอะไร” ภูผากระตุกเทปกาวออกจากปากนุ่มอย่างแรง จนพิมพ์มาดารู้สึกเจ็บจนชาริมฝีปากไปหมด

“คุณเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน”

“ฮึ...ฉันนายหัวภูผา ชัยเชษฐ์ และที่นี่ก็คือเหมืองชัยเชษฐ์ เธออย่าปฏิเสธเลยว่าไม่รู้จัก เพราะฉัน...ไม่เชื่อ”

“เชื่อเถอะ ได้โปรด ฉันไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักเมียของคุณเลย ส่วนทินวิทย์ฉันก็เพิ่งรู้จักกับเขานะ” พิมพ์มาดาบอก “ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเมียคุณ”

“ฮึ...ไปหลอกเด็กอมมือซะไป ฉันเห็นกับตาว่าเธออยู่กับไอ้ทินวิทย์ เธอจับมือถือแขนกับมัน และพามันไปบ้าน เธอจะบอกว่าไม่รู้จักทินวิทย์ได้ยังไง”

“เขา...เขาเป็นแฟนของพี่สาวฉัน ได้โปรดเถอะนะ ปล่อยฉันไปเถอะ”

“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ งั้นเหรอ แฟนพี่สาวเธองั้นเหรอ แล้วเธอชื่ออะไรล่ะ ไหนลองบอกฉันหน่อยสิ” ภูผากอดอกเอียงคอยิ้มเยาะหยันด้วยประกายตาดูถูกเต็มที่

“ฉันชื่อพิมพ์มาดา พี่สาวฉันชื่อวีรดา นะ...เชื่อฉันเถอะนะ” พิมพ์มาดาอ้อนวอนเสียงสั่น

“งั้นเหรอ แหมๆ เธอนี่นอกจากร่านแล้วยังหน้าด้านอีกนะ ไม่ยอมรับและยังโยนความผิดให้คนอื่นอีก หน้าไม่อายจริงๆ”

“ฉันไม่ได้โยนความผิดให้คนอื่น แต่ฉันชื่อพิมพ์มาดาจริงๆ”

ภูผาส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนเดินไปที่ประตู

“แล้วฉันจะหาคำตอบนั้นเอง” เขาบอกและเดินออกไป ทิ้งพิมพ์มาดาเอาไว้ลำพังในห้องแคบๆ

“ป้าทอง เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปได้ อ้อ...ให้กินแค่วันละมื้อพอ เลี้ยงดีนักเดี๋ยวจะสบายเกินไป” ภูผาบอกป้าทอง เมื่อเดินออกมาพบหญิงชราถือถาดอาหารของตน เตรียมไว้สำหรับทานในเวลาที่ต้องเฝ้าหญิงสาวที่ถูกขังอยู่ข้างใน “นี่ข้าวใคร”

“เอ่อ...ของป้าเองค่ะ”

“แล้วไป คืนนี้ยังไม่ต้องให้กินข้าว กินน้ำกันตายไปก่อน” ภูผาบอกเสร็จ ก็เดินจ้ำอ้าวกลับบ้านใหญ่ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านน้อยหลังนี้ ร่างสูงของศิลาเดินเข้ามาหาพอดีกับที่ภูผากำลังต้องการพบ

“หิน นายส่งคนกลับไปดูที่บ้านของวีรดาที ฉันอยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง ให้คนไปดูว่าที่บ้านนั้นตอนนี้กำลังเป็นยังไง แล้วรีบบอกฉันทันที”

“ครับ นายหัว” ศิลาก้มศีรษะลงเล็กน้อยรับคำนายหัวหนุ่ม ก่อนทั้งคู่จะแยกกันไปคนละทาง

“พี่หิน”

ศิลาหันไปมองตามเสียงเรียก และได้เห็นร่างเล็กบอบบางของมณีรินลูกสาวของป้านวลแม่บ้านใหญ่ ดูแลความเรียบร้อยทุกอย่างภายในบ้านใหญ่ของภูผา

“ว่าไงน้ำค้าง”

สาวน้อยเจ้าของนามว่าน้ำค้างเขยิบร่างบางของตนเข้าไปใกล้ร่างสูงของศิลาอีกนิด

“น้ำค้างได้ยินมาว่า คนของนายหัวพาผู้หญิงที่ชื่อวีรดาเข้าไปขังไว้ที่เรือนหลังเล็กจริงเหรอ” สาวน้อยเอียงคอถาม ดวงตาคู่นั้นฉายประกายสงสัยและใคร่รู้มากมาย

“อย่าอยากรู้ไปหน่อยเลยน้ำค้าง ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างเราจะต้องรู้” เขาบอกด้วยสีหน้าที่บึ้งตึงเล็กน้อย

“น้ำค้างไม่ใช่เด็กแล้วนะพี่หิน น้ำค้างอายุ 19 ปี แล้ว เขาถือว่าเป็นสาวแล้ว” หล่อนบอก

ศิลากวาดสายตาคมไปทั่วร่างบางของคนที่บอกว่าไม่ใช่เด็กแล้วอย่างประเมิน มุมปากลึกยกขึ้นอย่างขำๆ ความแก่นแก้วของสาวน้อยตรงหน้า พร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ ให้หล่อน

“ส่ายหน้าหมายความว่าไงกันพี่หิน” หล่อนถามเสียงขุ่นมัว พร้อมกับใบหน้าใสที่งอง้ำลงอย่างไม่พอใจ

“ก็หมายความว่าอายุน่ะอาจจะไม่เด็กแล้ว แต่รูปร่างนั้นยังห่างไกลคำว่าเป็นสาวอีกหลายขุมนักน่ะสิ ฮ่ะ ฮ่ะ” ศิลาตอบและส่งเสียงหัวเราะร่วน

“อ๊าย...พี่หินบ้าๆ ใช่สิ ยังไงน้ำค้างก็ยังเป็นเด็กน้อยสำหรับพี่หินอยู่วันยังค่ำ ไหนจะไปสู้ยัยการะเกดคนงามนั่นได้ล่ะ โอ้โห...อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก แถมยังชอบแต่งตัวยั่วผู้ชายไม่เว้นแต่ละวัน แบบนั้นล่ะมั้งที่พี่หินว่าเป็นสาว คอยดูนะสักวันน้ำค้างจะเป็นสาวสวยกว่ายัยการะเกดนั่นให้ได้ เอาให้ผู้ชายทุกคนที่เหมืองตะลึงกันไปเลย ไม่เชื่อพี่หินก็คอยดูน้ำค้างก็แล้วกัน เชอะ” มณีรินตอกกลับเสียงเขียวใส่ศิลาเป็นชุด ก่อนขว้างค้อนคมๆ ให้และสะบัดหน้าเดินลงส้นหนีไปอย่างโกรธๆ

ศิลาได้แต่ยืนขำท่าทางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงของมณีรินอย่างอ่อนใจ เด็กหนอเด็ก ยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำล่ะน่ะ ยัยบ๊องเอ๊ย

ภูผาเดินตรงไปที่บาร์เหล้า ดวงตาคมกวาดไปทั่วชั้นวางก่อนจะตัดสินใจหยิบขวดเหล้าชั้นดีราคาแพงออกมา จัดการเปิดขวดและรินใส่แก้วทรงสวยที่วางคว่ำเรียงรายอยู่บนชั้นวางแก้วใกล้ๆ กัน

เขาไม่ได้ดื่มเหล้ามานานแล้ว จนเมื่อมธุรดาเสียชีวิตลง เขาก็ยังไม่คิดจะดื่ม แต่วันนี้ตอนนี้หัวสมองของภูผาหนักอึ้งจนคิดอะไรไม่ออกก็เลยอยากหาที่ระบายด้วยการดื่มเหล้าขอเมาสักวัน ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าจ่อที่ปาก ก่อนจะกระดกแก้วขึ้นเทน้ำสีอำพันลงคอ รสขมๆ ของมันไหลผ่านลำคอแกร่งลงไปร้อนวาบ แต่ภูผาก็หาสะดุ้งสะเทือนไม่ ความที่เคยเป็นคนคอแข็งเมื่อครั้งที่ยังเรียนหนังสืออยู่กลับมาอีกครั้ง

เวลาผ่านไปไม่นานเหล้าในขวดก็ลดลงเกือบครึ่ง ใบหน้าคร้ามแดดแต่ไม่ดำเริ่มแดงก่ำ แต่สติสัมปชัญญะของภูผายังสมบูรณ์ครบถ้วน ภูผาคิดถึงภรรยาสาวผู้จากไป น้องน้อยของเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน เขาสัญญาว่าจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นเจ็บปวดมากกว่าหลายเท่า ภาพในอดีตที่มธุรดาเคยบอกกับเขาว่าไม่ให้ดื่มเหล้า เพราะจะทำให้เสียสุขภาพผุดขึ้นมาให้ความคิด

“พี่ขอเถอะนะดา พี่อยากเมาจริงๆ อย่าโกรธพี่เลยนะ” เขาพึมพำอยู่คนเดียว ดวงตาคมมองน้ำสีอำพันในแก้วที่เพิ่งเทลงไปใหม่ เขาไม่น่าคลาดกับทินวิทย์ในวันนั้นเลย ไม่งั้นคงได้จัดการทั้งผู้ชายและผู้หญิงพร้อมกันแล้ว

เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าผ่านพ้นไป ในที่สุดก็เหลือแต่ขวดเหล้าเปล่าๆ วางอยู่ข้างๆ ร่างสูงซบหน้าหลับตาลงด้วยความเมาบนบาร์เหล้าจนถึงเช้า

ป้านวลเข้ามาตรวจตราความเรียบร้อยในยามเช้า และเห็นภูผาฟุบหน้าอยู่ก็ตกใจ

“นายหัว นายหัว” ป้านวลเรียกและเขย่าร่างของผู้เป็นนายหัว

ภูผาลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือจากแรงเขย่าของป้านวล เขาหันไปมองร่างท้วมของแม่บ้านอย่างงงๆ

“นายหัวเมาเหรอ” ป้านวลถาม เพราะเห็นขวดเหล้าเปล่าวางอยู่ใกล้ๆ กัน

ภูผาสะบัดศีรษะไล่ความงุนงงออกและลุกขึ้นลงจากเก้าอี้ตัวสูงที่นั่งอยู่ ร่างสูงซวนเซไปเล็กน้อย แต่ภูผาก็ยังพยุงตัวเองให้ยืนตรงๆ ได้

“นิดหน่อย เช้าแล้วเหรอ”

“คงไม่นิดแล้วล่ะมั้ง ดื่มเข้าไปซะขนาดนี้ นี่เช้าแล้วยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ” ป้านวลต่อว่ากรายๆ อย่างไม่เกรงกลัว เพราะตนนั้นเลี้ยงดูภูผามาตั้งแต่ยังแบเบาะ

“เถอะน่ะป้า วันนี้ผมขอข้าวต้มร้อนๆ ตอนเช้านะ” เขาบอก

“ไม่ขึ้นไปนอนต่อเรอะ คงจะได้หลับไปไม่นานล่ะมั้งนี่”

ภูผาส่ายหัวกับคำถามนั้น

“ไม่ล่ะจะขึ้นไปอาบน้ำ แล้วจะลงมาเลย” เขาบอก

“จะไหวเหรอนายหัว” ป้านวลถามเพราะเป็นห่วง

“ไหวสิ ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่ะป้า” ภูผาบอกป้านวลก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองขึ้นบันไดเพื่อไปยังห้องนอนของตัวเองอย่างมั่นคง

ป้านวลมองตามและส่ายหน้าน้อยๆ อย่างเป็นห่วงผู้เป็นนายของเหมืองชัยเชษฐ์

ป้าทองมองหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ถูกมัดมือมัดเท้านอนตะแคงอยู่บนเตียง พิมพ์มาดาได้แต่พลิกตัวไปมาเมื่อรู้สึกเมื่อยขบ เพราะแขนที่ถูกมัดไพล่กันอยู่ข้างหลัง ร่างบางในชุดเสื้อยืดอยู่บ้านกับกางเกงขาสามส่วนที่ดูแสนธรรมดานั้น ไม่ได้ทำให้ความงามที่มีอยู่ในตัวลดลงไปเลย แต่ความรู้สึกของป้าทองกลับบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่น่าจะร้ายกาจเหมือนที่นายหัวบอกเลย

“น่าเสียดาย เธอสาว เธอสวย แต่ทำไมจิตใจเธอถึงไม่สวยเหมือนหน้าตาและรูปร่างเลยนะ”

“ป้า...หนูไม่ได้ทำร้ายใครนะ หนูไม่รู้จักเมียของเจ้านายป้า หนูไม่เคยฆ่าใครนะจ๊ะ”

“ข้าก็อยากเชื่อเอ็งว่ะ แต่ถึงข้าเชื่อแล้วนายหัวไม่เชื่อก็เท่านั้น เฮ้อ...เอ็งต้องรับกรรมต่อไปว่ะนังหนู”

“ป้า...เล่าให้หนูฟังหน่อยสิจ๊ะ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมธุรดา” พิมพ์มาดาไม่สนใจอาการเจ็บข้อมือ เพราะถูกเชือดบาด แต่เธออยากรู้เรื่องที่เธอถูกกล่าวหามากกว่า

“เฮ้อ...คุณมธุรดาเป็นนายหญิงของที่นี่ แต่เธอกินยาฆ่าตัวตาย ได้ยินว่าเพราะอักหกจากคนรัก”

“อ้าว...แล้วเจ้านายป้าไม่ใช่คนรักของเธอเหรอ ก็เขาเป็น...เอ่อ...สามีของเธอนี่นา”

“สามีทางนิตินัย นายหัวกับนายหญิงถูกจับคลุมถุงชน แต่ทั้งคู่ก็หวังว่าจะรักกันได้ในสักวันหนึ่ง แต่ก็...รักกันแบบพี่แบบน้องเท่านั้น นายหัวเปิดโอกาสให้นายหญิงทุกทาง เพราะอยากให้นายหญิงได้อยู่กับคนรัก และนายหญิงก็มาเจอทินวิทย์ เขาเป็นรักแรกของเธอเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็ทำให้นายหญิงเสียใจ เพราะเขาเปลี่ยนใจไปหาเอ็งไงล่ะ”

“ป้า...ไม่ใช่หนูนะจ๊ะ หนูสาบานได้ หนูรู้จักกับทินวิทย์ในฐานะน้องของพี่ต้นอ้อ เอ๊ะ! หรือว่า...พี่ต้นอ้อคือ...ผู้หญิงคนนั้น”

“ข้ารู้แต่ว่า ผู้หญิงคนนั้นชื่อวีรดา”

“หนูชื่อพิมพ์มาดาจ้ะ ชื่อเล่นว่ากระถิน ไม่ใช่วีรดาหรือพี่ต้นอ้อ”

ป้าทองมองหน้านวลเหมือนจะหยั่งให้รู้ถึงจิตใจ อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าพูด แต่ถึงเธอจะเชื่อก็คงทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

“เอ็งนอนซะเถอะนังหนู ไม่ว่าเอ็งจะเป็นใคร ข้าเชื่อว่านายหัวจะต้องรู้ความจริงเข้าในไม่ช้า อ้อ...ถ้าเอ็งจะเข้าห้องน้ำห้องท่าก็บอกข้า ข้าจะแก้เชือกให้ แต่เอ็งไม่มีทางหนีพ้นหรอก อย่าคิดหนีให้ปวดหัวเลย ข้างนอกนั่นมีแต่ผู้ชายกลัดมัน สวยๆ อย่างเอ็งคงไปได้ไม่ไกล ข้าจะนั่งเฝ้าเอ็งอยู่ที่นี่และจะนอนในนี้ เรียกได้ตลอด แต่ทนหิวไปก่อนนะ พรุ่งนี้ข้าจะเอาข้าวมาให้เอ็งกินวันละมื้อ” ป้าทองบอก ก่อนจะจัดการปูที่นอนบนพื้นและเอนหลังลงนอนทันที ทำให้คนที่อยากบอกอยากถามจำต้องเงียบปาก และปล่อยให้ความเงียบเข้าครอบงำ

“จ๊ะเอ๋”

เสียงทักทายที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น ทำให้หญิงชราตกใจจนเกือบเผลอปล่อยมือจากถาด ในขนาดที่กำลังเก็บจานข้าววางบนถาด ตั้งใจว่าจะเอาไปเก็บในครัว และเห็นมณีรินกระโดดมายืนอยู่ตรงหน้า

“อกอีแป้นจะแตก นังน้ำค้าง...เอ็งมาได้ยังไงนี่”

“อีแป้นที่ไหนกันจ๊ะ ต้องอกอีทองจะแตกต่างหาก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ” สาวน้อยหัวเราะชอบอกชอบใจยกใหญ่

“เดี๋ยวเถอะอีน้ำค้าง ข้าถามเอ็งว่าเอ็งมาได้ยังไง” เสียงของป้าทองตวาดแว๊ดกลับมา

“ฉันก็มาหาป้าไง คิดถึงป้าเลยมาหาไม่ได้เหรอ”

“แต่นายหัว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่มย่ามที่นี่ เอ็งไม่รู้รึไง”

“แหม...ฉันก็พูดเล่นน่ะป้า จริงๆ แล้วพี่หินให้ฉันมาดูว่าที่นี่เป็นยังไงบ้าง” มณีรินเอาศิลามาอ้าง ทั้งที่ความจริงนั้นไม่มีใครบอกให้เธอมา แต่ด้วยความอยากรู้เรื่องหญิงสาวก็เลยแอบมาเอง

“เหรอ” ป้าทองทำสีหน้าไม่เชื่อ

“จริงสิป้า แล้วเป็นไงมั่งล่ะที่นี่น่ะ” มณีรินถาม พร้อมกับมองไปรอบๆ

“ก็ไม่มีอะไร ถ้าเอ็งหมายถึงคนที่อยู่ในข้างในล่ะก็ วันนี้ข้าเอาข้าวไปให้กินแล้ว”

มณีรินพยักหน้าน้อยๆ

“เออ...นังน้ำค้าง ข้าถามอะไรเอ็งหน่อยเถอะวะ”

“อะไรเหรอป้า”

“คนที่นายหัวจับตัวมาขังไว้น่ะ ชื่อวีรดาใช่มั้ย” ป้าทองถามอย่างสงสัย

“ใช่ป้า ทำไมเหรอ”

“แล้ววีรดานี่มีชื่อเล่นว่าอะไร เอ็งรู้รึเปล่าวะ”

มณีรินมองหน้าเหี่ยวๆ ของป้าทองนิ่งๆ ก่อนตอบ

“ไม่แน่ใจนะป้า แต่เคยได้ยินแว่วๆ ว่าชื่อต้นอ้ออะไรนี่แหละ” มณีรินเอียงคอเล็กน้อย “ทำไมเหรอป้า หรือป้าจะบอกว่าวีรดาที่อยู่ในเรือนเล็กไม่ได้มีชื่อเล่นว่าต้นอ้อ”

“เอ่อ...เอ่อ...ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เห็นนังหนูนั่นบอกว่าตัวเองชื่อพิมพ์มาดา ชื่อเล่นว่ากระถิน” ป้าทองบอก

คิ้วโก่งเรียวสวยอย่างเป็นธรรมชาติของมณีริน ขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างสงสัย เห็นจะต้องไปถามศิลาให้รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะแล้ว

“พี่หิน พี่หิน” มณีรินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในเหมือง แต่ข้างๆ ร่างสูงของศิลานั้นมีร่างสูงใหญ่ของนายหัวภูผายืนอยู่ด้วย มณีรินเบรกตัวเองไว้แต่ไม่ทันเสียแล้ว หญิงสาวจำต้องมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มทั้งสอง

“มีอะไรเหรอน้ำค้าง” ศิลาถามและมองร่างบางที่ยังหอบแฮ่กๆ เพราะความเหนื่อยจากที่วิ่งมาหา

“เอ่อคือ...ว่า...” เสียงใสๆ นั้นเปร่งออกมาเบาๆ ตะกุกตะกัก ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างศิลาถึงกับขมวดคิ้ว

“ว่าไงน้ำค้างมีอะไร” เสียงดุเข้มของภูผาดังขึ้น ทำให้ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อย

“ปะ...เปล่าค่ะ น้ำค้างแค่มีเรื่องส่วนตัวจะถามพี่หิน” สาวน้อยก้มหน้างุดหลบตาคมกริบที่มองมาอย่างค้นคว้าและสงสัย

“งั้น...เอาไว้ฉันเสร็จงานเมื่อไหร่แล้วจะไปหาก็แล้วกัน” ศิลาบอก มณีรินรีบพยักหน้าและหันหลังขวับวิ่งกลับไปทางเดิมทันที

“น้ำค้างดูแปลกๆ ไปนะหิน” ภูผาถาม

“ก็คงมีเรื่องเด็กๆ ซอกแซกถามอีกนั่นแหละครับ” ศิลาตอบ

“เรื่องที่ให้ไปทำ นายจัดการหรือยัง”

“สงคนให้จัดการตามที่นายหัวสั่งแล้วครับ คิดว่าอีกไม่นานคงรู้ความคืบหน้า”

“อืม...และฉันจะรอล่ะกัน”

ศิลาไปหามณีรินตามที่ได้บอกเอาไว้ เขาเห็นร่างบางกำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ชันเข่าขึ้นอย่างใช้ความคิด เสียงฝีเท้าที่ย่ำลงบนใบไม้แห้งที่ร่วงลงมาจากต้น ไม่ได้ทำให้มณีรินตื่นจากภวังค์ความคิดได้เลย

ศิลาเดินเข้าไปใกล้และโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างใบหูบางหอมกรุ่นของมณีริน

“น้ำค้าง” ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดข้างแก้มนวล พร้อมเสียงกระซิบเรียกชื่อที่ได้ยิน ทำให้มณีรินสะดุ้งหันหน้าไปหาต้นเสียง ความใกล้ชิดทำให้ปลายจมูกโด่งของศิลาสัมผัสกับแก้มนวลโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อุ๊ย! พี่หิน” จุดสีแดงกระจายเต็มดวงหน้าสวยคมอย่างรวดเร็ว ศิลามองอาการสะเทิ้นอายของมณีรินอย่างเอ็นดู ชายหนุ่มยืดลำตัวขึ้นตรง พร้อมกับมณีรินที่ทรงตัวลุกขึ้นยืน

“มีอะไร ทำไมนั่งเหม่อลอยได้ขนาดนี้” เขาถามยิ้มๆ

“น้ำค้างกำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ พี่หินเล่นมาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมด” มณีรินก้มหน้างุดอย่างเขินอาย

“ใครว่า ฉันเดินมาเสียงออกดัง แต่เธอต่างหากที่ไม่ได้ยินเอง นี่สงสัยคงกำลังนั่งคิดถึงชายหนุ่มอยู่ล่ะสิท่าถึงได้ใจลอยได้ขนาดนี้น่ะ” ร่างสูงยืนกอดอกพิงร่างกับต้นไม้ใหญ่

“จะบ้าเหรอ ชายหนุ่มที่ไหนกัน ในเหมืองนี่ไม่เห็นว่าจะมีผู้ชายคนไหนให้น่าคิดถึงเลย ยกเว้นแต่...นายหัวภูสุดหล่อ แต่น้ำค้างไม่เผยออาจเอื้อมหรอก” มณีรินสะบัดใบหน้างามพรืดอย่างงอนๆ

“ว่าแต่...เธอมีอะไรกับฉันเหรอน้ำค้าง” ศิลาถาม

“คือว่า...น้ำค้างมีเรื่องอยากถามพี่หินว่า ผู้หญิงที่ชื่อวีรดามีชื่อเล่นว่าต้นอ้อหรือเปล่า” ใบหน้านวลที่ยังคงมีสีแดงระเรื่อนั้นขมวดคิ้วมุ่นอย่างสงสัย

“ใช่ ถามทำไม” ศิลาหรี่ตาลงจ้องมองสาวน้อยตรงหน้า

มณีรินหันซ้ายหันขวาดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น นอกจากหล่อนกับเขาแล้ว

“วันนี้น้ำค้างแอบไปหาป้าทองที่เรือนหลังเล็กมา” หล่อนบอก

“อะไรนะ!” ศิลาตกใจ

“ชู่ว์...พี่หินอย่างเสียงดังไปสิ เดี๋ยวมีคนได้ยินเข้าน้ำค้างตายแน่” มณีรินเอามือบางป้องปากชายหนุ่มไว้

ศิลาดึงมือบางออก และมองหน้านวลอย่างเอาเรื่อง

“แล้วเราเข้าไปทำไม ถ้านายหัวรู้เข้าจะโดนทำโทษนะรู้มั้ย” เขาบอกเสียงดุ

“รู้ แต่น้ำค้างบอกป้าทองว่าพี่หินให้ไปดูความเรียบร้อยที่นั่น อ๊ะ อ๊ะ อย่าเอะอะไปนะ” หล่อนรีบบอกเมื่อเห็นเขาทำท่าว่าจะดุหล่อนอีก

“น้ำค้าง” ศิลาครางออกมาอย่างอ่อนใจ

“เรื่องนั้นน้ำค้างว่าเอาไว้ก่อนเถอะ เรื่องที่น้ำค้างจะบอกพี่หินต่อไปนี้ก็คือ ป้าทองบอกว่าผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในเรือนหลังเล็กนั่น บอกว่าตัวเองชื่อพิมพ์มาดา ชื่อเล่นว่ากระถิน ไม่ใช่วีรดาหรือต้นอ้อ” หล่อนบอก

เมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของมณีริน ทำให้ศิลาต้องนิ่งงันไปอย่างใช้ความคิด

“อย่างนี้นี่เอง นายหัวถึงได้ให้ส่งคนกลับไปที่บ้านของวีรดาอีก” ศิลาพึมพำ

“พี่หิน คิดเหมือนที่น้ำค้างคิดมั้ยว่านายหัวอาจจะจับตัวมาผิดคน”

เสียงใสๆ ของมณีรินทำให้เขามองสบดวงตาคู่สวยของหล่อนนิ่งๆ “คิด” ศิลาบอก

“แต่อีกไม่นานหรอกน้ำค้าง นายหัวคงได้รู้ความจริง ว่าอะไรเป็นอะไร และถ้านายหัวจับมาผิดตัว มันต้องมีสาเหตุที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด” เขาบอก พลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ลับลงไป ไม่นานเสียงของป้าทองก็ดังขึ้น

“สวัสดีนายหิน” เสียงของป้าทองดังมาตามสาย

“ป้าทองเรื่องที่น้ำค้างไปหาป้าวันนี้ ไม่ต้องบอกนายหัวนะ” เขาบอก

“ตกลง” ป้าทองตอบรับง่ายๆ ก่อนจะกดวางหูไปอย่างรวดเร็ว

“เรื่องนี้เราไม่ต้องเข้าไปยุ่งอีก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนายหัว นายหัวคงจะรู้ความจริงได้ในไม่ช้านี้หรอก” ศิลหันมาบอกมณีริน และสาวน้อยก็พยักหน้าให้ช้าๆ ก่อนทั้งคู่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน

“กรี๊ดๆๆ ทำไมแม่ ทำไมนังกระถินมันมีดีอะไร คุณทินถึงได้หลงรักมันตั้งแต่แรกเห็น ในเมื่อต้นอ้อก็สวยกว่ามันเป็นไหนๆ แล้วดูสิ ตอนนี้มันก็หนีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้” วีรดากรีดเสียงร้อง และกระทืบเท้าไปมาอย่างโกรธแค้น เธอรักทินวิทย์และไม่ต้องการให้ใครมาแย่งเขาไป โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นพิมพ์มาดา วีรดาก็ยิ่งเจ็บใจ

“ฉันไม่รู้ เสน่ห์ของแกมันคงจืดจางแล้วล่ะมั้ง” นางวิไลตวัดตามองค้อนลูกสาว ที่ยืนหน้าดำหน้าแดงอยู่ตรงหน้า

“แม่! ไม่จริงหรอก ไม่มีทางที่เสน่ห์ของต้นอ้อจะน้อยกว่ามัน ผู้ชายหลายคนก็รักก็หลงต้นอ้อทั้งนั้น แต่ทำไมคุณทินถึงได้...อ๊าย...ต้นอ้อจะไปหาคุณทิน ไปถามคุณทินให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้” พูดจบวีรดาก็ก้าวเท้าฉับๆ ไปที่รถของตัวเอง ก่อนกระชากรถออกไปตามแรงอารมณ์

สายสืบที่มองดูเหตุการณ์อยู่ทั้งหมด และได้ยินเสียงร้องลั่นของวีรดาค่อนข้างชัดเจน เพราะเขายืนอยู่ข้างกำแพงบ้านใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ร่างของนักสืบขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองและขับตามวีรดาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาหยุดลงที่คอนโดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นคอนโดคนละแห่งกับที่เขารู้ว่าทินวิทย์อาศัยอยู่ที่นั่น หรือว่าทินวิทย์ย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว

ร่างของวีรดาลงจากรถเดินเชิดหน้าเข้าไปในคอนโดแห่งนั้น แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ ทำให้สายสืบไม่สามารถเข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเองได้ ว่าวีรดามาหาทินวิทย์หรือเปล่า เขาได้แต่รออย่างใจจดใจจ่อ เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง เขาก็เห็นร่างของวีรดาที่ควงคู่ออกมาจากคอนโดกับทินวิทย์จริงๆ

“เรื่องที่ต้นอ้อถามคุณในห้อง คุณยังไม่ได้ตอบต้นอ้อเลยนะคะ”

วีรดาถามขึ้นอย่างรบเร้าต้องการคำตอบ เมื่อทั้งคู่เข้ามานั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง และหารู้ไม่ว่ามีผู้ชายที่แต่งกายเหมือนพนักงานส่งเอกสารนั่งฟังการสนทนาของทั้งคู่อยู่ที่โต๊ะข้างๆ อย่างเงียบกริบ

“ต้นอ้อ...ที่ผมพาคุณมาที่นี่ ก็เพราะจะคุยกับคุณเรื่องนี้ล่ะ ผมรักกระถิน ไม่ได้รักคุณ” ทินวิทย์ กล่าวด้วยใบหน้าที่แสนจะเย็นชา อย่างไม่สนใจความรู้สึกของคนตรงหน้า

“อะไรนะคะ คุณรักนังกระถินได้ไง ต้นอ้อเป็นเมียคุณนะคะ”

“ระหว่างเรามันเป็นแค่เกม ผมกับคุณเล่นและสนุกด้วยกันเท่านั้น คุณไม่น่าจะเก็บมาคิดมาเปลืองสมองเลยนะ”

วีรดาหน้าซีดตัวสั่นสะท้าน มองผู้ชายตรงหน้าเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่จริงใช่มั้ย คุณล้อต้นอ้อเล่นใช่มั้ยคะ เรารักกัน ต้นอ้อรักคุณนะคะ”

“ต้นอ้อ...ผมไม่เคยรักคุณเลย คุณลืมคำพูดของตัวเองแล้วเหรอ ก่อนที่เราเล่นรักกัน คุณกับผมตกลงกันไว้ว่าจะไม่ผูกมัดใดๆ กันทั้งสิ้น”

“แต่...ต้นอ้อรักคุณนี่คะ คุณทินคะ ต้นอ้อรักคุณนะคะ นังกระถินมัน...หลอกล่อผู้ชายไม่เว้นแต่ละวัน นายวรุฒผู้ชายข้างบ้านก็ถูกมันหลอก คุณกำลังจะเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกมันหลอกนะคะ แล้วตอนนี้มันก็หนีตามผู้ชายคนไหนไปก็ไม่รู้”

“ต่อให้ผมไม่ได้รักกระถิน ผมก็ไม่มีทางรักคุณได้หรอกต้นอ้อ ตัดใจจากผมซะเถอะ เรื่องระหว่างเรามันเป็นแค่เกม และมันจะจบลงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” ทินวิทย์บอกอย่างเย็นชา และลุกขึ้นเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้วีรดาต้องนั่งน้ำตาตกในอยู่คนเดียว

“คนไม่มีทางมีความสุขหรอก ทินวิทย์” หญิงสาวพูดอย่างแค้นเคือง ถ้าทินวิทย์ไม่รักหล่อน ก็อย่าหวังเลยว่าจะรักใครได้

สายสืบเห็นทินวิทย์เดินจากไป ก็ลุกเดินตามออกไปบ้างเช่นกัน ก่อนจะกดโทรศัพท์หาศิลา และแจ้งเหตุการณ์ให้รู้

“คุณศิลาครับ ผมยังเห็นวีรดาอยู่ที่บ้านหลังนี้นี่ครับ เจ้านายของคุณไม่ได้มาพาตัวเธอไปหรอกเหรอครับ”

“อะไรนะ หมายความว่า นายหัวจับมาผิดคนจริงๆ งั้นสิ”

“ก็คงเป็นอย่างนั้นนะครับ แต่ผมก็บอกรูปพรรณสัณฐานของวีรดาไปแล้วนะครับ เพียงแต่...ผมไม่ได้บอกไปว่า วีรดามีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง แต่รู้สึกว่าไม่ใช่น้องแท้ๆ และถ้าคนที่ไม่รู้ ก็คงคิดว่าเธอคนนั้นเป็นคนรับใช้ของบ้าน”

“เธอชื่อพิมพ์มาดาหรือเปล่า”

“อ๋อ...ใช่ครับ วันนั้นผมจะส่งรูปถ่ายไปให้ แต่เจ้านายของคุณศิลาบอกว่าจะขึ้นมาดูเอง ผมก็เลยคิดว่า เขาคงเห็นเหมือนกับผม แต่คงเกิดความเข้าใจผิดขึ้น เพราะเท่าที่รู้ตอนนี้ วีรดาเพิ่งจะกลับมาบ้าน ผมได้ยินเสียงเธอกรีดร้องโวยวาย และตามเธอออกมาจากบ้าน เธอมาเจอทินวิทย์และถูกทินวิทย์ตัดเยื่อรักหักสวาท และผมยังได้ยินอีกนะครับ ว่านายทินวิทย์บอกว่ารักกระถิน ผู้หญิงที่ผมบอกว่าเป็นน้องสาวของวีรดาไงครับ อาจเป็นไปได้ว่าเจ้านายของคุณ เห็นน้องของวีรดาอยู่กับทินวิทย์ และคิดว่าเป็นวีรดา ก็เลยพาตัวเธอไปแทน อ้อ...ผมบันทึกเสียงสนทนามาให้ด้วยนะครับ เป็นหลักฐานสำคัญเลยทีเดียว”

ข้อมูลที่ได้รับทราบจากสายสืบมากพอจะยืนยันได้ว่า ผู้หญิงที่อยู่ในเรือนหลังเล็กไม่ใช่วีรดา แต่ข้อมูลที่ได้รู้มาใหม่นั้นน่าสนใจกว่า เขาจะต้องรีบไปรายงานของภูผารู้

“อืม...ขอบคุณมาก ส่งเทปนั่นมาให้ผม และถ้ามีคำสั่งอะไรอีก ผมจะรีบแจ้งให้คุณทราบ ว่าแต่ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่มั้ยว่าทินวิทย์ อยู่ที่ไหนอย่างไร”

“ครับ แต่ผมไม่รู้ห้องนะครับ ขอเวลาอีกสักนิด ให้ผมหาทางเข้าไปในคอนโดนี้ก่อน แล้วถ้าได้ความว่ายังไง จะรีบโทรไปบอกอีกทีครับ”

ศิลารีบนำเรื่องที่เพิ่งทราบไปบอกนายหัวหนุ่มทันที

“อะไรนะ! นายว่า ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่วีรดางั้นเหรอ”

“ครับนายหัว วีรดาตัวจริงยังอยู่ที่กรุงเทพฯ ช่วงที่นายหัวไปที่นั่น เธอไม่อยู่ครับ”

“แต่ผู้หญิงคนนี้ จับมือถือแขนกับทินวิทย์ แล้วหล่อนเป็นใครกัน”

“เธอชื่อกระถินครับ ชื่อจริงชื่อพิมพ์มาดา เป็นน้องของวีรดา และ...เอ่อ...”

“และอะไร”

“เป็นคนที่ทินวิทย์รัก และต้องการจะแต่งงานด้วยครับ สายสืบบันทึกเสียงสนทนาเอาไว้ และผมให้เขาส่งมาให้แล้วครับ”

“ไอ้ทินวิทย์...ดีล่ะ ถึงฉันจะจับมาผิดตัว แต่ความผิดพลาดของฉันก็คุ้มค่า ไอ้ทินวิทย์มันรักผู้หญิงคนนี้ใช่มั้ย ฉันจะทำให้มันกระอักออกมาเป็นเลือด ให้มันเจ็บเหมือนที่น้องดาต้องเจ็บ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel