บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ลักพาตัว

2

ลักพาตัว

ภูผาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพราะต้องการตามหาตัววีรดาด้วยตนเอง ชายหนุ่มมาตามที่อยู่ที่สายสืบให้ไว้ และเฝ้ามองร่างบางที่เดินไปเดินมาทำโน่นนี่มาตลอดเวลา 3 วัน เขาไม่พบทินวิทย์และคิดว่าผู้หญิงสาวหน้าหวานคนนี้เป็นวีรดา เพราะลักษณะรูปร่างหน้าตาที่สายสืบบอกมาก็ตรงกับเธอคนนี้ แม้จะบุคลิกที่เรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ของเธอคนนี้จะตรงข้ามกับวีรดาในความคิดของภูผา แต่เขาไม่เห็นคนอื่นอีกนอกจากผู้หญิงวัยกลางคนที่คิดว่าน่าจะเป็นแม่ของวีรดา

“นังกระถิน นังกระถิน” เสียงเรียกอย่างจิกหัว ดังโหวกเหวกตั้งแต่เช้าตรู่

ร่างระหงของพิมพ์มาดาที่เพิ่งจะใส่บาตรพระสงฆ์เสร็จต้องรีบยกถาดเปล่าเข้าบ้านไปทันที หญิงสาวเดินเร็วแทบจะเป็นวิ่งเพื่อเข้าไปหาผู้เป็นแม่เลี้ยง ก่อนจะทำให้นางวิไลหงุดหงิดมากไปกว่านี้

“มีอะไรหรือคะคุณป้า” หล่อนถามขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้าบูดบึ้งของนางวิไล

“แกหายหัวไปไหนมา ปล่อยให้ฉันเรียกหาอยู่ตั้งนานหูตึงแล้วรึไง”

“กระถินเพิ่งจะใส่บาตรพระเสร็จน่ะค่ะ คุณป้ามีอะไรจะใช้กระถินหรือคะ” พิมพ์มาดาเรียกนางวิไลว่าป้า เพราะนางวิไลไม่ยอมให้เธอเรียกว่าแม่ ด้วยเธอไม่ใช่ลูกของนางวิไล

“วันนี้ฉันจะมีแขกมาบ้าน แกทำไว้สัก 34 อย่างนะ” นางวิไลบอกและล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเงินออกมา 300 บาท ส่งให้พิมพ์มาดา “เอ้านี่ ฉันให้แกเท่านี้ เอาเฉพาะของโปรดของฉันนะ หวังว่าคงไม่ต้องสาธยายให้แกฟังอีกว่าฉันชอบอะไรมั่ง”

พิมพ์มาดารับเงินจำนวนนั้นไว้ พลางทบทวนในใจว่านางวิไลนั้นชอบกินอะไรบ้าง

“คุณป้าคะ แต่ว่าเงินแค่นี้คงจะซื้อไม่พอหรอกค่ะ เพราะแต่ละอย่างที่คุณป้าชอบกินมีแต่ของราคาแพงทั้งนั้น” หญิงสาวแย้ง

“ฉันสั่งให้แกซื้อด้วยเงินเท่านี้แกก็ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก” นางวิไลตวาดกลับมา

พิมพ์มาดาก็เลยหมดคำพูดไปทันที หญิงสาวมองเงินในมืออีกครั้ง ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปตลาดสด

“ป้ามุกจ๋า ช่วยกระถินหน่อยนะ พอจะมีกุ้งสดราคาถูกๆ เอาแบบถูกที่สุดมีมั้ยจ๊ะ” พิมพ์มาดาถามแม่ค้าที่ขายอาหารทะเลด้วยคำพูดที่อ่อนหวาน

“เอ็งโดนนังแม่เลี้ยงใจร้ายแถมขี้เหนียวใช้ให้มาซื้อกับข้าวอีกล่ะสิ” ป้ามุกบอก เพราะรู้จักหญิงสาวมานาน เนื่องจากพิมพ์มาดาจะมาจับจ่ายใช้สอยในตลาดแห่งนี้เกือบทุกวัน “เออมี ข้าขายให้เอ็งคนเดียวเท่านั้นนะเพราะสงสาร ถ้าเอ็งซื้อไม่ได้ก็ต้องโดนอดข้าวอดน้ำยิ่งกว่านักโทษซะอีก” ป้ามุกผู้ใจดีหยิบกุ้งที่เริ่มจะมีกลิ่นเล็กน้อยให้หญิงสาวและคิดในราคาที่ถูกมาก พิมพ์มาดายิ้มรับอย่างขอบคุณ ถึงแม้ว่าจะได้กุ้งที่ไม่สด แต่หล่อนก็ทำให้คุณป้าใจร้ายกินได้ และทำอย่างดีไม่ให้ของสดที่ไม่สดแล้วนั้น สำแดงฤทธิ์บ่งบอกความไม่สดออกมาให้ได้รู้

จากนั้นหญิงสาวก็เดินหิ้วถุงกุ้งไปที่ร้านขายปลา และร้านนี้ก็เช่นกันที่แม่ค้านั้นรู้จักกับพิมพ์มาดามานาน และรู้ว่าหญิงสาวจะมาซื้อของราคาถูกจะสดหรือไม่สดพิมพ์มาดาก็ไม่เกี่ยง

“น้าช้อยจ๋า” พิมพ์มาดาส่งเสียงเรียกแม่ค้าอย่างอ่อนหวานประจบประแจง “วันนี้กระถินอยากได้ปลาช่อนสักตัวจ้ะ เอาเหมือนเดิมนะจ๊ะ”

“ได้ ข้าเก็บของไว้ให้เอ็งเกือบทุกอย่าง ก็แล้วแต่ว่าวันไหนเอ็งจะมาซื้ออะไรไป ดีกว่าปล่อยให้มันเน่าเสียจนขายไม่ได้เลย” แล้วน้าช้อยก็ก้มลงไปที่ใต้แผงและหยิบปลาช่อนที่แช่เย็นออกมาจากตู้แช่ข้างใต้นั่น “ข้าคิดเอ็งแค่ครึ่งหนึ่งของราคาขายก็แล้วกัน” หล่อนบอกอย่างใจดี

“ขอบคุณค่ะน้าช้อย น้านี่ใจดีที่สุดในโลกเลยรู้มั้ย” หญิงสาวยิ้มแก้มปริให้น้าช้อย

“เอ็งไม่ต้องปากหวานใส่ข้าหรอก ข้าก็เห็นเอ็งเหมือนลูกเหมือนหลานข้าคนนึงเหมือนกัน”

“ค่ะน้าช้อย กระถินจะไม่ลืมบุญคุณน้าช้อยเลย” หญิงสาวบอกด้วยความปลื้มปิติ ก่อนก้มหัวให้น้าช้อยหยิบเงินให้ ก่อนส่งยิ้มให้อีกครั้งและพาร่างระหงเดินจากไป

พิมพ์มาดาเดินจับจ่ายของที่ต้องการจนครบโดยที่ใช้เวลาไม่นานนัก ดวงตาคู่สวยสะดุดที่เสื้อยืดลายน่ารักสีชมพูหวานแหวว หล่อนเอื้อมมือไปจะจับเสื้อตัวนั้น แต่ก็สัมผัสกับมือใครบางคนเข้าโดยไม่ตั้งใจ และไม่รู้ตัวเลยว่าภาพนั้นถูกดวงตาคมกริบจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

พิมพ์มาดาชักมือกลับ แล้วหันไปมองคนที่ใจตรงกับเธออย่างตกใจ

“ขอโทษนะครับ” ทินวิทย์กล่าวขอโทษหญิงสาวเสียงนุ่ม

ดวงตาของผู้ชายคนนี้แวววาวและดูน่ากลัวในความคิดของพิมพ์มาดา หญิงสาวจึงหลบตาและเบนสายตาไปมองที่อื่นแทน

“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ” พิมพ์มาดาตอบแค่นั้นและเดินหนีทันที เพราะเธอไม่ชอบแววตากรุ้มกริ่มของผู้ชายตรงหน้าเอาเสียเลย

“เดี๋ยวสิครับ คุณเป็นน้องสาวของวีรดาใช่มั้ย พอดี...เอ่อ...ผมเป็นเพื่อนของวีรดา อยากไปไหว้คุณน้า แต่หาบ้านไม่เจอสักที” ทินวิทย์หลอกล่อ จริงๆ แล้วเขาบังเอิญมาแถวนี้ และจำได้ว่าสาวน้อยคนนี้เป็นน้องของวีรดา เพราะตอนที่กลับมาจากระนองและพาวีรดามาส่งบ้าน เขาเห็นน้องสาวคนสวยคนนี้แวบๆ และพอได้เจอเธออีกครั้งที่นี่ก็จำได้ทันที อย่างไม่คิดจะปล่อยให้พลาดโอกาสทองไปได้ง่ายๆ

“เอ่อ...ใช่ค่ะ คุณ...”

“ผมทินวิทย์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ถ้าไม่รังเกียจช่วยพาผมไปที่บ้านคุณหน่อยได้มั้ยครับ”

พิมพ์มาดามองหน้าทินวิทย์อย่างลังเลชั่วครู่ ก่อนพยักหน้าช้าๆ อย่างไม่แน่ใจ

“ขอบคุณครับ งั้นเชิญที่รถผมเลยนะครับ อ้อ...ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมไม่พาคุณไปที่อื่นแน่ ไว้ใจผมนะครับ” ทินวิทย์ยิ้มหวานที่คิดว่าเป็นรอยยิ้มกระชากใจสาวให้พิมพ์มาดา ก่อนแย่งถุงในมือบางมาถือไว้ และเดินนำหญิงสาวไปที่รถของตัวเอง

ภาพการเดินเคียงคู่กันไปต้อยๆ ระหว่างหญิงสาวและทินวิทย์ ผู้ชายที่ภูผาเคยเห็นด้วยตาตนเอง เพราะความบังเอิญไปเจอมธุรดาเดินกับทินวิทย์ แต่เขาไม่ได้เข้าไปทักในตอนนั้น เพราะมีงานสำคัญรออยู่ ภูผาขบกรามแน่นดวงตาคมกริบลุกวาวราวเปลวเพลิงโชติช่วง และมั่นใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นวีรดาแน่นอน เขายังติดตามผู้หญิงที่คิดว่าเป็นวีรดากับทินวิทย์กลับไปยังบ้านของหล่อน

นางวิไลมองทินวิทย์ที่เดินเข้ามาในบ้านกับพิมพ์มาดาอย่างสงสัย เพราะรู้ว่าทินวิทย์นั้นเป็นแฟนหนุ่มของวีรดา ความสงสัยเริ่มเปลี่ยนเป็นความไม่พอใจทันที แต่ไม่อยากให้ทินวิทย์มองตนไม่ดี จึงกักเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ไม่แสดงออกมา

“สวัสดีครับคุณน้า พอดีผมหาบ้านคุณน้าไม่เจอ แล้วไปเจอน้อง...เอ่อ...”

“มัน...เอ้ย...เค้าชื่อกระถินน่ะจ้ะ” นางวิไลตอบ และพยักเพยิดให้พิมพ์มาดาเข้าไปด้านใน หญิงสาวก็เดินเข้าไปทันที เพราะไม่อยากอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว

“อ๋อ...ชื่อน่ากินจังนะครับ” ทินวิทย์กล่าวยิ้มๆ และพอเห็นสายตาของนางวิไล เขาก็รีบแก้ตัว “เอ่อ...ผมชอบกินกระถินน่ะครับ คุณน้าครับ ผมซื้อผลไม้มาฝาก” ทินวิทย์ส่งถุงแอ๊ปเปิ้ลที่ตนคิดจะซื้อกลับไปกินที่บ้าน แต่คงต้องให้นางวิไลเสียแล้วตอนนี้

นางวิไลที่มีความเค็มจนเกลือยังเรียกพี่ ต้องยิ้มแก้มปริและรีบรับถุงแอ๊ปเปิ้ลทันที

“ขอบใจจ้ะ ช่างมีน้ำใจจริงๆ พ่อคุณ”

“ผมผ่านมากะจะเอาแอ๊ปเปิ้ลมาให้คุณน้าน่ะครับ เห็นว่าต้นอ้อไม่อยู่ ถ้างั้น...ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“อ้าว...จะกลับแล้วเหรอ”

“พอดีผมต้องไปทำธุระต่อน่ะครับ ลาเลยแล้วกันนะครับ แล้วผมจะมาใหม่” ทินวิทย์ยกมือขึ้นไหว้ลานางวิไล ก่อนเดินออกไปขึ้นรถและขับออกไปทันที

ภูผาเห็นทินวิทย์ขับรถกลับไปก็เดินไปขึ้นรถของตนบ้าง และขับตามทินวิทย์ไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มหาจังหวะจะเล่นงานทินวิทย์ แต่ก็คลาดกันเมื่อรถของภูผาต้องติดไฟแดงอยู่นาน จนไม่อาจตามรถของทินวิทย์ได้ทัน นายหัวหนุ่มทุบมือกับพวงมาลัยรถอย่างแรงด้วยความโมโห ที่จะได้จัดการกับทินวิทย์แล้ว แต่ดันคลาดกันเสียก่อน เขาจึงขับรถไปยังที่พักของทินวิทย์ซึ่งเป็นคอนโดของคนระดับปานกลาง ก่อนจะมองหารถของทินวิทย์ที่ลานจอดรถ แต่ก็ไม่เห็น ภูผาจึงนั่งรอทินวิทย์อยู่ในรถ ก่อนหน้านี้เขามาดักรอทินวิทย์สลับกับเฝ้าดูวีรดา แต่เขาก็ไม่เคยเจอทินวิทย์เลยสักครั้ง วันนี้ก็เช่นกัน ภูผาเข้าไปถามหาทินวิทย์กับประชาสัมพันธ์ และได้คำตอบว่าทินวิทย์ย้ายออกจากที่นี่เกือบอาทิตย์แล้ว คงก่อนที่ภูผาจะมาดักรอนั่นเอง

ภูผารู้สึกเหมือนความแค้นที่ฝังลึกและยังไม่ได้สะสาง ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น และใบหน้าหวานใสก็ปรากฏในห้วงความคิด มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดที่ข้อมือปูดขึ้น ข้อนิ้วทุกนิ้วซีดขาว เขาต้องจัดการกับผู้หญิงแพศยาคนนั้นก่อน ถ้าทินวิทย์รักวีรดาจริง มันจะต้องเจ็บปวดและกระอักเลือดเหมือนที่มธุรดาเป็น

บ่ายแก่ๆ ของอีก 2 วันต่อมา ร่างบางของพิมพ์มาดาที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านต้องสะดุ้งนิดๆ เมื่อมีมือๆ หนึ่งส่งถุงกล้วยทอดมาให้ตรงหน้า

“หิวรึเปล่าเอ่ย”

พิมพ์มาดาถึงกับอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงทุ้มๆ ของวรุฒ

“พี่รุฒเนี่ยชอบทำให้กระถินตกใจอยู่เรื่อยเลย เดี๋ยวกระถินก็หัวใจวายตายกันพอดี” หล่อนแสร้งบ่น

“ก็พี่เห็นกระถินไม่สนใจว่าใครจะเดินผ่านประตูบ้านที่เปิดอยู่นี่ ก็เลยว่าจะทำเซอร์ไพรส์เล็กๆ น่ะ” ชายหนุ่มบอก แล้วส่งยิ้มโชว์ฟันเกือบครบ 32 ซี่ อย่างทะเล้น

“แล้วไปซื้อกล้วยทอดมาจากไหนคะ”

“พี่ซื้อมาจากร้านหน้าปากซอยน่ะ เห็นว่ามันน่ากินก็เลยซื้อมาฝากกระถินด้วย”

หญิงสาวเดินไปปิดน้ำเมื่อรดน้ำต้นไม้เสร็จ และเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินหน้าบ้าน โดยมีวรุฒเดินตามไปนั่งด้วย

“ขอบคุณนะคะ ทีหลังไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ กระถินไม่ได้หิว” หล่อนบอก

“แต่กระถินกินสักหน่อยก็ดีนะ พี่ว่ากระถินผอมลงไปเยอะเลย”

“ผอมๆ ก็ดีน่ะสิคะ หุ่นจะได้เหมือนนางแบบชื่อดังอย่างนาโอมิ แคมเบลล์” พิมพ์มาดาบอก ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

ความน่ารักของหล่อนทำให้ชายหนุ่มอดหัวเราะตามไม่ได้

“ถึงกระถินจะผอมบางเหมือนนาโอมิ แคมเบลล์ แต่สีผิวที่ขาวเนียนของกระถินก็ไม่เหมือนนาโอมิอยู่ดี”

“ถ้างั้น...ไว้มีโอกาสเมื่อไหร่ กระถินจะใส่ทูพีชไปนอนอาบแดดที่ชายทะเลสักเดือน สีผิวจะได้เหมือนกับนาโอมิ” หล่อนบอกและหัวเราะอย่างถูกใจอีกครั้ง

“เอ้อ...พี่มีน้ำกีวี่ เดี๋ยวจะไปเอามาเปิดกินดีกว่า รอเดี๋ยวนะ” วรุฒบอก ก่อนจะเดินกลับไปบ้านของตัวเองเพื่อหยิบน้ำกีวี่มาให้หล่อน พิมพ์มาดาจึงลุกไปม้วนสายยางที่ใช้รดน้ำต้นไม้เก็บเข้าที่

เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆ จากด้านหลัง ทำให้พิมพ์มาดาคิดว่าเป็นวรุฒและกำลังจะหันไปถามว่าทำไมถึงกลับมาเร็วจัง ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งก็โปะลงที่จมูกเล็กๆ ของเธอ หญิงสาวดิ้นอึกอักอยู่เพียงชั่วครู่ก็หมดสติลง จากนั้นร่างบางก็ถูกแบกขึ้นบ่าและถูกจับยัดใส่รถเอส ยู วี สีดำ ก่อนรถคันนั้นเคลื่อนตัวออกไปทันที

เมื่อวรุฒเดินกลับมาอีกที ก็ไม่เจอหญิงสาวเสียแล้ว

รถที่ถูกเบรกอย่างรวดเร็วเพราะอารมณ์ของคนขับ จนได้ยินเสียงล้อรถบดถนนดังลั่น “เอี๊ยด” ปลุกให้หญิงสาวลืมตาขึ้น พิมพ์มาดามองไปรอบๆ ตัวรถด้วยสมองที่ยังเบลอๆ เห็นว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ริมถนน ที่ไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่านเท่าใดนัก ก่อนจะพยุงตัวขึ้นจากท่าที่นอนอยู่ พิมพ์มาดาหันไปมองผู้ชายร่างสูงตระหง่านที่ใส่เสื้อเชิ๊ตสีดำผิวขาว ใบหน้าของเขาคมเข้มมีหนวดเคราขึ้นปะปราย ประกอบกับจมูกโด่งจนแหลมและริมฝีปากเข้มแต่ไม่คล้ำดำเหมือนคนที่ชอบสูบบุหรี่จัด ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถคนนี้ถือว่าหล่อจัดเลยทีเดียว

“คุณจับฉันมาทำไม” หล่อนถามเขาทันทีที่สมองเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวอย่างรวดเร็ว

“ฟื้นแล้วเหรอ นังแพศยา” ภูผาถามเสียงกร้าวกระด้าง เขาหันไปมองหน้าหวานของผู้หญิงที่เขาปักใจเชื่อว่าแพศยาเต็มตา ดวงตาคมกริบราวมีดโกนนั้นมีดวงไฟที่ลุกโชนอยู่ในดวงตา เหมือนต้องการประหัดประหารเธอด้วยดวงตาเลยทีเดียว

“คุณจับตัวฉันมาทำไม เราไม่เคยรู้จักกันด้วยซ้ำไปนี่นา” พิมพ์มาดาร้องถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกและหวาดกลัว

“เธอไม่รู้จักฉัน แต่เธอรู้จักทินวิทย์และมธุรดาแน่”

“คุณทินวิทย์ ทำไมเค้าไปทำอะไรให้คุณ และฉันไปเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”

“มันทำให้เมียของฉันฆ่าตัวตาย โดยมีเธอเป็นสาเหตุไง นังแพศยา! ร่าน” ภูผาด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย จนพิมพ์มาดาแทบฟังไม่ได้ ก็เธอไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอต้องมานั่งให้เขาด่าอยู่แบบนี้ด้วยเล่า คิดได้ดังนั้นพิมพ์มาดาก็เปิดประตูรถเหมือนเป็นโชคดีของเธอที่ประตูไม่ได้ถูกล็อก แต่เธอก็วิ่งออกไปได้ไม่ไกลนักร่างเธอก็ลอยละลิ่วขึ้นพาดบ่า ก่อนที่ร่างหนาจะเดินกลับไปที่รถและยัดเธอเข้าไปที่เบาะหลังรถ อย่างไม่ระวังว่าศีรษะของเธอจะกระแทกเข้ากับอะไรบ้าง

ภูผาใช้เชือกที่เตรียมมามัดมือและเท้าของเธอ ก่อนปิดปากอิ่มที่ร้องตะโกนให้คนช่วยด้วยกระดาษกาวแผ่นใหญ่

“น่าเสียดาหน้าตาและรูปร่างของเธอเหลือเกิน มันสวยเกินกว่าคนใจชั่วอย่างเธอจะเป็นเจ้าของ แต่ฉันจะให้บทเรียนแก่เธอเอง และถ้าเธอร่านนักฉันจะช่วยตอบสนอง แต่สนองอย่างสัตว์ป่านะไม่ใช่อย่างมนุษย์ที่เค้าทำกัน” ภูผาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ก่อนกระแทกประตูปิด และเดินอ้อมไปประจำที่คนขับ ก่อนกระชากรถออกไปอย่างรุนแรง

พิมพ์มาดารู้ถึงชะตากรรมของเธอ แต่ไม่รู้สาเหตุที่ทำให้ผู้ชายคนนี้โกรธแค้นเธอถึงขนาดนี้ ในเมื่อเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับทินวิทย์เลย หญิงสาวน้ำตาไหลพรากอย่างน่าสงสาร แต่ผู้ชายคนนี้ไม่คิดจะสงสารเธอ เขารู้แต่ว่าเขาโกรธเกลียดเธอ และต้องการลงโทษเธอเท่านั้น

ทินวิทย์ครุ่นคิดถึงพิมพ์มาดา เธอเป็นคนแรกที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้ขนาดนี้ เขาไม่ได้รู้สึกกับเธอแค่อยากเชยชมเธออย่างเดียว แต่หัวใจของเขามันเต้นกระหน่ำจนน่าตกใจ ดวงหน้าหวานและท่าทางเหนียมอายไร้เดียงสานั้น ทำให้เขาตัดใจจากเธอไม่ได้ ทินวิทย์กระวนกระวายร้อนรนเมื่อไม่ได้พบหน้าเธออย่างบอกไม่ถูก น่าแปลกที่การได้เจอกันเพียงสองครั้ง จะทำให้เขารู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มริรักได้ขนาดนี้

จนในที่สุดทินวิทย์ก็จัดหาผู้ใหญ่ไปสู่ขอพิมพ์มาดา เมื่อแน่ใจแล้วว่าตนรักหญิงสาวเข้าแล้วจริงๆ เขาไม่คิดถึงวีรดาเลย ไม่สนใจด้วยว่านางวิไลจะคิดยังไง ทินวิทย์พาผู้ใหญ่ไปสู่ขอพิมพ์มาดาในตอนสายหลังจากที่เจอพิมพ์มาดาที่ตลาดอีกสามวันต่อมา

“คุณน้าวิไลครับ ผมจะมาสู่ขอ...กระถินครับ” ทินวิทย์บอกนางวิไลเมื่อไปถึงบ้านหล่อนแล้ว

“ห๊า...คุณว่าอะไรนะ คุณจะมาสู่ขอนังกระถิน ไม่ใช่ต้นอ้อหรอกเหรอ” นางวิไลร้องถามเสียงหลง

“คุณน้าได้ยินไม่ผิดหรอกครับ วันนี้ผมพาผู้ใหญ่มาสู่ขอกระถิน ไม่ใช่วีรดา” ทินวิทย์ย้ำชัด

“โอ๊ย...นังกระถินมันหนีตามผู้ชายไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ ป่านนี้มันยังไม่กลับมาเลย ดูมันทำเข้าสิคุณ ปล่อยให้ผู้ชายข้างบ้านรอ แต่มันกลับวิ่งโร่ไปกับผู้ชายอีกคน” ได้ทีนางวิไลก็ใส่ไฟพิมพ์มาดา เธอไม่ได้คิดเป็นห่วงหญิงสาวที่หายตัวไปเลยสักนิด เพราะเธอเชื่อว่าพิมพ์มาดาต้องหนีตามผู้ชายไปแน่ๆ นางวิไลเกลียดพิมพ์มาดาเข้าไส้ เพราะเธอไม่ใช่ลูกของ แต่เป็นเพียงลูกติดของสามีที่ตายจากกันไปเจ็ดปีที่แล้ว

“อะไรนะครับ กระถินหนีตามผู้ชาย! เป็นไปได้ยังไง ผม...ผมไม่เชื่อ” ทินวิทย์ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่เชื่อถือ

“ฮึ คุณไม่รู้จักมันดีหรอก มันคงให้ท่าคุณสินะ คุณถึงเปลี่ยนใจจากต้นอ้อมาหามัน เชอะ ลูกสาวฉันดีกว่ามันเป็นไหนๆ คุณอย่าตาต่ำไปเอาคนอย่างมันทำเมียเลย”

ทินวิทย์นิ่งอึ้งอยู่นาน ใช่ เขาเจอพิมพ์มาดาแค่สองครั้ง แต่เขาก็หลงรักเธอไปแล้ว และตอนนี้หัวใจของเขากำลังเจ็บปวดเหมือนถูกเหยียบขยี้ เขาไม่เชื่อว่าพิมพ์มาดาจะหนีตามผู้ชายไป และเขาจะต้องตามหาตัวเธอให้เจอจนได้

“ถ้างั้นผมลาเลยแล้วกันนะครับ” ทินวิทย์บอก และลุกขึ้นยืนโดยไม่ยกมือไหว้ ก่อนหมุนตัวเดินออกไปเฉยๆ ซะอย่างนั้น นางวิไลมองตามด้วยความโกรธเกรี้ยว และรีบโทรหาวีรดา เพื่อบอกเรื่องนี้ให้รับรู้

“ยัยต้นอ้อ...เมื่อไหร่แกจะกลับมา รู้มั้ยว่าผัวแกมันจะมีเมียใหม่แล้ว” นางวิไลบอกบุตรสาวผ่านสายโทรศัพท์

“อะไรกันแม่ นี่ต้นอ้อกำลังเที่ยวสนุกๆ อยู่ดีๆ แม่มาบอกอะไรต้นอ้อเนี่ย” เสียงวีรดาที่ขุ่นมัวดังตอบกลับมา

“ฉันบอกว่า นายทินวิทย์ของแก มันจะมาขอนังกระถินไปเป็นเมียตบเมียแต่งน่ะสิ”

“ห๊า...แม่ว่าอะไรนะ คุณทินจะทำแบบนั้นทำไม”

“ฉันพูดจริง มันเพิ่งกลับไปเมื่อตะกี้ เพราะนังกระถินมันหายตัวไปตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้ว่ามันไปไหน หลอกผู้ชายข้างบ้านไม่พอ มันคงไปหลอกคนอื่นอีกแน่ๆ ยังนายทินวิทย์อีก มันจะตบเท้าเข้าแถวจ่อคิวกันมาหลงนังกระถินเลยเหรอเนี่ย”

“แม่! นังกระถินหายไปไหน ก็ช่างหัวมันเถอะ แต่เรื่องคุณทินนี่สิ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้”

“ไม่รู้สิ แกไปหาคำตอบจากมันเอาเองแล้วกัน ไหนแกบอกว่ามันรักมันหลงแกจนโงหัวไม่ขึ้นไงล่ะ ถึงขนาดทิ้งเมียเศรษฐีปักใต้ที่เป็นเหมือนบ่อเงินบ่อทองของมันมาหาแกน่ะ”

“ก็...ก็ตอนนั้นมันเป็นอย่างนั้นจริงนี่แม่ คุณทินไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกนะแม่ แต่เขาไม่ชอบน้ำยาเย็นอย่างนังมธุรดาต่างหาก ก็เลยทิ้งมาหาต้นอ้อ แล้วทำไม...” น้ำเสียงของวีรดาสั่นน้อยๆ อย่างตระหนก เธอแน่ใจแล้วนะว่าทินวิทย์หลงเธอ แต่...

“ไอ้สิ้นหรือไม่สิ้นน่ะ ฉันไม่แน่ใจหรอก เอาเป็นว่า แกกลับมาแล้วไปหาคำตอบเองก็แล้วกัน เห็นมันบอกว่ามันรักนังกระถิน และจะตามหาตัวนังกระถินให้พบน่ะ เฮ้อ...แค่นี้นะ”

นางวิไลตัดสายทิ้งไปนานแล้ว แต่วีรดายังคงยกโทรศัพท์แนบหูเช่นเดิม ใบหน้าที่เคยสวยหวานตอนนี้เป็นสีแดงก่ำเพราะโกรธแค้น ก่อนขว้างโทรศัพท์ในมือทิ้งจนแตกกระจาย

“นังกระถิน แก! อย่าให้ฉันเจอแกนะนังตัวดี...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel