บทที่2.ต่อ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยววากับพี่แฮรี่จัดการเอง”
“หึ.. เดี๋ยววากับพี่แฮรี่จัดการเอง” เขาทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบเธอ หน้าตาท่าทางดูน่าขัน
“เหมือนเด็กขี้อิจฉาเข้าไปทุกวัน ทำไมคะ วากับพี่แฮรี่ทำไม”
“ไม่ทำไม แต่เธอดูสนิทสนมกับแฮรี่มากเกินไป ฉันไม่ชอบให้คนของฉันมาวอกแวกเสียสมาธิในการทำงาน”
ธีรดลกอดอกเชิดหน้าเมินหนีท่าทางเหมือนเด็กสามขวบจอมงอแงเสียมากกว่า วาสิฏฐีหัวเราะเบาๆ
“หัวเราะทำไม มีอะไรน่าขำ”
“เปล่าค่ะ วันนี้คุณเรียกวา.. แปลกจัง ปกติชื่อเรียกเต็มยศ ดีไม่พ่วงตำแหน่งมาให้ด้วย”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุยแล้วค่อยๆ วางแขาแข็งแรงลงกับพื้นพรมนุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกดโทรศัพท์ส่งข้อความหาแฮรี่ บอดีการ์ดประจำตัวของธีรดล และเป็นเพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทสนมด้วย ข้างกายของธีรดลนั้นมีแฮรี่เป็นบอดีการ์ดและขับรถให้ ทั้งยังมี รอยส์ เลขาส่วนตัวของเขาด้วยที่จะไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที่ และทั้งสองหนุ่มก็ดีกับเธอเหมือนพี่ชายที่แสนดี และยังคอยให้กำลังใจเธอเสมอยามที่ต้องเหนื่อยล้ากับการทำงานที่มีเจ้านายเอาแต่ใจและโมโหร้ายอย่างธีรดล
“คุณธีมน่ะ ปกติเป็นคนใจดี มีอารมณ์ขันนะ ก่อนประสบอุบัติเหตุนี่ เจ้าชายทรงเสน่ห์คารมดี เอาใจเก่งที่หนึ่ง สาวๆ นี่ติดตรึมเลยนาน้องวา”
“ใช่ๆ ถ้าได้เจ้านายคนเก่ากลับคืนมา เราคงไม่เหนื่อยขนาดนี้หรอก”
นั่นคือคำบอกเล่าของทั้งสองหนุ่มทำให้วาสิฏฐีแอบย่นจมูกใส่เขาอยู่บ่อยๆ
ชิ.. เจ้าคารมณ์ มันก็คือคนเจ้าชู้ดีๆ นี่เองแหละ… หญิงสาวอดค่อนขอดเขาในใจไม่ได้
“ทำไม เรียกวาเฉยๆ ไม่ได้หรือไง หรือจะต้องเรียก น้องวา เหมือนไอ้พวกนั้น”
“ได้ก็ดีนะคะ ได้ไหมล่ะ..” หญิงสาวถามทีเล่นทีจริง นัยน์ตาพรายระยับดูซุกซนน่าหมั่นไส้เสียนัก
“เฮอะ.. ทำไมฉันจะต้องเรียกเธอแบบนั้นด้วย ทีเธอยังไม่เคยเรียกฉันว่าพี่เหมือนไอ้พวกนั้นเลย”
น้ำเสียงและท่าทางของเขาเหมือนเด็กสามขวบที่เอาแต่ใจ และเรียกร้องความสนใจอย่างที่สุด วาสิฏฐีส่ายหน้าอย่างเอือมระอาใจ
“ที่พูดนี่แค่อยากเอาชนะพวกพี่รอยส์กับพี่แฮรี่หรือคะ”
“ทำไมฉันจะต้องอยากเอาชนะเจ้าพวกนั้นด้วย ไร้สาระ”
“โอเค ไม่อยากเอาชนะก็ไม่อยากเอาชนะ งั้นเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ แต่คุณกลับไปก่อนได้ไหมคะ วามีธุระขอแวะห้างซื้อของใช้ส่วนตัวนิดหน่อย”
เธอบอกขณะประคองเขามานั่งวีลแชร์ที่แฮรี่นำเข้ามาให้ แต่ธีรดลกลับไม่ยอมนั่งทั้งยังทำท่าเหมือนจะพยศขึ้นมาอีก
“ทำไมอีกล่ะคะ”
“ฉันไม่นั่ง ฉันเดินเองได้แล้ว”
“แต่วันนี้คุณเดินมาทั้งวันแล้วค่ะ นั่งเถอะ เดี๋ยววาช่วยเข็นให้” เธอบอกอย่างอ่อนโยน แม้ในใจจะหมั่นไส้เต็มกำลัง
“ไม่..”
“นะคะคุณธีม นั่งเถอะ พักขาสักหน่อย พรุ่งนี้วาจะอนุญาตให้คุณวิ่งรอบสนามหน้าบ้านสักยี่สิบรอบ แล้วให้คุณทำงานอย่างเต็มที่ กลับบ้านมาวาก็จะทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน ผสมน้ำอุ่นๆ ให้อาบ ดีไหม..”
“พูดอย่างกับเป็นเมียฉันอย่างนั้นล่ะ...”
ธีรดลพูดขึ้นมาอย่างลืมตัว แต่ก็ทำให้วาสิฏฐีน้าแดงก่ำขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งยังอึ้งๆ ไปทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ และเหมือนว่าชายหนุ่มเองก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“เอาล่ะ จะไปก็รีบๆ ไปสิ”
“เอ้อออ.. ค่ะๆ”
วาสิฏฐีเองก็เก้ๆ กังๆ ดูขัดเขินไม่ต่างกัน แฮรี่ยิ้มๆ กับท่าทางของทั้งคู่ ก่อนจะช่วยพยุงร่างของเจ้านายหนุ่มมานั่งวีลแชร์และธีรดลก็ยินยอมแต่โดยดี ทุกอย่างดูง่ายดายจนน่าแปลกใจ…
“ไม่รู้จะมาด้วยทำไม...”
วาสิฏฐีพูดออกมาเมื่อต้องกระเตงธีรดลมาด้วย เพราะชายหนุ่มไม่ยอมกลับบ้านก่อน และอ้างว่าอยากเดินห้างบ้างเหมือนกัน ดังนั้นเธอกับเขาจึงมาเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน โดนมีแฮรี่คอยเดินตามอารักขาอยู่ห่างๆ
ชายหนุ่มมองดูหญิงสาวที่เดินเลือกของโดยมีเจ้านายของเขาติดตามไม่ห่าง แม้จะนั่งวีลแชร์ แต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนตัวจะติดกันเหมือนว่าจะขาดกันไม่ได้ แฮรี่ยิ้มๆ เมื่อเห็นท่าทางที่ดูผ่อนคลายและรอยยิ้มที่ระบายบนใบหน้าหล่อเหลาของธีรดลบ้าง หลังจากที่ปีกว่ามานี้ ธีรดลแทบจะไม่มีรอยยิ้มและเอาแต่เก็บตัวอยู่กับบ้าน ไม่ยอมออกมาพบหน้าผู้คน นี่นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ที่ธีรดลออกมาดูโลกภายนอกบ้าง และนับว่าวาสิฏฐีทำให้เจ้านายของเขาเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว
“ฉันอยากกินอันนี้” ธีรดลหยิบห่อเส้นสปาเกตตี้ยี่ห้อหนึ่งมาส่งให้ตรงหน้า
“แล้วก็อันนี้ด้วย อันนี้ด้วย”
แล้วก็หยิบทั้งผักและผลไม้มาอีกหลายอย่างจนคนที่รับของมาใส่รถเข็นที่แฮรี่เข็นตามมาไม่ห่างแทบรับไม่ทัน
“เฮ้ย คุณ เดี๋ยวสิ ใจเย็นๆ ทำเหมือนเก็บกดไม่เคยได้ออกมาชอปปิ้งอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ใช่ไง ไหนๆ วันนี้ก็ออกมาแล้ว ซื้อของไปเยอะๆ แล้วก็ทำกินให้หนำใจไง”
“ซื้อไปเยอะขนาดนี้มันก็กินไม่ทันน่ะสิคุณ เอาไปแค่ทำกินสักวันสองก่อนดีกว่าไหม นี่มันเยอะไป”
พูดพลางหยิบของไปคืนที่ชั้น ธีรดลยิ้มๆ ที่แกล้งหญิงสาวได้ แต่เมื่อเธอหันกลับบมาก็ทำสีหน้าเรียบเฉย
“คุณอยู่เฉยๆ อยากกินอะไรก็บอก วาจะเลือกให้เอง”
“ก็ได้...” ชายหนุ่มทำทีรับคำแล้วทั้งสองก็เลือกของไปเรื่อยๆ จนไปหยุดที่ล็อกสินค้าที่เป็นผ้าอนามัยและของใช้สำหรับผู้หญิง
วาสิฏฐีก็เลือกผ้าอนามัยไปเรื่อยๆ โดยมีชายหนุ่มนั่งอยู่บนวีลแชร์รออยู่เงียบๆ เขาเฝ้าสังเกตท่าทางของวาสิฏฐีเงียบๆ และหญิงสาวไม่มีทีท่าว่าเขินอายกับการเลือกผ้าอนามัยซ้ำยังหยิบมาให้เขาดูด้วยว่ายี่ห้อไหนมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร
